จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 832 สำนักกุ่ยกู๋
มังกรมีเกล็ดใต้คอมังกรหากสัมผัสแล้วจำต้องตาย!
เกล็ดใต้คอมังกรของมังกร กำเนิดอยู่นอกหัวใจของมังกร ที่มีทิศทางตรงกันข้าม แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทำลายได้ยากอีกด้วย!
อีกทั้งสำหรับแก๊งเก้ามังกรนั้น ปราสาทที่เหลืองทองอร่าม ก็ไม่เทียบเท่ากับเกล็ดใต้คอมังกรหนึ่งชิ้น การมีอยู่ของเกล็ดใต้คอมังกรจึงจะถือเป็นหลักสำคัญที่แก๊งเก้ามังกรดำรงอยู่!
อีกทั้งตอนนี้พวกเขาส่งมอบเกราะเทพมังกรออกมา ก็สามารถมองออกถึงท่าทีของพวกเขาแล้ว อีกทั้งไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น
แม้จะบอกว่าการส่งมอบเกราะเทพมังกรทำให้เจ็บปวดใจอยู่บ้าง ทว่าสำหรับหลงเซี่ยวเทียนรวมถึงแก๊งเก้ามังกรแล้วนั้น เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เรื่องใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางการเดินของแก๊งมังกรได้!
หลงเซี่ยวเทียนพยักหน้า เอ่ยว่า: “ที่จอมพลเอ่ยมานั้นใช่ทั้งหมด เกล็ดใต้คอมังกรก็คือเกล็ดที่ปกป้องหัวใจขององค์ชายน้อย อีกทั้งหน้าที่ของแก๊งมังกรเราก็คือปกป้องเกล็ดปกป้องหัวใจชิ้นนี้ นี่ก็คือเหตุผลที่กระผมให้จอมพลมาในคืนนี้ เมื่อเรื่องนี้จบ ก็ถือว่าได้สมดั่งใจปรารถนาของกระผมแล้ว”
“แม่เจ้า!” เทียนขุยอดไม่ได้ เอ่ยคำหยาบออกมาทันที “แม่เจ้าโว้ย นี่มันบ้าอะไรกัน! เกล็ดมังกร? ตำนานขององค์ชายน้อยคือเรื่องจริงงั้นเหรอ?”
ฟางเหยียนเปิดกล่องขึ้น เมื่อกล่องเปิดขึ้น บรรยากาศทั้งตำหนักกลางก็หนักอึ้งขึ้นทันที ราวกับภายในหัวของทุกคนต่างก็มีเสียงร้องอันโหยหวนของมังกรดังขึ้นมา กดทับจนทำให้ทุกคนหายใจลำบาก พลังกดทับที่ไร้ตัวตนเข้ามาปกคลุม ราวกับเป็นน้ำในแม่น้ำที่ทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนต้องตกตะลึง!
ฟางเหยียนจ้องไปยังเกล็ดมังกรที่อยู่ในกล่อง ก็เหม่อลอยไป ตามเสียงร้องของมังกรก็ดังเข้ามา เหมือนว่าเลือดร้อนๆ ของเขาภายในร่างกายก็เดือดดาลขึ้นมาตามด้วย แต่กระทั่งวิชาเพลิงสวรรค์ก็คำรามขึ้นมาด้วย ทั้งเนื้อตัวอยู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงยกใหญ่ แรงกดทับที่ปกคลุมฟ้าดินเข้ามาปกคลุมทั้งตำหนักกลาง
ทำให้ตำหนักกลางที่แต่เดิมก็หนักอึ้งอยู่แล้ว ทรมานยิ่งขึ้น!
พลังกดทับที่มาเป็นระยะๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนักกลาง บนหน้าผากของหลายคนผุดเม็ดเหงื่อเล็กๆ ออกมา ไม่กล้าส่งเสียงอันใดออกมา แม้กระทั่งลมหายใจก็เปลี่ยนเป็นถี่หอบ ราวกับมีคนบีบคอของทุกคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น!
