จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 850 ให้อภัยได้พึงให้อภัย
สถานการณ์เลวร้ายเป็นอย่างมาก ความสำเร็จของแม่ทัพคนหนึ่งต้องแลกมาด้วยชีวิตผู้คนนับหมื่นนับพันคน!
แสงสีทองสองแสงปะทะกัน ความกดดันและพลังที่ปะทุออกมาทำลายล้างทุกอย่าง ทหารเกราะทองสองมือจับดาบ พลังยิ่งใหญ่ดั่งภูเขาหัวซาน เมื่อมองกลับมาที่พลังของฟางเหยียนดูไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น เหมือนเด็กน้อยที่ต่อสู้เอามั่ว ๆ แต่ในการประลองกัน มีเพียงผู้ประลองทั้งสองคนเท่านั้นที่จะรู้ดี!
ในด้านพลัง ฟางเหยียนดูเหมือนอ่อนแอกว่าหลายเท่า ถึงยังไงทหารเกราะทองที่มาจากกำลังเบญจธาตุก็เป็นการรวมพลังฟ้าดินเอาไว้ เรียกได้ว่าเป็นระดับปรมาจารย์ที่ไม่มีใครสู้ได้ ไร้เทียมทานของจริง
ความแข็งแกร่งในการต้านทาน ฟางเหยียนท่าทางไม่สะทกสะท้าน ดูสงบนิ่ง เหมือนราชาผู้โอหังยังไงยังงั้น มองเหยียดทหารเกราะทองที่ตัวใหญ่มหึมา ราวกับเป็นราชาผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง มีความมั่นใจสูง ราวกับทุกสิ่งมีชิวตอยู่ในการควบคุมของเขา!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง เหมือนไม่มีใครยอมถอยให้ใคร!
ฟางเหยียนสีหน้าซีดเซียว ไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย เมื่อหันไปมองทหารเกราะทอง โหดเหี้ยมป่าเถื่อน สีหน้าดูดุร้าย
ปัง!
เสียงดังสนั่นขึ้นมา แผ่นดินสะเทือน ภูเขาถล่ม ทั้งสองฝ่ายกระเด็นออกจากกันไปไกล!
พายุทรายพัดกระหน่ำ ไม่สงบนิ่งเป็นเวลานาน!
พรืด!
ฟางเหยียนกระอักเลือดออกมา ร่างกายซวนเซไปหลายก้าว ท่าทางเหมือนคนเมาเหล้า เมื่อไปหันมองทหารเกราะทองท่าทางโมโหโกรธา ดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติเลย!
แพ้แล้วเหรอ?
ภายนอก ฟางเหยียนกระอักเลือด ส่วนทหารเกราะทองไม่มีอะไรเสียหาย ดูเหมือนว่าแพ้แล้ว!
สุดยอดการประลองครั้งนี้ จะปิดฉากลงอย่างนี้น่ะเหรอ?
เมื่อพายุทรายสลายไป ทุกคนถึงได้เห็นแก่นแท้ของเรื่องอย่างชัดเจน ฟางเหยียนเลือดท่วมตัว ส่วนทหารเกราะทองไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ดูยังไงก็เหมือนฟางเหยียนแพ้แล้ว!
แต่ว่า!
ทหารเกราะทองไม่เป็นอะไร แต่กู่ปิ่งและคนอื่น ๆ ทั้งห้าคนเลือดไหลเป็นจำนวนมาก ล้มลงกับพื้นลุกขึ้นไม่ไหว ร่างกายชักกระตุกอย่างรุนแรง ดูท่าทางบาดเจ็บไม่น้อยเลย!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ความบาดเจ็บที่ทหารเกราะทองได้รับ ล้วนไปโดนที่ร่างกายของชายชราทั้งห้า!
น่าประหลาดเกินไปแล้ว!
ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างฮือฮา แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียง คนที่ตะลึงงันมากที่สุดก็คือเทียนขุย!
นอกจากฟางเหยียนแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่ยังยืนอยู่ได้!
