จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 858 สอบถาม ศาสตราจารย์โจว
“จอมพลครับ หลงเซี่ยวเทียนมาแล้วครับ”
เทียนขุยพูดจบ หลงเซี่ยวเทียนก็ก้าวขายาวๆ เข้ามา สีหน้านิ่ง แต่หางตายังคงปกปิดคราบน้ำตาไม่ได้
หลงเซี่ยวเทียนคำนับถามว่า “จอมพล ไม่ทราบว่าคุณให้ผมที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
น้ำเสียงดูนิ่ง ทุกอย่างเป็นปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณฟังดีๆ ก็จะพบว่า ตอนที่หลงเซี่ยวเทียนพูดนั้น ถึงแม้จะพยายามปกปิดความโศกเศร้า แต่น้ำเสียงมันสากๆแหบๆ ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามนิ่งไว้
เทียนขุยก็เข้าใจขึ้นได้ เหมือนกับที่ฟางเหยียนพูดไว้เลย หลงเซี่ยวเทียนคิดจะเสียสละลูกชายของตนเอง ก็เลยไม่พูดเรื่องนี้ มีคุณธรรมยิ่งใหญ่แบบนี้ แก๊งเก้ามังกรเลือกที่จะเสียสละได้ และเป็นสำนักที่ภักดี ไม่ควรให้เขาต้องปวดใจ และยิ่งไม่ลืมความตั้งใจแต่เริ่มแรก เทียนขุยบรรลุแล้ว
เทียนที่มีนิสัยใจร้อน ก็เอ่ยปากขึ้นว่า “เจ้าสำนักหลง ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก เรื่องของคุณพวกเรารู้หมดแล้ว จอมพลก็ได้บอกแล้วว่า จะไม่ทำให้คุณปวดใจ เป็นคนห้ามลืมปณิธาน คุณมีคุณธรรมสูงส่งแบบนี้ ยอมยกเกราะเทพมังกรให้มา ความภักดีของแก๊งเก้ามังกร พวกเราเห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ดังนั้นก็พูดมาตามตรงเลยเถอะ”
หลงเซี่ยวเทียนมองเทียนขุย สุดท้ายก็เปลี่ยนสายตาไปยังฟางเหยียน สายตาเปลี่ยนไปตั้งมั่นมากกว่าเดิม แม้แต่เศษเสี้ยวของความเสียใจ ก็ไม่หลงเหลือเลย!
“รองผู้นำเทียนขุย คุณก็พูดเสียผมงงไปหมดเลย แก๊งเก้ามังกรทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอบคุณที่จอมพลเป็นห่วง เท่าที่ผมรู้มา จอมพลได้หินเหล็กนิล ของล้ำค่าของสำนักกุ่ยกู๋มาแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่า จอมพลจะรวบรวมของล้ำค่าของทั้งหยินเหมินทั้งห้าครบแล้ว ไม่ทราบว่าต่อจากนี้จอมผมจะทำอย่างไรต่อไป?”
ระหว่างพูด ไม่เอ่ยถึงเรื่องของตนเองเลย เอาแต่สนใจแผนการที่ฟางเหยียนจะจัดการในอนาคต ดูเหมือนว่าหลงเซี่ยวเทียนคิดจะเสียสละชีวิตลูกชายของตนเองจริงๆ แล้ว
“เอ๊ะ คุณนี่แก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือเปล่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแสดงความภักดีอะไร จอมพลเรียกคุณมา ก็เพื่อจะช่วยคุณแก้ปัญหา คุณก็อย่าปากแข็งไปเลย จะแกล้งโง่ไปทำไม พูดมาตรงๆ เลย”
ฟางเหยียนนิ่งไปครู่หนึ่ง “เรื่องของคุณ พวกเราได้รู้หมดแล้ว คุณยอมที่จะเสียสละชีวิตลูกชาย แต่ไม่ยอมที่จะให้เกราะเทพมังกรและหินเหล็กนิล ความภักดีนี้ ฟ้าดินเป็นพยานได้ แต่เป็นคนจะลืมรากเหง้าตนเองไม่ได้ จะทำให้คุณต้องปวดใจไม่ได้”
หลงเซี่ยวเทียนน้ำตานองเป็นสายฝน พยายามอดกลั้นร้องไห้จนมีเสียงร้องออกมา อายุก็มากแล้ว ความเสียใจมากที่สุดก็คือ แก่แล้วยังจะต้องมาเสียลูกชายไปอีก เขาคิดไม่ถึงว่าเป็นถึงเทพแห่งสงครามของประเทศหวา จะนึกถึงเขา จะนึกถึงราษฎร จะรู้สึกเห็นใจไปด้วย นี่แหละถึงจะเป็นทหารที่จงรักภักดีที่ประเทศหวาต้องการ นี่แหละถึงจะเป็นความเชื่อมั่นที่ประชาชนต้องการ!
ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาได้ ว่าทำไมฟางเหยียนถึงได้มีความสำเร็จสูงส่งแบบนี้ นอกจากจะมาอยู่กับประชาชนแล้ว สิ่งที่สูงกว่านั้นก็คือ ใจของเขาเต็มไปด้วยประชาชน ไม่ยอมให้ประชาชนได้รับความไม่เป็นธรรม นี่ก็คือจุดสำคัญที่เขาประสบความสำเร็จ
พอคิดถึงจุดนี้ เขาก็ยิ่งไม่ยอมให้ตนเองกลายเป็นอุปสรรคบนเส้นทางการเดินหน้าของจอมพลโผ้จวิน ลูกชายของตนเองนั้น…..ก็สมควรเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง!
“จอมพลครับ แต่ละคนมีชะตาชีวิตกันทั้งนั้น บางคนค้นหาตัวเองทั้งชีวิต บางคนไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย บางคนยิ่งใหญ่ บางคนก็เรียบง่าย ล้วนแล้วแต่ต้องเดินไปถึงจุดมอดดับกันทั้งนั้น แต่ละคนก็ต้องเป็นไปตามชะตากรรม ชะตาของเขามันน่าจะเป็นแบบนี้ ไม่ควรจะที่มาเสียเวลากับเขาคนเดียว แล้วเสียแผนการใหญ่ของจอมพลได้ แบบนั้นจะเป็นคนบาปมากกว่า”
“ทำไมคุณถึงได้ล้าสมัยแบบนี้? จอมพลเรียกคุณมา ก็เพื่ออยากจะช่วยคุณแก้ปัญหา คุณนี่เลอะเลือนจริงๆ เลย!”
หลงเซี่ยวเทียนพูดนิ่งๆ ว่า “พระคุณของจอมพล ผมน้อมรับไว้ด้วยใจ แต่เท่าที่ผมรู้มา คุณนายของจอมพลก็อยู่ในมือของเพลิงเสวน จอมพลเองก็กำลังยอมเสียสละตนเองอยู่ หรือจะให้ผมแบกรับความรู้สึกนี้คนเดียวงั้นหรือ? ผมทำไม่ได้ เรื่องในวันนี้ ผมก็ภูมิใจมากแล้ว หวังว่าจอมพลจะเรียกคำสั่งคืนด้วย ลูกหลานก็มีโชคชะตาของตนเอง ผู้ใหญ่ไม่ต้องไปก้าวก่าย เพื่อคุณธรรม ผมยอมเสียสละเลือดเนื้อเชื้อไขตนเอง!”
นี่มันเรียกว่าล้าสมัย หัวแข็ง ไม่ยอมเปลี่ยนไปตามสังคมที่ไหนกัน!
นี่มันคือหลักการในชีวิต!
ฟางเหยียนเป็นเทพแห่งสงครามของประเทศหวา แม้แต่เขาก็ต้องจัดการอย่างเป็นธรรม แล้วหลงเซี่ยวเทียนจะมีหน้าที่ไหนเอาเกราะเทพมังกรกับหินเหล็กนิลไปแลกกับชีวิตลูกชายตนเอง?