ทว่าผู้ใดจะไปรู้ นี่ก็คือการประลองพลังระหว่างเกล็ดนี้กับจอมพลโผ้จวิน พลังสองอันกระทบเข้าด้วยกัน ไม่มีใครจอมใคร พลังอันแข็งแกร่งทำให้ทุกคนต้องหวั่นกลัว และตื่นตระหนก
หลงเซี่ยวเทียนขมวดคิ้วแน่น ทว่าก็มีความตื่นเต้นเล็กน้อย เขามั่นใจยิ่งกว่าเดิมแล้วว่าการส่งมอบเกราะเทพมังกรนั้นเป็นเรื่องที่เฉลียวฉลาดเพียงใด เสียงร้องของมังกรนี้ราวกับต้านพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาจากฟางเหยียนไม่ไหว อยู่ๆ เขาก็คิดถึงหนึ่งคำขึ้นมาได้!
“ดาวทั้งเก้าเรียงตัวกัน เทพเจ้ามาจุติ ปีศาจอาละวาด ใต้หล้าอลหม่าน เริ่มปรากฏ สำนักต่างๆ ไม่สงบ มีสำนักมังกร เป็นปฏิปักษ์กับเพลิงเสวน!”
หรือว่า…
หลงเซี่ยวเทียนหยุดความคิดพร่ำเพรื่อ เกราะเทพมังกรเป็นสมบัติล้ำค่าของแก๊งเก้ามังกร อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่เจ้าสำนักในอดีตก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของมันเลย ได้ยินมาว่าเกราะเทพมังกรคืออาวุธร้ายแรงอย่างหนึ่ง ถึงอย่างไรเกราะเทพมังกรก็รวบรวมเจตนารมณ์ชั่วร้ายขององค์ชายน้อยมาอยู่รวมไว้ คนธรรมดายากที่จะต้านทานพลังทรงอานุภาพของมัน!
ทว่าตอนนี้!
เกราะเทพมังกรอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว พลังทรงอานุภาพกลับหายไปหมด!
ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ตัว ว่าการเลือกหนึ่งของตัวเอง ทำให้แก๊งเก้ามังกรลดความเสียหายไปได้อย่างมาก!
ไม่นาน ฟางเหยียนก็ปิดฝากล่องลง พลังกดทับที่ปกคลุมตำหนักกลางได้หายไปทันตาเห็น ทุกคนถอนหายใจโล่งอกราวกับถูกนิรโทษกรรม บนใบหน้าทุกคนต่างก็ผุดเป็นความตื่นเต้นหลังจากได้ชีวิตรออด ถ้าหากเป็นอย่างนั้นต่อไป บางทีอาจจะมีคนตายเนื่องจากแรงกดทับสองพลังนั้นก็เป็นได้!
เวลาไม่นานเมื่อครู่นี้ หลายคนก็เริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว แม้กระทั่งเทียนขุยก็ยังมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก เกรงกลัวจนยากที่จะเอ่ย
“โผ้จวิน สิ่งนี้มันชั่วร้ายเกินไปแล้ว เมื่อกี้นี้ผมเกือบจะถูกพลังอานุภาพของมันโจมตี ชั่วร้ายเกินไปแล้ว ผมไร้ประโยชน์เกินไปหรือเปล่า?”
ทว่าฟางเหยียนไม่คิดเช่นนั้น พลังทรงอานุภาพเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารู้สึกสะใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความรู้สึกโล่งใจอย่างนั้น ราวกับจะสามารถขจัดความรู้สึกกดดันที่มีมานานของเขาได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกรุนแรงเช่นนี้ หลังจากที่สู้รบมาต่อเนื่องสิบประเทศ หากไม่ใช่เพราะคนรอบข้างอดทนไม่ไหว เขาไม่อยากที่จะปิดฝากล่องจริงๆ !
พลังที่แท้จริง!
ความรู้สึกที่ไม่ได้เจอมานาน!
หลงเซี่ยวเทียนยิ้ม : “รองผู้นำเทียนขุย คำพูดนี้ถ่อมตนมากไปแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านไร้ประโยชน์หรอก แต่เกราะเทพมังกรนี้ก็เป็นอาวุธดุร้ายอยู่แล้ว นั่นมันคือความเคียดแค้นขององค์ชายน้อยทั้งหมด การที่มีพลังกดทับเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในหลักเหตุผลอยู่แล้ว จอมพลสมกับที่เป็นผู้แกร่งกล้าท่ามกลางผู้คนเสียจริง พลังอานุภาพขององค์ชายน้อยไม่สามารถส่งผลกระทบต่อจอมพลได้แม้แต่น้อย กระผมขอนอบน้อมเคารพ”
การพูดประจบประแจงนี้ได้รับผลดีตอบพอดี แม้กระทั่งฟางเหยียนก็ไม่สามารถที่จะตอบโต้กลับได้
“เกราะเทพมังกรเป็นของดีจริงๆ ด้วย”
“จอมพล พลังอานุภาพในเกราะเทพมังกร ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถต่อต้านได้ อีกทั้งเมื่อเกราะเทพมังกรอยู่ต่อหน้าจอมพลแล้วนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ สามารถมองออกว่าจอมพลไม่ใช่คนธรรมดา”
ฟางเหยียนครุ่นคิด ค่อยเอ่ยขึ้นถามด้วยเสียงทุ้ม: “ไม่นึกย้อนเสียใจ?”
