จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 834 สำนักที่ลึกลับที่สุด
หากมีดนี้ปักลงไป บางทีเขาอาจจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ ทว่าไม่สามารถที่จะรับประกันความปลอดภัยของลูกชายตัวเองได้!
มีดธรรมดาเล่มหนึ่งเท่านั้น แต่กลับเต็มไปด้วยแรงอาฆาตทำลายล้าง ราวกับว่ามีดที่อยู่ต่อหน้าไม่ใช่มีดอย่างไรอย่างนั้น แต่เป็นพลังอันแรงกล้าอย่างหนึ่ง พลังนี้สามารถที่จะทำลายล้างคนคนหนึ่งได้ทันที ต่อให้จะเป็นนินจาก็ตาม!
น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!
“ท่านใต้เท้า ได้โปรดระงับความโกรธด้วยเถิด ลูกของกระผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะละลาบละล้วง ต้องขอร้องให้ท่านใต้เท้าระงับความโกรธด้วย ท่านใต้เท้า ผมคือหลงเซี่ยวเทียนจากแก๊งเก้ามังกร มาที่สำนักกุ่ยกู๋มีเรื่องที่จะเจรจาจริงๆ ใต้เท้าได้โปรดอย่าขัดขวางการใหญ่เลย จะเป็นการไม่ดีต่อพวกเราทุกคนเสียเปล่าๆ ”
“พ่อ พ่อไม่ต้องเกรงใจกับเขาหรอก ผมมองออก เจ้าคนตาบอดคนนี้เป็นมายาวีที่แอบอ้างตัวเองขึ้นมา ไม่ใช่คนของสำนักกุ่ยกู๋โดยสิ้นเชิง บนโลกนี้มีหลักการการบังคับซื้อขายที่ไหนกัน? พวกเราไม่พอใจ เขายังข่มขู่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ทะนงตัวแบบนี้ผมทนไม่ได้ พ่อ ให้ผมจัดการภัยร้ายให้กับประชาชนเถอะนะ!”
ลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนไม่หวั่นกลัวแม้แต่น้อย ทำท่าทางตั้งรับการโจมตีขึ้นมา ทว่าเขากลับไม่กล้าที่จะหละหลวม ยังคงจ้องมองชายชราตาบอดผู้นี้ราวกับมองศัตรูอย่างไรอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะโมโห แต่ก็ไม่ถึงขั้นถูกโทสะเข้ายึดครองสมอง ครั้นเขาไม่ได้ลืมว่าชายชราผู้นี้ปรากฏตัวออกมาด้านหลังทั้งสองคนโดยไร้เสียงใดๆ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ทว่าเขาไม่สามารถที่จะระบายโทสะนี้ออกไปได้ บังคับให้ซื้อขายเช่นนี้ มีท่าทางที่แข็งกร้าวยิ่งขึ้น ทำให้เขาในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักน้อยของแก๊งเก้ามังกรนั้น ไร้ศักดิ์ศรีไปทันใด!
การที่ตามพ่อของตัวเองมายังแก๊งเก้ามังกร จุดประสงค์ก็คือเปิดกว้างโลกทัศน์ แถมยังกักเก็บโทสะเต็มท้อง ทนไม่ได้จริงๆ ทนไม่ได้จริงๆ !
ชายชราตาบอดทำเป็นหูทวนลม สีหน้ายังคงนิ่งเช่นเคย ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ราวกับชายชราที่ใกล้จะลงโลงแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“วาสนานั้นสวรรค์เป็นผู้กำหนด ค้างมีดสองเล่ม อย่าบังคับให้ฉันต้องใช้กำลัง!”
เห็นได้ชัดมากว่า ชายชราตาบอดผู้นี้ได้ข่มขู่อย่างฉุนเฉียวเรียบร้อยแล้ว!
