จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่ 865 ค่ายกลฟ้าร้อง
รังสีของทั้งคู่นั้นรุนแรงมาก ไม่มีใครยอมใคร แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมหยุดคุยกันก่อน
ความสนุกของทั้งคู่เพิ่งจะปะทุขึ้นเท่านั้น!
คนของเพลิงเสวนนั้นตกใจจนขวัญกระเจิงไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนกำลังจับตาดูอย่างข้างหลังละก็ ป่านนี้พวกเขาคงหนีเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว!
แต่สองคนนี้กลับกำลังฆ่าฟันอย่างสนุกสนาน และเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมาคนมุงเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
“ป๊าบ……” หลังซัดไปสามฝ่ามือ ก็ได้มีเสียงพูดที่ไม่ค่อนข้างคลุมเครือดังขึ้น “ไม่เลวเลยนี่ ถึงกับสามารถฆ่าสมาชิกเพลิงเสวนของฉันไปได้มากขนาดนี้ และไม่รู้ว่านายจะมีอีกกี่ชีวิตที่พอจะฆ่าได้!”
สิ้นเสียง ทุกคนต่างก็หยุดมือและหันมองไปทันที
คนที่พูดนั้นกำลังใช้มือม้วนผมที่ยาวสระสรวยของตัวเอง ท่าทางที่แสดงออกมานั้นไม่ต่างอะไรกับสาวงามเลย
หยินฮว่ามาแล้ว!
ถังจู่ของสาขาเหลือง!
สมาชิกทุกคนของเพลิงเสวนต่างก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที!
หยินฮว่าก็คือแกนนำของพวกเขา ถ้าเขาไม่ปลีกวิเวกไปอย่างกะทันหัน บางทีสามวันที่ผ่านมาเพลิงเสวนของพวกเขาอาจจะไม่ต้องสูญเสียกำลังมากขนาดนี้! โดยเฉพาะกำลังภายในอันมหาศาลของเขาที่ทุกคนรับรู้ได้ เหมือนการที่สามารถคว้าแหนได้ต้นหนึ่งท่ามกลางท้องทะเลที่กว้างใหญ่!
ความแข็งแกร่งระดับต้าชี่ชั้นยอด!
สมาชิกทุกคนของเพลิงเสวนเหมือนถูกฉีดเลือดไก่เข้าไป พากันฮึกเหิมขึ้นมาอย่างสุดขีด จนแทบจะร้องเล่นเต้นระบำกันขึ้นมาแล้ว!
เทียนขุยหันมองไปยังหยินฮว่าที่ทำตัวไม่ชายไม่หญิง รู้สึกเหมือนจะเคยรู้จักคนคนนี้มาก่อน โดยเฉพาะสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามคู่นั้น ในความคิดของเทียนขุยนั้น คนคนนั้นก็เป็นแค่พวกที่ชอบตอแหลเท่านั้น พวกคนที่ไม่เอาไหนต่างก็ชอบตอแหลกันทั้งนั้น!
เทียนขุยไม่มีอารมณ์ไปสนใจว่าเขาเป็นใคร ในความคิดของเขา ในเมื่อเป็นคนของเพลิงเสวน มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร!
แค่ฆ่าทิ้งก็พอแล้ว!
เทียนขุยหันไปมองฉินเสียงหลิน ชี้ไปที่หยินฮว่า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “นั่น นายหรือฉันที่จัดการ?”
“ฮึ่มฮึ่ม……” ฉินเสียงหลินก้าวมาข้างหน้า แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาอยากเป็นคนจัดการ!
เทียนขุยเองก็ไม่ติดอะไร จึงพูดไปอย่างไม่ชอบใจว่า “งั้นก็เร็วๆ หน่อย ฉันละเกลียดพวกแยกเพศไม่ออกแบบนี้ที่สุดเลย ถ้านายไม่ไหวก็เปลี่ยนให้ฉันจัดการเอง!”