“จอมพลพูดอะไรกัน? จะนึกย้อนเสียใจได้ยังไง? ตั้งแต่ที่พวกเราตัดสินใจเดินมาถึงจุดนี้ ก็ไม่มีการนึกน้อยเสียใจ ท่านจอมพลเองก็ชัดเจนดีว่า แก๊งเก้ามังกรไม่ได้มีเจตนาที่จะต่อสู้ และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเพลิงเสวนด้วย อีกทั้งท่านก็เป็นคนดี มุ่งมาดต่อต้านเพลิงเสวนอยู่ตลอด แก๊งเก้ามังกรเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปลีกตัวออกมาจากเรื่องราว ทุกคนต้องรับผิดชอบกับชะตากรรมของโลก”
เทียนขุยฉีกยิ้ม: “การตระหนักรู้ของคุณนี่ช่างเยี่ยมจริงๆ ”
“ท่านรองผู้นำชมเกินไปแล้ว เป็นเพราะว่าพวกเราละเอียดรอบคอบเท่านั้น ในเมื่อทักษะการต่อสู้ไม่สู้คนอื่น โศกนาฏกรรมของสำนักเทียนซือนั้นไม่อยากให้ซ้ำรอยสอง อีกทั้งเกราะเทพมังกรก็เป็นตัวปัญหาที่รอจะก่อเรื่อง เมื่ออยู่ในมือของพวกเราแล้ว มีแต่จะเป็นการส่งมอบชีวิตแก๊งเก้ามังกรเรา อีกทั้งจอมพลนั้นแตกต่าง ตามที่กระผมทราบ สมบัติล้ำค่าของห้าสำนักนินจาที่ยิ่งใหญ่ นอกจากสำนักกุ่ยกู๋ ก็มีสี่อันแล้ว ต่อไปคนของสำนักกุ่ยกู๋นั้นผมสามารถที่จะช่วยติดต่อได้ แต่ไม่รับประกันว่าพวกเขาจะยอมให้หรือไม่”
ฟางเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและราบเรียบ: “ศิษย์พี่ ที่คุณใจกว้างแบบนี้ ผมต้องขอบคุณมาก ความหวังดีของแก๊งเก้ามังกร ฟางเหยียนคนนี้รับมันไว้ด้วยใจ สำหรับสำนักกุ่ยกู๋…”
“จอมพลไม่ต้องเอ่ยขอบคุณหรอก ระดับความลึกลับของสำนักกุ่ยกู๋ไม่ได้ต่างไปจากเราเท่าไร ผมก็แค่สามารถติดต่อให้สุดความสามารถ แต่ว่าจะสำเร็จหรือนั้นก็ต้องเป็นไปตามลิขิตของสวรรค์ พวกเราก็ถือว่าโยนกระเบื้องล่อหยก ทำตามคุณธรรมของมนุษย์ก็เท่านั้น เกราะเทพมังกรเป็นเกล็ดที่ปกป้องหัวใจ เดิมก็เป็นสิ่งของที่ดุร้าย ยากที่จะไม่เป็นที่จับจ้องมองของเพลิงเสวน ก่อนหน้านั้น พวกเราไม่อยากกลายเป็นคนผิดต่อประเทศหวา ก็ไม่รู้ว่าค่ายกลเก้ามังกรจะสามารถคงอยู่ไปได้นานเท่าไร เมื่อค่ายกลถูกทำลาย แก๊งเก้ามังกรก็จะเป็นเพียงกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง”
พูดถึงตรงนี้ หลงเซี่ยวเทียนก็ยิ้มอย่างขมขื่น เอ่ยว่า: “ใช่แล้ว คนแก๊งเก้ามังกรมีคนสืบทอดสกุลเยอะมาก มีศิษย์สำนักเยอะมาก แต่จอมพลก็เห็นแล้ว การบำเพ็ญเพียรธรรมดา ความสามารถก็ต่ำนัก คนเหล่านี้แค่อุดฟันให้เพลิงเสวนก็ยังไม่พอเลย ในเมื่อไม่สามารถสู้รบกับพวกมันได้ งั้นพวกเราก็คงทำได้แค่ส่งมอบของแห่งสวรรค์ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี”
ฟางเหยียนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยเอ่ยขึ้นมาว่า: “ความจงรักภักดีของแก๊งเก้ามังกรเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ใต้หล้าและสวรรค์ การปลีกตัวออกจากเรื่องวุ่นวายก็สมเหตุสมผล เรื่องคืนนี้ทำได้สวยมาก”
“จอมพล ท่านพูดออกมาแบบนี้ กระผมก็ถือว่าพึงพอใจแล้ว”
“เทียนขุย กลับไปเถอะ”
เทียนขุยลุกขึ้นยืน หมายจะจากไป กลับถูกหลงเซี่ยวเทียนเรียกห้ามไว้ เขาหัวเราะแห้งๆ : “จอมพล ไม่ง่ายเลยกว่าท่านจะมายังแก๊งเก้ามังกรของเราได้ กระผมหวังว่าท่านจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ค่ำมืดแล้ว”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคุยย้อนความหลัง เพลิงเสวนต้องถูกกำจัดถึงจะถูกต้อง!”
หลงเซี่ยวเทียนไม่ยืนกรานต่อ บางทีคำพูดเกรงใจเอ่ยออกมาเยอะเกินไปก็จะทำให้ผู้อื่นรำคาญได้ แม้ว่าเขาจะเจอฟางเหยียนเป็นครั้งแรก ทว่าเกี่ยวกับตำนานของเขา กลับได้ยินจนเคยชินแล้ว สิ่งที่ตนเองไม่อยากทำหรือไม่อยากได้ ก็อย่ายัดเยียดให้กับผู้อื่น
“พวกเราแก๊งเก้ามังกรขอเคารพส่งท่านจอมพล!”
หลังจากทั้งสามคนจากไป เสียงนี้ก็ยังดังกึกก้องทั้งแก๊งเก้ามังกร
บริเวณสุดขอบโลก หลงเซี่ยวเทียนโค้งคำนับและเอ่ยว่า: “จอมพล ให้อภัยที่ผมไม่สามารถส่งท่านต่อได้ เป็นกฎของสำนัก ยกโทษให้กระผมด้วย”
“ศิษย์พี่ การกระทำทุกประการของแก๊งเก้ามังกร ฟางเหยียนคนนี้จดจำไว้ในใจแล้ว”
จากที่ทั้งสามคนเดินออกจากสุดปลายโลกไป ทั้งรอบด้านก็ตกอยู่ในความมืดมิด
เทียนขุยมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่มืดสนิท จึงยิ้มและเอ่ยขึ้น: “โผ้จวิน ถ้าทุกสำนักนินจาล้วนมีความตระหนักที่สูงแบบนี้ได้ งั้นพวกเราต้องเดินเส้นทางคนเคี้ยวมากเท่าไรกัน พูดจริงๆ นะ จนถึงตอนนี้ผมยังรู้สึกมึนงงอยู่เลย ท่าทางที่จงรักภักดีของแก๊งเก้ามังกรนี้ ราวกับจะรีบร้อนเกินไปแล้ว มองไม่ออกสักเท่าไร”
ฟางเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “พวกเขาแสดงท่าทีที่ฉลาดออกมา ตอนที่หิมะถล่ม ไม่มีหิมะอันไหนที่บริสุทธิ์”
“โผ้จวิน ความหมายของคุณคือพวกเขากำลังกลัวอยู่งั้นเหรอ?”
“จะเข้าใจแบบนี้ก็ได้ ห้าสำนักใหญ่นอกจากสำนักกุ่ยกู๋ที่ลึกลับแล้ว สำนักนินจาอื่นๆ ที่เหลือก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น สองสำนักที่เหลือแน่นอนว่าต้องชัดเจนดีมาก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาต่อมา หลงเซี่ยวเทียนให้ความรู้สึกที่ระมัดระวังรอบคอบ จงรักภักดีไม่อาจเทียบได้ ดังนั้นจึงได้ส่งมอบเกราะเทพมังกรมาให้ ก็อยู่ในหลักเหตุและผลแล้ว”
เทียนขุยพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นสำนักกุ่ยกู๋นี่…”