จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 859 จางเทียนซือ เต๋ายอดเซียน
“อย่างไรครับ?”
ฝั่งนั้นเงียบไปนานแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์ฟาง หินทิพย์สองก้อนนี้เป็นหินสมัยสามหมื่นห้าพันปีก่อนไม่ผิด แต่ตอนนี้ยังไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถเปิดได้ บอกตามตรง ตั้งแต่ที่คุณมาหาผมครั้งก่อน ผมก็ได้แอบติดต่อกับเพื่อนที่เมืองนอก พวกเขาก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ครั้งก่อนผมก็บอกแบบนี้ เพื่อที่จะศึกษาความลับของหินทิพย์สองก้อนนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่า เรื่องมันได้เหนือการคาดหมายของผมไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงผมหรอก แทบจะไม่มีใครสามารถดึงเอาพลังของหินทิพย์สองก้อนนั้นได้เลยด้วยซ้ำ”
คำพูดของศาสตราจารย์โจว เหมือนกับละทิ้งความพยายามทั้งหมดเลยชัดๆ !
ฟางเหยียนกำลังจะถาม ฝั่งนั้นก็มีเสียงเข้ามา
“ศาสตราจารย์ฟาง ตอนนั้นผมให้คุณไปหาฉินเสียงหลินที่ดินแดนตะวันตกไม่ใช่หรือ? ผมรู้สึกว่าคุณลองไปถามเขาดูดีกว่า”
“ ทราบแล้วครับ ศาสตราจารย์โจว”
ตอนที่จะวางโทรศัพท์นั้น ศาสตราจารย์โจวก็ยังไม่ลืมที่จะชวนฟางเหเยียนให้ไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย และก็ถูกฟางเหยียนปฏิเสธไป
มองๆ ไปที่เทียนขุย แล้วฟางเหยียนก็เริ่มศึกษาของล้ำค่าของหยินเหมินทั้งห้าอีกครั้ง จนถึงเช้าวันต่อมา
แค่โบกไปเบาๆ ต้นไม้ในสวนด้านนอกก็ขาดครึ่ง!
เทียนขุยยืดแขนทั้งสองข้างของตนเอง พลังเต็มไปเปี่ยมไปทั้งตัว เหมือนกับจะพัฒนาขึ้นไม่น้อย “นี่ก็คือพลังของระดับต้าชี่ชั้นยอดงั้นหรือ? ที่แท้ผมก็ไม่ได้บรรลุมันได้สักที เสียเวลาจริงๆ !”
“จอมพลครับ ผมรู้สึกว่าตัวเองเสียเวลาไปมาก โดยเฉพาะตอนที่นั่งสมาธิทั้งคืนนั้น ผมรู้สึกว่าตนเองอยู่ในส้วมแล้ว แต่ไม่ยอมถ่ายออกมาสักที เปรียบเทียบแบบนี้มันดูไม่เหมาะ แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ ผมได้ละเลยพลังที่แท้จริงไป ถ้าตอนนี้ผมเจอกับคนแก่ที่ปล่อยอีกาออกมาอีก ผมมีพลังสู้แน่นอน!”
คำพูดเกินเบอร์ของเทียนขุย ไม่ได้พูดเกินไป พูดง่ายๆ ก็คือ ตอนที่เขายังไม่ถึงระดับที่สูงขึ้นนั้น ถึงแม้จะมีพลังระดับต้าชี่ชั้นยอดแล้ว ก็คือระดับเพดานของระดับต้าชี่ แต่ระดับพลังยังไม่นิ่ง ลอยไปลอยมา จริงๆ แล้วพลังมีแค่ระดับต้าชี่ช่วงกลาง ยังห่างจากขั้นสุดยอดอีก2ระดับ
ดีแต่ไม่จริง ยังลอยไปมาไม่นิ่ง!