ถึงอย่างไรเขาก็ทำไม่ได้!
พอพูดแบบนั้นออกมา เทียนขุยก็เหมือนลูกบอลที่มีลมรั่ว ค่อนข้างเอือมระอา นั่นน่ะสิแม้แต่ฟางเหยียนเองก็ยังไม่ยอมรับข้อเสนอของเสวียนเย่ คนที่คิดเพื่อส่วนรวมอย่างเขา จะต้องเสียสละมากแค่ไหน เย่ชิงหยู่เป็นถึงภรรยาของเขา เป็นยอดรักของเขา เขาก็ยังยอมที่จะเสียสละ ตนเองก็ดูจะบังคับคนอื่นมากไป บีบบังคับหลงเซี่ยวเทียนไปตลอด หลงเซี่ยวเทียนก็ยังสามารถเสียสละชีวิตลูกชายตนเอง เพื่อสำเร็จงานใหญ่
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าตนเองยังขาดประสบการณ์!
ฟางเหยียนพูดเสียงขรึม “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็รอเพลิงเสวนล่มสลาย แล้วช่วยลูกชายคุณออกมา”
หลงเซี่ยวเทียนยิ้ม แล้วพูดออกมาจากใจว่า “มีคำพูดนี้ของจอมพล ก็เป็นเกียรติกับผมมากแล้ว เป็นเกียรติมาก”
พอเดินส่งหลงเซี่ยวเทียนกลับ เทียนขุยก็เดินก้มหน้าถอนหายใจ “จอมพล ผมเพิ่งรู้ว่า ผมยังขาดอะไรอีกมากเลย โดยเฉพาะการพิจารณาลักษณะของเรื่องต่างๆ มักจะมองเห็นแต่เปลือกนอกของเรื่องเท่านั้น แม้แต่หลงเซี่ยวเทียนที่มีคุณธรรมสูงส่งแบบนี้ แต่ผมกลับไม่รับรู้เรื่องราวจริงๆ ของเรื่องเลย”
โตแต่ตัว สมองไม่โต คำนี้ต้องบอกกับเทียนขุย!
เขาไม่มีข้อดีอะไรเลยงั้นหรือ?
ไม่!
เทยนขุยสามารถรู้ได้ว่าตนเองยังขาดสิ่งใด ก็ถือว่าพัฒนาได้มากแล้ว เทียนขุยเกิดมาก็ใช้แต่กำลัง ทหารที่สาดเลือดในสงคราม แต่ไม่ใช่ปัญญาชน สามารถมีความคิดแบบนี้ได้ ก็ถือว่าต่างจากคนอื่นมากแล้ว การเติบโตขึ้นของเขานั้น ฟางเหยียนเห็นอยู่ในสายตาตลอดเวลา
“เอาเถอะ เทียนขุย อย่าดูถูกตัวเอง ทำตัวเองให้ดีก็พอ” ฟางเหยียนยิ้มพูดออกมา “เออแล้วก็ เมื่อคืนกลับมาอย่างรีบร้อน ไม่ได้สังเกตคุณเลย พลังของคุณดูผิดปกติไป ไปเจออะไรในสำนักกุ่ยกู๋หรือเปล่า?”
เทียนขุยยิ้มๆ “จอมพลครับ บอกตามตรง ตอนที่อยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของสำนักกุ่ยกู๋นั้น ตอนที่รอดตายมานั้น ผมได้บรรลุอะไรขึ้นมา ถือว่าได้เจอโอกาสดี พลังก็เลยเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่นิ่ง ตอนนี้ที่ระดับต้าชี่ชั้นยอด พลังนิ่งขึ้นมากแล้ว”
การต่อสู้ถึงจะเป็นการเพิ่มพลังที่ดีที่สุด และทุกครั้งที่เผชิญกับความตาย ก็มักจะบรรลุถึงความจริงของชีวิต
ฟางเหยียนก็คิดแล้วพูดว่า “รากฐานเป็นตัวกำหนดชั้นที่สูงขึ้นไป มีอะไรก็บอกมาแล้วกัน”
“จอมพล คุณพูดมาแบบนี้ผมก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ ช่วงนี้ผมลืมฝึกวิชาไปเลย ดังนั้นพลังก็เลยไม่นิ่ง” พูดถึงจุดนี้ เทียนขุยก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก “ช่วงนี้เล่นเพลินเกินไปจนลืมฝึกวิชาไปหมดเลย แต่หลังจากที่ไปสำนักกุ่ยกู๋ ทำให้ผมได้เห็นสิ่งที่ตัวเองยังขาดไป อ้อ จอมพลครับ ถ้าตอนนี้คุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นเดี๋ยวตอนนี้ผมจะไปจัดการกับสิ่งที่ผมบรรลุมาก่อน ดีไหมครับ?”