“ฮึ่มฮึ่ม……” ฉินเสียงหลินพุ่งตัวออกไปทันที เป้าหมายก็คือหยินฮว่า!
หยินฮว่าหัวเราะออกมาเสียงดัง “น่าขัน เป็นแค่สัตว์ยังกล้าหยาบคาย ก็ดี เดี๋ยวเจ๊จัดการพวกนายแล้วค่อยถามก็ได้!”
ฉินเสียงหลินโจมตี เทียนขุยก็ไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ และได้พุ่งออกไปทันที
ทันใดนั้น เสียงคำรามก็ดังกึกก้อง สะท้านไปทั่ว ทุกที่ที่ไปเยือน เลือดสาดกระเซ็น ศพกองเป็นพะเนิน จนคล้ายกับเนินเขาลูกเล็กๆ!
ทั้งสี่หันมาสบตากัน จากนั้นก็มีคนพูดทำลายความเงียบว่า “ในเมื่อพวกนายเอาแต่ถ่อมตัว งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้ว ฉันจะจัดการเขาเอง ดูให้ดีล่ะ!”
พุ่งตัวออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสามได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ
“เฮ้อ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ไม่รอพวกนายแล้ว ตอนนี่ก็ทำได้แค่นั่งดูเท่านั้น”
“ก็จริง จนป่านนี้แล้ว รู้อย่างนี้ฉันคงชิงลงมือก่อน จะได้ไม่ต้องมาคันไม้คันมืออยู่อย่างนี้!”
“มาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? นี่แหละคือผลของการถ่อมตัว ในเมื่อเขาลงมือแล้ว งั้นเราก็รอดูไรก่อน!”
เทียนขุยซัดหมัดทีเดียวก็สลบไปคนหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว แล้วสวนกลับด้วยกำปั้นที่มีขนาดเท่าถุงทาย “พังพินาศแปดทิศ!”
ตูม!
กำปั้นเข้าปะทะกัน ตกใจจนหน้าเหวอ!
หมัดนี้ ไม่ต่างอะไรกับการชกใส่แผ่นเหล็กเลย!
เทียนขุยยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คิดจะลอบกัดเหรอ? ก็จริง พวกเพลิงเสวนก็มักชอบหลบในที่ลับเหมือนกับเต่าอยู่แล้ว จะลอบกัดก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แค่มัน……ทุเรศเกินไปหน่อย!”
คนคนนั้นทำหน้าเคร่งขรึม ภายใต้ความเคร่งขรึมยังแฝงไปด้วยความโมโห และได้ด่าว่าเพลิงเสวนเป็นพวกเต่าหดหัวกันต่อหน้า แล้วจะให้ทนไหวได้ยังไง!
ไม่นาน คนคนนั้นก็เคลื่อนไหวแล้ว เทียนขุยยิ้มเยาะ ปล่อยให้คนคนนั้นพุ่งเข้ามา ด้วยท่าทางเหมือนตกใจจนขวัญกระเจิง ในตอนที่หมัดกำลังจะถึงตัวเทียนขุย เทียนขุยก็ขยับตัวเล็กน้อย แล้วหลบออกจากกำปั้นนั้น เขาอาศัยจังหวะนี้ยื่นมือไปคว้า แล้วกำปั้นก็พุ่งขึ้นข้างบนทันที!
แกร็ก!
เกิดเสียงดังขึ้น สีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที และครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด!
มือขวาหักแล้ว!
แต่เทียนขุยก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ แบบนี้ แล้วเห็นเขาระดมหมัดใส่คนคนนั้นราวกับห่าฝน!
ภาพที่เกิดขึ้น ทำเอาอีกสามคนถึงกับอึ้งไปตามๆกัน!
ชนะขาด!
ไม่สามารถทำอะไรได้เลยอย่างนั้นเหรอ?
ต่างก็เป็นระดับต้าชี่ชั้นปลายกันหมดเลยไม่ใช่รึไง?
ต่อให้สู้ไม่ไหวก็ไม่น่าจะถึงขนาดถูกอัดเหมือนหมาแบบนี้นะ!