นี่ตกลงแพ้หรือว่าชนะกันแน่?
ตามหลักแล้ว ฟางเหยียนเป็นฝ่ายชนะ เพราะเขายังคงยืนได้อยู่ ส่วนทั้งห้าคนของสำนักกุ่ยกู๋ต่างล้มไปกองกับพื้น ถือว่าแพ้แล้ว! แต่ทหารเกราะทองยังคงยืนตระหง่านอย่างโอหัง ไม่ได้รับความเสียหาย ที่จริงถือว่ามันชนะเล็กน้อย!
ในที่เกิดเหตุ นอกจากเทียนขุยที่ไร้ซึ่งการบาดเจ็บ เรียกได้ว่าทีเหลือบาดเจ็บเสียหายกันสาหัสมาก!
เทียนขุยนอกจากจะรู้สึกช็อกแล้วก็ยังรู้สึกประหลาดใจ ฟางเหยียนใช้ร่างกายอ่อนแอฝืนต้านทานทหารเกราะทองเอาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทำให้ไม่พ่ายแพ้!
เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?
ยังมีเรื่องของฟางเหยียนอีกมากมายแค่ไหนที่เขายังไม่รู้?
เขาไม่มีโอกาสไปสนใจเรื่องพวกนี้มากนัก พี่น้องที่อยู่ตรงหน้าตัวเองตอนนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด พี่น้องที่ไม่ว่าเวลาไหนก็ไม่ทอดทิ้งกัน ถ้าหากไม่ใช่ฟางเหยียน เขาอาจจะกลายเป็นศพไปนานแล้ว ถึงแม้ไม่ได้พ่ายแพ้ แต่เป็นชัยชนะที่น่าอนาถมาก สภาพเขาตอนนี้ไม่สู้ดีนัก!
เทียนขุยวิ่งไปหาฟางเหยียน แต่ก็กระเด็นกลับไป เป็นอย่างนี้ติดต่อกันหลายครั้ง เขางงไปหมดแล้ว ได้แต่มองฟางเหยียนด้วยความสับสน : “จอมพลโผ้จวินครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ถูกขัดขวาง?”
พูดถึงถูกขัดขวาง ต้องเรียกว่าตาข่ายอาคมถึงจะถูก!
พลังของนินจาระดับปรมาจารย์ สามารถทำลายฟ้าดินได้ พลังทำลายล้างสูงมาก ตอนที่เริ่มประลองกัน ฟางเหยียนได้สร้างตาข่ายอาคมขึ้นมา ไม่อย่างนั้นเทียนขุยคงถูกพลังนี้บดขยี้จนร่างกายแหลกละเอียด กระดูกกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว!
เห็นฟางเหยียนไม่สนใจเขา เทียนขุยก็หันไปสนใจห้าคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วเอ่ยพูดเสียงเย็นชา : “ฟ้าร้องคำรามเสียงดังแต่ฝนกลับตกลงมานิดเดียว ปลอมเปลือก! ไม่ใช่ว่าไม่เกรงกลัวอะไรหรือไง? ทำไมถึงได้กระอักเลือดล่ะ? มีปัญญาแค่นี้เองเหรอ? คิดจะใช้กำลังรังแกคนที่เด็กกว่า รังแกคนที่อ่อนแอกว่า? หน้าไม่อายจริง ๆ!”
ทุกครั้งที่ฟางเหยียนตัวสั่นเทา เทียนขุยก็ยิ่งด่ารุนแรงมากขึ้น เทียนขุยในตอนนี้ เหมือนมนุษย์ป้าไม่มีผิด!
เขาไม่สนเรื่องหน้าตาของตัวเอง ด่าทั้งห้าคนนั่นอยู่ชุดใหญ่ เขาไม่อยากอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร ถ้าหากสามารถทำให้คนพวกนี้โกรธจนกระอักเลือดได้ เขาก็ยินดีที่จะทำ ห้าคนรุมรังแกคนคนเดียว เป็นใครก็ไม่ยอมทั้งนั้นแหละ!