ฟางเหยียนคิดจะปฏิเสธไป เพราะของล้ำค่าของหยินเหมินทั้งห้าก็ได้รวบรวมมาครบแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะไปหาข้อมูล ไปถามศาสตราจารย์โจวของมหาวิทยาลัยซีหนานว่าจะเอาพลังของลูกแก้วทิพย์ออกมาได้อย่างไร แต่ว่าถ้าเทียนขุยสามารถพัฒนาไปได้อีกขั้น ในใจเขาก็ดีใจเหมือนกัน แต่ละครั้งที่นินจา ก็มักจะเป็นพวกระดับต้าชี่ชั้นยอด เทียนขุยไม่มีพลังปกป้องตัวเอง ถ้าเขาสามารถมีพลังเพิ่มสูงขึ้นได้ มันก็ดีกับตัวเขาเอง
“เทียนขุย คุณรีบไปจัดการกับระดับพลังตัวเอง ต้องการอะไรก็บอกผมได้เลย ของล้ำค่าอยู่ในมือผมหมดแล้ว เรื่องนี้จะรีบไม่ได้ ผมจะติดต่อกับศาสตราจารย์โจวก่อน”
เทียนขุยพยักหน้า แล้วก็หันตัวนั่งขัดสมาธิทันที ไม่นานเข้าสู่สมาธิ เหมือนกับพระสงฆ์เข้าฌาน
พอฟางเหยียนหาเบอร์โทรของศาสตราจารย์โจวได้เจอ ก็โทรออกไป ทางนั้นก็ไม่รอช้ารับสายทันที แล้วถามอย่างตื่นเต้นว่า “ศาสตราจารย์ฟาง คุณคิดเรียบร้อยแล้วใช่ไหม จะมาสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยซีหนานแล้วใช่ไหม?”
ฟางเหยียนก็หน้าแหยๆ ศาสตราจารย์โจวก็ยังไม่ลืมเขาเลย “ศาสตราจารย์โจว เรื่องสอนหนังสือ ก่อนหน้านี้ผมก็ได้แสดงความประสงค์ของตัวเองไปแล้วนะครับ ผมไม่เหมาะที่จะสอนหนังสือ ถ้าคุณต้องการ ผมก็ช่วยได้ แต่วันนี้ผมมีเรื่องที่จะขอความรู้จากคุณหน่อย เกี่ยวกับหินทิพย์”
อารมณ์ความตื่นเต้นของสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นก็หายไปเกือบครึ่ง นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามกลับมาว่า “ศาสตราจารย์ฟาง คุณเจอวิธีเกิดหินทิพย์นั้นหรือยัง?”
“ครับ รวบรวมของล้ำค่าของทั้งหยินเหมินทั้งห้ามาแล้ว แต่ผมศึกษาทั้งคืนก็ยังไม่เจอวิธีเปิดมัน ดังนั้นผมก็เลยจะมาขอถามคุณว่าจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถไขความลับของหินทิพย์ได้”
สายโทรศัพท์ฝั่งนั้นนิ่งไป พักใหญ่ก็ส่งเสียงมาว่า “ศาสตราจารย์ฟาง เรื่องนี้ค่อนข้างยากอยู่นะ!”