แต่ตอนนี้ เทียนขุยได้มั่นคงตัวเองแล้ว พลังได้เข้าสู้จุดที่น่ากลัวแล้ว เขาในตอนนี้ มีพลังที่ไม่อาจจะดูถูกได้ ถ้าเอาไปอยู่ในสำนักเจ็ดพิฆาต แค่เป็นรองแค่ฟางเหยียน ต่อให้เป็นเทียนกางที่โหดเหี้ยม ก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
เทียนขุยเปลี่ยนแปลงไปครั้งนี้ พลังก็ไปถึงระดับที่คาดคะเนไม่ได้เลย!
นอกจากนินจาระดับปรมาจารย์แล้ว รองลงมา เขาจัดการได้หมด!
ถือว่าเป็นนินจาระดับต้าชี่อันดับหนึ่ง!
“จอมพลครับ พระคุณครั้งนี้ยากจะเอ่ยขอบคุณ คุณช่วยให้ผมเอาชนะตัวเองหลายครั้ง ให้ผมได้อะไรดีๆ หลายครั้ง ผมมีแต่จะไปเข่นฆ่าพวกเพลิงเสวน เพื่อตอบแทนบุญคุณของจอมพลครับ”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร เทียนขุยมีวันนี้ได้ นอกจากปัจจัยส่วนน้อยจากตัวของเขาแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นผลของตัวเทียนขุยเอง ฟางเหยียนไม่คิดที่จะไปภูมิใจกับผลงานนั้น เทียนขุยเป็นทหารที่เสียเลือดเนื้อในสงคราม ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เขาหามาได้ด้วยตัวเองทั้งสิ้น
ฟางเหยียนก็ไม่อาจที่จะไปหักหน้าของเทียนขุย แล้วก็ให้กำลังใจเพิ่มไปว่า “เทียนขุย นี่ไม่ใช่จุดสูงสุดของคุณ แต่ชีวิตของคุณจะต้องมีจุดเริ่มต้นใหม่ เข้าใขใหม่?”
“จอมพล ถึงแม้ผมจะไม่สามารถถึงระดับปรมาจารย์ได้ แต่ผมก็จะพยายาม มีเพียงแบบนี้เท่านั้น ผมถึงจะไม่เป็นตัวถ่วงของจอมพล”
“ไม่มีตัวถ่วงอะไรหรอก คุณก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพียงแต่สิ่งที่คุณเผชิญหน้านั้น มันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะเจอมันต่างหาก” พูดออกมาแบบนี้ ฟางเหยียนก็รู้สึกไม่เหมาะ พูดแบบนี้มันก็ไปทำร้ายจิตใจของเทียนขุยน่ะสิ? แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย “ในเมื่อคุณก็ได้เลื่อนระดับพลังมั่นคงแล้ว งั้นพวกเราก็ออกเดินทางกันเลยเถอะ”
เห็นได้ชัดว่า เทียนขุยไม่ได้พบว่าฟางเหยียนพูดใส่เขาแรงไป แล้วก็ถามออกมาว่า “ออกเดินทางไปไหนครับ?”
“ดินแดนตะวันตก ภูเขาทิพท์”
——
ภูเขาทิพท์ในยามค่ำคืน ถูกความมืดซ่อนไว้อย่างมิดชิด และภูเขาทิพท์ที่กว้างใหญ่นี้ ก็มีเงาคนหนึ่งกำลังรีบเดินเข้าไป ในชั่วเวลาหายใจไม่กี่ครั้ง ก็มาถึงยังที่อยู่ของเต๋ายอดเซียนแล้ว แล้วก็โวยวายไปมั่ว
เต๋ายอดเซียนขมวดคิ้ว และในตอนนี้ห้องข้างๆ ก็มีแสงตะเกียงสว่างขึ้นมา
จางตุนเทียนเดินออกมาถามว่า “พี่เตา ดึกดื่นแบบนี้ไม่หลับไม่นอน ทำอะไรหรือ?”
“ผมก็อยากจะนอนเหมือนกัน แต่เกรงว่าบางคนจะนอนไม่หลับแล้วล่ะ!”