หลงเซี่ยวเทียนขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม คำข่มขู่ของชายชราตาบอดทำให้เขารู้สึกกระส่ายกระสับ ไม่เหมือนเป็นการล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“ใต้เท้า พวกเรามาที่นี่มีธุระต้องการเจรจาจริงๆ นี่เพื่อความสงบสุขของประเทศหวา ค้างมีดพวกเรารับได้ แต่ว่าใต้เท้าได้โปรดชี้แนะด้วย พวกเราจะต้องเข้าไปในสำนักกุ่ยกู๋ให้ได้ และขอให้ใต้เท้าให้ความสำคัญกับเรื่องใหญ่ไว้ก่อน กระผมหลงเซี่ยวเทียนคนนี้จะขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง”
หลงเซี่ยวเทียนได้ชี้จุดยืนของตัวเอง ความหมายไม่ต้องเอ่ยก็ทราบกันดี สามารถรับมีดได้ ทว่าจะต้องพาพวกเขาเข้าสำนักกุ่ยกู๋ให้ได้!
เห็นได้ชัดว่า หลงเซี่ยวเทียนกำลังถอยให้ก้าวสุดท้ายแล้ว!
ทว่าชายชราตาบอดผู้นี้กลับดึงดันเดินหน้าต่อ ไม่ได้ทำตามที่หลงเซี่ยวเทียนให้โอกาสเลย!
“ค้างสองด้ามเถอะ วาสนาไม่ได้มีง่ายๆ ฉันแค่ค้างมีด ไม่ถามเรื่องอื่น!”
ชายชราตาบอดก็แสดงจุดยืนของตัวเองเช่นกัน ค้างมีดเท่านั้นและเพิกเฉยต่อการขอร้องของหลงเซี่ยวเทียน
บรรยากาศปะทุขึ้นมา แรงกดดันหนักอึ้ง!
คุยกันดีๆ ไม่ได้แล้ว!
ทว่าชายชราตาบอดนั้นกลับไม่ได้มีความอดทนนัก โดยเฉพาะมีดที่เล็งมายังลูกชายของหลงเซี่ยวเทียน กำลังหล่นลงช้าๆ !
หลงเซี่ยวเทียนใช้สองมือผลักไป โดยไม่ลังเลสักนิด ผลักลูกชายของตัวเองออก ทว่าที่แย่ก็คือ ไม่ว่าจะผลักลูกชายไปที่ใด มีดเล่มนั้นก็ตามลูกชายของเขาไปทุกที่ ราวกับเล็งไว้แม่นยำแล้ว แทบไม่มีความลังเลสักนิด
ในเวลานี้เอง ลูกชายของเขาก็เริ่มลนลานแล้ว!
มีเพียงหลงเซี่ยวเทียนเท่านั้นที่ชัดเจน นี่คือพลังภายในของนินจาระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่มี อันที่จริงก็ง่ายดายมาก ใช้พลังภายในควบคุมมีดทำกับข้าว ก็สามารถมองออก ว่าชายชราตาบอดผู้นี้ไม่ธรรมดา!
“พ่อ มีดทำกับข้าวนี้…”
หลงเซี่ยวเทียนส่งสัญญาณบอกให้เขาไม่ต้องเอ่ยอันใด ส่ายหน้าเล็กน้อย: “แม้ว่าแกจะมีศักดิ์เป็นเจ้าสำนักน้อยของแก๊งเก้ามังกร แต่กลับไม่ได้รับรู้โลกภายนอก บางคนไม่ใช่ว่าแกจะไปยั่วโมโหได้ คนแรกภายนอกก็คือเทพแห่งสงครามโผ้จวิน คนที่สองก็คือศิษย์พี่คนนี้ เพราะฉะนั้น แกต้องเรียนรู้ที่จะเก็บความใจร้อนของแกเอาไว้ ต้องทำอะไรรอบคอบ และสงบเสงี่ยมเจียมตัว”
ลูกชายของเขาก้มหน้าลงอย่างละอายใจ “พ่อ ผมทราบแล้ว ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อถึงได้ระมัดระวัง ตอนแรกผมนึกว่าพ่อกลัวไม่มีความกล้าพอ แต่ตอนนี้ผมเพิ่งจะเข้าใจถึงคติธรรมของพ่อแล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ต่อหน้าจอมพลโผ้จวิน ยิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ผมยังอายุน้อยเกินไป”
“รู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเองก็ไม่ถือว่าสายเกินไป การเปิดตาดูโลกไม่ใช่การเดินเตร่อยู่ภายนอกจริงๆ แต่เป็นการเปิดตาของตัวเอง เปิดใจของตัวเอง ไปค้นพบสิ่งที่ไม่เหมือนกับที่คนอื่นเขาค้นพบ เมื่อเปิดตาและเปิดใจแล้ว การเป็นคนก็จะเพิ่มขึ้น นี่ก็คือสิ่งที่ฉันสอนแกอยู่บ่อยๆ แกเข้าใจได้ ผลลัพธ์ทำให้ฉันพึงพอใจได้ ก็ไม่เสียเปล่าที่ฉันตรากตรำใช้ใจสอนแกครั้งนี้”
“พ่อ ผมเข้าใจแล้ว เจอคนที่เหนือกว่าต้องรู้จักหลีกเลี่ยง ทำอะไรเจียมตัว ไม่วู่วามเสี่ยงตัวเอง มีจิตใจกระฉับกระเฉง ปฏิบัติต่อด้วยความหนักแน่น ระมัดระวังรอบคอบ”
หลงเซี่ยวเทียนยิ้มขึ้นมา พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง!