มีเพียงความเป็นไปได้เดียว!
ก็คือเขาเก็บซ่อนพลังเอาไว้!
พอคิดได้อย่างนั้น ทั้งสามก็ตกใจจนเหงื่อตก! ไอ้หมอนี่มันตอแหลเก่งจริงๆ!
มีความ……ดูถูกคนอื่นด้วย!
จะให้ทั้งสามยังมัวอึ้งอยู่ได้ยังไง พวกเขาพากันพุ่งเข้าใส่ทันที!
“รอเดี๋ยว!” พอเห็นสามคนนั้นพุ่งไปข้างหน้า เขาก็ตะโกนออกมาทันที
ทั้งสามได้หยุดเท้าด้วยความไม่เข้าใจ สายตาอาฆาต ระวังตัวอยู่ตลอด และอยากที่จะรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
เทียนขุยเหยียบอยู่บนตัวของคนที่เพิ่งถูกทำลายเส้นเอ็นไปทั่วร่าง แล้วพูดขึ้นว่า “หนึ่งต่อหนึ่ง?”
นี่มันเป็นการจงใจเยาะเย้ยพวกเขาชัดๆ!
ตอแหลเก่งจริงๆ!
หนึ่งในนั้นได้พูดขึ้นมาว่า “จะไปพูดมากกับมันทำไม เราเลือกที่จะสู้กันเป็นทีม!”
ทั้งสามพุ่งเข้าใส่เทียนขุยราวกับหมาบ้า แต่เทียนขุยก็ไม่ได้ร้อนรนอะไร แค่ยิ้มและพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “นี่นะเหรอเพลิงเสวน ตอนนี้นายน่าจะรู้แล้วนะ ว่าไม่มีใครสนใจหรอกว่านายจะเป็นตายร้ายดียังไง ช่างน่าสงสารจริงๆ!”
เท้าถูกเหยียบลงไป!
แกร็ก!
ลำคอของคนคนนั้นก็หักจนเกิดเสียงดัง และสิ้นชีพไปทันที!
การโจมตีที่เข้ามาถึงสามทาง เทียนขุยก็เช็ดกำปั้นแล้วพุ่งใส่หนึ่งในมันทันที
โครมครามโครมคราม……
สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ท้องฟ้าอึมครึม ท้องฟ้าที่แจ่มใสในตอนแรก กลับมืดลงมาอย่างรวดเร็ว ฟ้าร้องอย่างต่อเนื่อง ฟ้าผ่าอย่างบ้าคลั่ง!
บรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างประหลาด ทำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง จนลืมที่เรื่องการต่อสู้ไป ได้แต่ยืนมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มด้วยความช็อก และไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ
ฟ้าแลบฟ้าร้อง ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีคนกำลังทะลุ!
ท้องฟ้าที่มืดมิดภายใต้แสงสว่างจากสายฟ้า ทำให้ดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เหมือนสัตว์ประหลาดที่กำลังจะโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน กลืนกินทุกอย่างที่อยู่รอบตัว!
แล้วเทียนขุยก็เพิ่งเข้าใจ ว่าตอนนี้มันเป็นเวลาอู่สือซานเค่อแล้ว มันจะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นบนท้องฟ้า!
เขาแทบจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร และจัดการกับพวกที่เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
หยินฮว่าเองก็จ้องมองท้องฟ้าด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่แต่เขาก็สังเกตเห็นจุดที่ผิดปกติเข้าแล้วสายฟ้าฟาดบนท้องฟ้าได้หลอมรวมกันเป็นพายุหมุน ซัดลงมาที่ยอดของภูเขาทิพท์ นอกเหนือจากนั้น เขายังสังเกตเห็นว่าหลังจากที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ไอ้คนป่าเถื่อนกับเทียนขุยเหมือนจะบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม! ใช้หัวแม่ตีนคิดยังรู้เลยว่าสองคนนี้กำลังขัดขวางอะไรอยู่!