“เรียกสิ่งที่ดูดีแต่เปลือกนอกแต่ไร้ประโยชน์มา ยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอีก ไม่รู้แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ยังกระอักเลือดอีก? ถ้าฉันเป็นแกซื้อเต้าหู้มาสักก้อนแล้วชนเต้าหู้ตายไปแล้ว วางตัวอาวุโสแต่ถูกตบหน้า ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคนที่มีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ คิดอะไรอยู่กันแน่? ก็จริง พวกแกยังมีหน้ามาคิดอยู่อีกไหม?”
กู่ปิ่งสีหน้าถมึงทึง เอ่ยพูดเสียงเย็นชา : “ฆ่ามันก่อน น่ารำคาญ!”
ได้ยินดังนั้น ทหารเกราะทองก็ยกดาบพุ่งออกไป!
ดาบได้ลอยผ่านเส้นโค้งอันสวยงามออกมา แสงสะท้อนจากดาบเข้าใกล้เทียนขุย เทียนขุยตกใจจนหน้าถอดสี วิ่งหนีอุตลุด!
สาเหตุที่เขาไม่เกรงกลัวก็เพราะมีฟางเหยียน ตัวเขาเองจัดการกับทหารเกราะทองที่เป็นนินจาระดับปรมาจารย์ไม่ได้หรอก!
“ไป!”
ดาบมังกรในมือของฟางเหยียนพุ่งตรงไปที่ดาบเล่มนั้น!
ปัง!
ปึง!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน จนแผ่นดินสั่นสะเทือน!
ผลที่ตามมา เหมือนน้ำที่ทะลักเข้ามาท่วมทุกพื้นที่!
“จอมพลโผ้จวินครับ ขอบคุณมากครับ” เทียนขุยกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางตกใจหวาดผวา : “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณยื่นมือมาช่วย ผมอาจถูกฟันเอวขาดไปแล้ว!”
ฟางเหยียนยังคงเงียบงัน ดวงตาดูเย็นชาขึ้นหลายเท่า เขาจ้องมองไปที่ทหารเกราะทอง เมื่อครู่นี้ เขาเหมือนเข้าใจขึ้นมาแล้ว ทหารเกราะทองเป็นทหารที่ถูกเรียกมาโดยกำลังของเบญจธาตุ กำลังเบญจธาตุได้เปลี่ยนให้มันกลายเป็นคน แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่คน แม้จะเป็นดาบมังกรที่ทรงพลังของเขา แหลมคมไม่มีสิ่งใดต้านได้ แต่ทหารเกราะทองก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ!
ทหารเกราะทองเป็นสิ่งที่ชายชราห้าคนนั่นเรียกออกมา พวกเขาจึงต้องแบกรับทุกอย่างแทนทหารเกราะทองเป็นธรรมดา ทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างที่ควรจะเป็น!
ดังนั้น ชายชราทั้งห้าคนจึงกระอักเลือดไม่หยุด แต่ทหารเกราะทองกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย!
วิเศษเกินไปแล้ว!
คิดถึงตรงนี้ ไม่อยากที่จะคิดได้ว่า ถ้าหากพลังเบญจธาตุของชายชราทั้งห้าคนยังคงอยู่ หากคิดจะฆ่าทหารเกราะทองนี่ทิ้งคงเป็นได้แค่ความฝัน!
อย่าว่าแต่ฟางเหยียนที่ตอนนี้มีพลังเจ็ดระดับเลย แม้ว่าจะเป็นระดับที่สูงมากกว่านี้ เป็นระดับชั้นยอดก็ไม่สามารถฆ่าทหารเกราะทองได้ตรง ๆ!
คุณไม่สามารถใช้ดาบทำลายกำลังเบญจธาตุได้ ทหารเกราะก็ไม่มีวันดับสลาย!
ขอแค่ยังมีกำลังเบญจธาตุ ทหารเกราะทองก็ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ ยังคงเป็นเครื่องมือฆ่าคนที่ไม่มีวันถูกทำลาย!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ถ้าหากทั้งห้าคนเป็นนินจาระดับปรมาจารย์ บนโลกใบนี้คงไม่มีใครต้านทานได้อีกแล้ว คงภาคภูมิใจอย่างเต็มประดา!