สมดั่งใจปรารถนาแล้วเรื่องหนึ่ง ทว่าอันตรายที่อยู่เบื้องหน้ายังไม่ตั้งรับ ถือได้ว่าอยู่ใกล้ระยะประชิด!
หลังจากที่ครุ่นคิดมาชั่วครู่หนึ่ง หลงเซี่ยวเทียนจึงเอ่ยขึ้นว่า: “ท่านใต้เท้า ผมจะรับมีด!”
เมื่อหลงเซี่ยวเทียนเอ่ยมาเช่นนี้ ลูกชายของเขาจึงได้เอ่ยขอร้องอย่างสุภาพนอบน้อม: “ศิษย์พี่ คนน้อยสติเลอะเลือนไป หวังว่าศิษย์พี่จะไม่เอาความ มอบมีดที่มีค่ามาด้วยเถิด”
ทั้งสองคนขอมีด!
ความเหี้ยมโหดบนใบหน้าของชายชราตาบอดค่อยๆ หายไป โดยเฉพาะมีดทำกับข้าวที่ลอยอยู่บนศีรษะของลูกชายหลงเซี่ยวเทียน ก็ลอยลงช้าๆ
จากนั้นมีดทำกับข้าวสองด้ามก็ปรากฏในมือของทั้งสองคนพร้อมกัน ชายชราตาบอดจึงได้เอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบว่า: “วันนี้ค้างมีดไว้ วันหลังเมื่อเพลิงเสวนดับสลายเมื่อไร จะมาคิดบัญชีด้วย!”
สองพ่อลูกสบตากันอย่างสงสัย ทว่าเมื่อทั้งสองคนสบตากัน ชายชราตาบอดผู้นั้นก็หายไปแล้ว!
เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ช่างเป็นคนสูงส่งขนานแท้!
หลงเซี่ยวเทียนมองดูเท้าของตัวเอง เหวที่ลึกมองไม่เห็นก้น ก็ลังเลเป็นเวลาชั่วครู่
“พ่อ จะใช่เส้นทางที่ศิษย์พี่ชี้นำให้เราหรือเปล่า? พวกเราต้องกระโดดลงไปด้วยเหรอ?”