จางตุนเทียนก็อึ้ง ฟังๆ แล้วเหมือนจะอยากโดนเตะ!
“พี่เต๋า มันเรื่องอะไรกัน?” จางตุนเทียนถาม “หรือว่าเพลิงเสวนบุกเข้ามางั้นหรือ?”
“ไอ้นักพรตแก่จมูกควาย เรื่องชั่วที่ตนเองทำไว้ ตอนนี้มันมาหาถึงหน้าประตูแล้ว!”
พอได้ยินดังนั้น จางตุนเทียนก็ไม่นิ่งอีกต่อไปแล้ว แล้วก็ชี้หน้าด่าไปว่า “เอ๊ะไอ้แก่นี่ ปากมึงควรจะสร้างบุญหน่อยนะ ไม่ระวังปากตัวเองแบบนี้ งั้นเดี๋ยวกูจัดการให้ มึงบอกมาให้ชัดๆ ว่าเรื่องชั่วอะไร? มีชีวิตมาก็หลายร้อยปีแล้ว ยังไม่รู้จักระวังคำพูดอีก!ยากจะตายตอนแก่หรือไง?”
เต๋ายอดเซียนส่งเสียงไม่พอใจ “ตอนนั้นใครกันล่ะเพราะอยากจะอยู่อย่างสบายๆ แล้วเอาตราประทับเทียนซือไปส่งให้ที่รีสอร์ทหยูฉวน แล้วก็ให้แก่จอมพลโผ้จวินต่ออีกทอด นี่มันไม่ใช่เรื่องชั่วที่มึงทำหรือไง?”
พอได้ยินดังนั้น จางตุนเทียนที่กำลังฮึดสู้อยู่นั้นก็หน้าชาไป ตั้งสติขึ้นมาไม่ได้ นอกจากก้มหน้าเสียใจไป ก็เหลือเพียงแต่ความขมขื่น แล้วเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ พร้อมถามว่า “พี่เต๋า หมายความว่าจอมพลโผ้จวินมาที่ภูเขาทิพท์แล้วใช่ไหม?”
เต๋ายอดเซียนชี้ไปทางฉินเสียงหลิน แล้วพูดต่ออีกว่า “เมื่อครู่เพิ่งรู้ว่าที่ภูเขาทิพท์มีร่องรอยของคน สุดท้ายก็พบว่าเป็นจอมพลโผ้จวิน……..”
ยังไม่ทันพูดจบ จางตุนเทียนก็หนีไป ท่าทางรวดเร็วมาก เต๋ายอดเซียนเห็นแล้วก็แจ๊ะปาก
“งั้นก็ พี่เต๋า พอดีว่าผมนึกขึ้นได้ว่าที่สำนักเทียนซือมีเรื่องนิดหน่อย งั้นไปก่อนนะ เออแล้วก็ ไม่ส่งนะ แล้วเจอกัน!”
เต๋ายอดเซียน “……”
สำนักเทียนซือถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว เหลือเพียงไอ้นักพรตจมูกควายนี้คนเดียวแล้ว จะมีเรื่องอะไรได้!
คิดจะหนีก็ไม่คิดข้ออ้างให้มันดีๆ หน่อย!
เขาก็ละเหี่ยใจ หมดคำจะพูด!
ให้ตายเถอะ วิ่งเร็วจริง!
“ไอ้นักพรตแก่จมูกควายคนนี้ จริงๆ เลยเชียว!”
เขาก็ไปขวางจางตุนเทียนไว้ จางตุนเทียนก็พูดอย่างไม่เข้าใจว่า “พี่เต๋า จะทำอะไร”
“จางเทียนซือนะจางเทียนซือ อยู่ฟรีกินฟรีที่ภูเขาทิพท์มานานขนาดนี้ คิดจะไปก็ไปงั้นหรือ? คิดจะหนีไปถึงไหน? ตามที่ผมรู้มา จอมพลมาภูเขาทิพท์ คงจะไม่ได้มาโดยไม่เรื่องอะไรหรอก ในเมื่อมีเรื่องเข้ามา แล้วคุณจะหนีอย่างเดียว ไม่กลัวจอมพลโกรธหรือไง?”