ฟางเหยียนมันทำอะไรอยู่บนภูเขาทิพท์กันแน่?
“ส่งคนขึ้นไปดู ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”
เทียนขุยเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้าหยินฮว่า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “อยากขึ้นไปบนเขา ได้รับอนุญาตจากฉันรึยัง?”
“ฆ่ามัน!”
——
จางตุนเทียนตกใจจนตื่น “ท่านผู้นำ ท้องฟ้าแปรปรวน ฤกษ์ดีมาเยือน!”
ฟางเยียนมองไปที่เต๋ายอดเซียน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ตอนนี้ต้องทำยังไงต่อ?”
เต๋ายอดเซียนจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดเหมือนยามค่ำคืน จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ “นภาพิภพครบองค์แล้ว แต่ฤกษ์ยังไม่มา รอต่อไป”
“จริงด้วย ท่านผู้นำ เราย้ายไปที่หลังเขาก่อนได้เลย ผมเตรียมทางนั้นเรียบร้อยแล้ว ขอแค่บนฟ้ามาแสงสีขาว ชั่วพริบตาที่ปรากฏขึ้น ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการรับเอาชี่ปราณ!”
ชั่วพริบตาที่ปรากฏ?
ฟางเหยียนรู้สึกเหมือนถูกหลอกยังไงไม่รู้!
สภาพรอบๆ มืดจนยื่นมือออกไปยังมองไม่เห็นนิ้ว นอกจากสายฟ้าที่ส่องแสงแล้ว เขาก็มองไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลย ดูสภาพแล้ว ถ้าอยากเห็นแสงสว่างอีกสักครั้ง มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
แต่เขาก็ไม่ได้ลังเล และเดินไปอย่างรวดเร็ว
ยังไงจางตุนเทียนก็คำนวณถึงการเกิดปรากฏการณ์ประหลาดได้ ใกล้จะได้รับชี่ปราณแล้ว มันคือสิ่งที่เขาเร่งรีบและต้องการเห็นมากที่สุด!
ระหว่างที่เดิน เต๋ายอดเซียนก็พูดขึ้นว่า “ท่านผู้นำ ความจริงขั้นตอนมันง่ายมาก นั่นก็คือการล่อสายฟ้า ล่อสายฟ้า ความหมายตรงตัว คือการล่อสายฟ้าจากสวรรค์ให้ผ่าเข้าไปในค่ายกลที่ผมวางไว้ จากนั้นก็ใช้สายฟ้าจากสวรรค์ขับเคลื่อนค่ายกลฟ้าร้อง และสิ่งที่คุณต้องทำก็คือการของล้ำค่าของห้าสำนักใหญ่ไปวางในตำแหน่งที่ผมวาดไว้ นั่งขัดสมาธิ รอให้สายฟ้าจากสวรรค์วิวัฒนาการ จำไว้ว่า ต้องกำหินทิพย์ให้แน่นๆ แดงขวาเขียวซ้าย ลำดับและขั้นตอนห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!”
ฟางเหยียนฟังจบก็พยักหน้า แล้วถ้าอย่างไม่สบายใจว่า “มั่นใจมั้ย?”
เต๋ายอดเซียนเงยหน้าขึ้นมองไปที่ท้องฟ้า และยิ้มออกมา “ท่านผู้นำเป็นคนที่มีบุญญาธิการ อยู่ในยุคของการผดุงความยุติธรรม ก็ต้องได้รับความเมตตาจากสวรรค์ เหมือนมีเทพเจ้าคอยช่วย”
ฟางเหยียนมองบนใส่เต๋ายอดเซียน ไอ้หมอนี่พูดก็เหมือนไม่พูด!
“ท่านผู้นำไม่ต้องห่วง ต่อให้มันจะอันตราย แต่ค่ายกลฟ้าร้องก็จะคอยปกป้องคุณ คุณนั่งเข้าไปก่อน หลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง!”
พูดจบ สีหน้าของเต๋ายอดเซียนก็จริงจังขึ้นมาทันที