ไม่มีวิธีทำลายได้จริง ๆ เหรอ?
ไม่สิ!
หลังจากที่ทั้งห้าคนเลือดท่วมตัว ฟางเหยียนพบว่าทหารเกราะทองที่ไร้เหตุผลก็มีจุดอ่อนแอ จุดอ่อนแอนั่นอยู่ที่ตัวคนเรียกและควบคุมมัน!
พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำลายการรวมพลังกัน ก็สามารถกำจัดทหารเกราะทองได้!
พูดดูง่าย แต่มีข้อสันนิษฐานที่ร้ายแรงและไม่สามารถมองข้ามได้อยู่เรื่องหนึ่ง!
คือคุณต้องแข็งแกร่งกว่ามัน!
มันแข็งแกร่งก็ต้องแข็งแกร่งกว่ามัน กำปั้นต้องแข็งแรงกว่ามัน แค่นี้ก็สามารถค่อย ๆ ทำลายทหารเกราะทองที่โอหังได้ทีละนิดแล้ว!
คิดถึงตรงจุดนี้ ฟางเหยียนก็ขยับขึ้นมาทันที!
เห็นฉากนี้ นัยน์ตาของกู่ปิ่งก็หดเล็กลง แล้วพึมพำว่า : “เขายังสู้ได้อีกเหรอ? เขาเป็นใครกันแน่!”
สิ่งที่ตอบเขามีแต่การกระอักเลือดเท่านั้น!
ฟางเหยียนพุ่งเข้าไปหาทหารเกราะทอง ดาบมังกรในมือฟาดฟันเข้าไปที่บริเวณคอของทหารเกราะทองด้วยความโมโห อีกฝ่ายต้านทานด้วยท่าทีแข็งกระด้าง แต่เคลื่อนไหวช้าเกินไป ทำให้ดาบมังกรฟันเข้าที่คอของมัน หัวกระเด็นหลุดลอยไปทันที!
หัวของทหารเกราะทองเป็นเหมือนบูมเมอแรง บินกลับมาอย่างรวดเร็ว!
เป็นอย่างที่ฟางเหยียนคิดไว้ไม่มีผิด ทหารเกราะทองไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แม้ว่ามันจะถูกฟันจนแหลกกระจุย มันยังคงสามารถฟื้นกลับสู่สภาพเดิมได้ เพราะมันไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย ไร้ซึ่งบาดแผล
ไม่บาดเจ็บเสียหาย!
แต่ชายชราทั้งห้าคนที่ควบคุมมัน กระอักเลือดต่อเนื่องไม่หยุด นี่เป็นช่องโหว่ที่ใหญ่มาก!
สายตาจับจ้องไปที่ฟางเหยียน โจมตีถึงตายในท่าเดียว หัวของทหารเกราะทองก็ได้หลุดออกไป ยังตื่นเต้นดีใจได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อไปในทันที! เขามองทหารเกราะทองด้วยท่าทางตกตะลึงอ้าปากค้าง หัวเด้งกลับมาในทันที ถูกตัดหัวจนกระเด็นไปแล้ว ยังเด้งกลับมาได้อย่างอัตโนมัติ แปลกประหลาดมากที่สุด เป็นอีกครั้งที่ทำให้เขาได้รู้ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ!
นี่มันขี้โกงชัด ๆ!
ยังจะสู้ยังไงอีก?
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ชายชราทั้งห้าคนกระอักเลือดอีกครั้ง สีหน้าซีดเซียวเหมือนกระดาษ ตัวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว เหมือนเป็นโรคลมชัก!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สำเร็จในครั้งเดียว ฟางเหยียนจะเข้าไปฆ่าอีกครั้ง แต่เสียงแก่ชราเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
“ให้อภัยได้พึงให้อภัย จอมพลได้โปรดออมมือด้วยเถิด!”