จางตุนเทียนหัวเราะเยาะ “พี่เต๋า ผมหนีที่ไหนเล่า? ผมไม่อยากมาอยู่ให้จอมพลเหม็นขี้หน้า ลองคิดดู ถ้าเขาเห็นผมเข้าล่ะก็ จะนึกถึงเรื่องที่รีสอร์ทหยูฉวนขึ้นมาไหม? ผมยังจำได้ว่าตอนนั้นผู้หญิงของรองผู้นำเขา ก็ตายอยู่ที่รีสอร์ทหยูฉวน แล้วก็ สาวสวยรู้ใจของเขาอีก ชื่อชิงตี้อะไรนั่นแหละ ถึงแม้จะเป็นคนของเพลิงเสวน แต่ก็เป็นผู้หญิงของจอมพล เรื่องเก่าๆ พวกนี้ พอเขาเห็นผมเข้า จะไม่เกิดน้ำโหขึ้นมาหรือ? แบบนั้นไม่เรียกขัดหูขัดตาจะให้เรียกว่าอะไร?”
“แล้วก็ เป็นอีกจุดที่สำคัญมาก จอมพลมาที่ก็น่าจะมาหาคุณนั่นแหละ ผมอยู่ที่นี่ไม่เหมาะจริงๆ รกมือรกเท้าเปล่าๆ ไม่สู้ให้ผมออกไปก่อน พี่เต๋าว่าดีไหม ส่วนเรื่องที่มาอยู่ฟรีกินฟรี พี่เต่า ผมก็จะขอพูดหน่อยนะ ตั้งแต่ที่ผมมาที่นี่ มีเรื่องไหนบ้างที่ผมไม่ได้ทำ? ซักผ้า ทำกับข้าว ผ่าฟืนก่อไฟ มีเรื่องไหนที่คุณทำ?”
เต๋ายอดเซียนพูดหน้านิ่งว่า “เรื่องพวกนั้นคุณเป็นคนทำ แล้วไงล่ะ? คิดจะหนีไปตลอดชีวิตเลยหรือไง?”
รู้ดีอยู่ว่าเต๋ายอดเซียนหน้าไม่อาย เขาก็ได้เห็นอีกแล้ว ไม่รอช้า จางตุนเทียนหันตัวแล้วก็จากไป เดินไปพูดไปว่า “เอาแบบนี้ไปก่อน ไม่ต้องเรียกแล้ว ผมไปก่อน”
“หนีไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ” เต๋ายอดเซียนยิ้มเย็นพูดออกมา
โครม!
จางตุนเทียนก็เหมือนชนเข้ากับกระจก จนมึนหัวไปหมด
“เต๋ายอดเซียน นี่คุณ……”
“บอกตามตรงเลยแล้วกันนะ จอมพลจะมาถึงแล้ว ตอนนี้ก็ลำบากคุณหน่อยแล้วกัน ถ้าร่วมมือดีๆ ผมก็สามารถไว้หน้าคุณได้ แต่ถ้าไม่ร่วมมือดีๆล่ะก็ งั้นก็ขอโทษด้วย คุณก็ต้องรออยู่ที่นี่จนกว่าจอมพลจะเดินทางมาถึง!”
จางตุนเทียนโกรธจนหนวดตั้งขึ้นมา แล้วก็พูดเสียงสั่นว่า “ร้ายนักนะ เต๋ายอดเซียน!”
เต๋ายอดเซียนยิ้มแต่หน้า พูดว่า “เช่นกันๆ ผมก็กำลังช่วยคุณไม่ใช่หรือไง? ถ้ารู้สึกซาบซึ้งต่อผมจริงๆ ก็อยู่ในนั้นไปเงียบๆ !