หลงเซี่ยวเทียนเงียบไปชั่วครู่หนึ่งจากนั้นเอ่ยขึ้นว่า: “เหมือนว่าฉันจะเข้าใจแล้ว ฉันละเอียดรอบคอบมาทั้งชีวิตแต่อยู่ต่อหน้าสำนักกุ่ยกู๋ยังไม่เพียงพอ ทำไมสำนักกุ่ยกู๋ถึงได้ลึกลับขนาดนี้ ก็เพราะว่าพวกเขาระมัดระวังรอบคอบกว่าเราอีก การค้างมีด ไม่ใช่การค้างมีดธรรมดาง่ายๆ เท่านั้น แต่เป็นการยอมรับในตัวแกเอง เพียงแค่พวกเรายังไม่สามารถเข้าใจความหมายลึกซึ้งของมันได้เท่านั้น แน่นอนว่า ก็เพราะว่าแกยังหนุ่มอารมณ์ร้อน โมโหง่าย เกือบจะทำลายโชคชะตาที่ดีแล้ว”
ลูกชายของเขาก็ยอมรับผิดพร้อมพยักหน้า ตั้งแต่ที่ชายชราปรากฏตัวออกมา ก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เขาเน้นย้ำคำว่า วาสนา คำนี้มาก มิได้มีเจตนาที่ร้ายแต่อย่างใด หากพวกเขาจำยอมรับมีดมา บางทีอาจจะเข้าไปในสำนักกุ่ยกู๋ได้ตั้งนานแล้ว ทว่าก็เป็นเพราะความที่ตัวเองยังวัยรุ่นใจร้อนอยู่ เกือบจะเข้าไม่ได้แม้แต่ประตูแล้ว ช่างเป็นการล้มเหลวอย่างหนึ่งเสียจริง!
คำโบราณกล่าวไว้ดีมาก การกราบไหว้เทพเจ้าไร้ซึ่งหนทาง หากใช้ใจทุ่มเทให้เกียรติก็จะได้รับผลที่ดีตอบ!
ไม่ว่าจะเสาะหาคำปลอบโยนของจิตวิญญาณ หรือต้องการที่จะทำให้จิตวิญญาณได้รับการเยียวยาเฉยๆ ต้องมีจิตใจที่มีศรัทธา ต่อให้จะหาประตูวัดเจอ การกราบไหว้เทพเจ้าเกรงว่าคงไม่ได้รับผลลัพธ์เช่นนี้ นี่ถือเป็นการใช้ใจทุ่มเทให้เกียรติก็จะได้รับผลที่ดีตอบ! แต่ไม่ใช่ว่าแสร้งทำเป็นมีเทพเจ้าอยู่ในใจ ค่อยไปเยี่ยมเยียน ก็จะสามารถบรรลุถึงการใช้ใจทุ่มเทให้เกียรติก็จะได้รับผลที่ดีตอบ นั่นเป็นเพียงการรังแกตัวเองและรังแกผู้อื่นเท่านั้น!
“พ่อ งั้นพวกเราจะต้องทำยังไงต่อไปดี? ต้องกระโดดลงไปใช่ไหม?”
หลงเซี่ยวเทียนเอ่ย ราวกับไม่ได้ลังเลใจ “ลูกรัก จากเรื่องนี้ ฉันหวังว่าแกจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราใช้ชื่อที่มีอำนาจของจอมพลละก็ มีดเล่มนี้เกรงว่าคงติดค้างไม่ได้แน่ เพราะฉะนั้นคนเราจะต้องซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและสงบเสงี่ยมเจียมตัว และมีเพียงเท่านี้ จึงจะได้รับความดีงามกลับ เข้าใจหรือไม่?”
“พ่อ ผมเข้าใจแล้ว แม้จะไม่ได้เรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษท่ามกลางคนมากมายเหมือนจอมพลโผ้จวินได้ แต่ผมก็จะไม่มีทางทำให้พ่อขายหน้าแน่นอน”
หลงเซี่ยวเทียนยิ้ม และมองไปยังเมืองอันเจริญรุ่งเรือง ที่มีแสงสว่างเจิดจ้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา: “ขอบคุณ”
ตนเองเสนอตามหาสำนักกุ่ยกู๋แทนจอมพลเอง กลับเนื่องจากบารมีของจอมพลได้สั่งสอนลูกชายของตนเองได้ทางอ้อม แน่นอนว่านี่ก็คือโชคชะตาที่ดีที่ชายชราตาบอดเอ่ย เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะชื่อเสียงอันเลื่องลือของจอมพลโผ้จวินทั้งนั้น จึงทำให้เรื่องราวราบรื่นไปได้ และหาที่ตั้งของสำนักกุ่ยกู๋ได้อย่างง่ายดาย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใจของหลงเซี่ยวเทียนก็เปิดกว้างสว่างขึ้นมาทันที อีกทั้งเขาก็กระโดดลงไป โดยไม่ลังเลสักนิด!