จอมนักรบทรงเกียรติยศ - บทที่729 ซ่งหยิง
เมื่อฟางเหยียนออกจากวัดเต๋า ราศีของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะใบหน้าที่เคร่งขรึมซึ่งมีความซีดเซียวลดน้อยลง ตัวเขาทั้งร่างเหมือนเกิดใหม่ อาการป่วยของเขาลดลงมาก และเขาก็ดูมีพลังมากขึ้น
เทียนขุยมาจากข้างนอกเมื่อเห็นสภาพของฟางเหยียนเขาดีใจมากในทันที เขาถามอย่างตื่นเต้นว่า “โผ้จวิน น้ำไร้หน้าได้ฟื้นฟูร่างกายของนาย?”
ฟางเหยียนส่ายหัวเบาๆ “ฉันไม่สามารถขัดเกลาน้ำไร้หน้าได้ อย่างน้อยตอนนี้ไม่สามารถทำได้ แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากน้ำไร้หน้า ฉันฟื้นระดับความแข็งแกร่งได้หนึ่งระดับ ตอนนี้ฉันมีเจ็ดระดับ ยังห่างไกลจากความมั่งคั่ง อย่างน้อยต้องรวบรวมขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ทั้งห้า แล้วต้องไขความลับในหินทิพย์ ถึงจะฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์”
“ระดับเจ็ดเหรอ ก็ไม่เลวนะ”
เมื่อเทียบกับการฟื้นตัวของฟางเหยียน สิ่งที่เทียนขุยมีความสุขมากกว่าคือการที่ฟางเหยียนฟื้นความแข็งแกร่ง เขาไม่ใช่ฟางเหยียนที่ซึมป่วยเมื่อสามวันก่อน และตอนนี้ฟางเหยียนคือฟางเหยียนคนก่อนที่มั่นใจ สงบ เยือกเย็น และทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ช่วงนี้เทียนขุยค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นในสำนักไร้หน้า และทำให้เขาเข้าใจคำคำหนึ่ง
ดอกไม้ที่ล่วงลงพื้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ แต่มันเปลี่ยนเป็นปุ๋ยเพื่อให้ลำต้นแตกกิ่งก้านใบใหม่ต่างหาก!
สีหน้าของฟางเหยียนนั้นเย็นชาไร้ความรู้สึก แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนที่ไร้ความเมตตา เขายังมีอารมณ์สุขเศร้าเหงาโกรธได้ แต่เขาไม่อยากพูดออกมา เรื่องที่หลินถงเสียชีวิตเพื่อเขานั้นน่าสลดใจจริงๆ และมันก็ทำให้ฟางเหยียนรู้สึกผิดในใจ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกหดหู่เป็นเวลาหลายวัน
ไม่ใช่ว่าเทียนขุยไม่เข้าใจ แต่เขาไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมฟางเหยียนได้อย่างไร เพราะหลินถงตายแล้ว!
และตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกลับมาเหมือนเดิมแล้ว!
“เอ่อ โผ้จวิน เหล่านินจาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดล้วนแต่เคยพูดคุยทักทาย แต่กลับไม่เห็นคนขององค์กรสัตว์เพลิงสักคน ยิ่งไม่เจอหยินฮว่าคนที่มีนิสัยคลุมเครือ ใช่แล้ว ฉันได้ข่าวจากเหล่านินจามาบ้างแล้ว และข่าวนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวกับกับนายมาก”
“พูดตรงๆ อย่าอ้อมค้อม”
“จำได้ไหมว่าที่มหาวิทยาลัยซีหนานมีเด็กสาวคนหนึ่งชื่อซ่งหยิง เธอถูกครอบครัวคุมขัง แน่นอนว่าการคุมขังของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับนาย แต่นายรู้หรือไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือนายน้อยแห่งสำนักฉิวหลง!”
“อะไรนะ!” ฟางเหยียนอุทาน
ซ่งหยิงคือนายน้อยแห่งสำนักฉิวหลง!
ข่าวนี้เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่สะเทือน!
ฟางเหยียนรู้สึกตกตะลึงใจอย่างรุนแรง
เขาคาดไม่ถึงว่าซ่งหยิงจะเป็นนายน้อยแห่งสำนักฉิวหลง ทันใดนั้นฟางเหยียนก็นึกถึงอารองของซ่งหยิง ชายชราที่เดินกะเผลก ครั้งที่แล้วที่ไปรับปากศาสตราจารย์โจวว่าจะสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยซีหนานได้บังเอิญไปเจอกับอารองของซ่งหยิง ในตอนนั้นอารองของเธอก็ดูจะเป็นศัตรูกับทุกคน
ฟางเหยียนเริ่มนึกคิดไปเมื่อได้ยินชื่อของซ่งหยิง หลังจากที่เขาไปรับปากกับศาสตราจารย์โจวว่าจะไปสอนหนังสือ เขาก็ไม่เคยเห็นเธออีกเลย
เทียนขุยมองไปที่ฟางเหยียนแล้วพูดว่า “บางทีซ่งหยิงอาจมาเรียนที่มหาวิทยาลัยซีหนานเพื่อสัมผัสประสบการณ์ชีวิต? สำหรับตระกูลที่ลึกลับนี้ไม่ใช่ชอบเล่นเกมอะไรพวกนี้เหรอ? ใช่แล้วโผ้จวิน เมื่อก่อนที่นายเคยให้ฉันไปสืบหาสำนักลึกลับพวกนั้น พวกนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรสัตว์เพลิง สำนักฉิวหลงก็เป็นหนึ่งในนั้น !”
“อะไรนะ!” ฟางเหยียนตกใจอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าสำนักฉิวหลงจะเป็นสุนัขรับใช้ขององค์กรสัตว์เพลิง!
“นี่คือข่าวที่ฉันสืบหาเจอ ดังนั้นโผ้จวินนายคิดว่าจะทำยังไง? นายจะกำจัดพวกที่ขัดแย้งไหม ตัดชีวิตและเส้นเลือดขององค์กรสัตว์เพลิง!”
เขาเชื่อคำสหายของเขา คาดไม่ถึงว่าจะสืบพบว่าสำนักฉิวหลงและองค์กรสัตว์เพลิงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขาไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน!
“เทียนขุยทำได้ดีมาก!” ฟางเหยียนกล่าวคำชื่นชม “ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราก็ไปกันเถอะ”
——
ชายแดนหนานหลิงมีภูเขาสลับซับซ้อนสูงตระหง่านทอดยาวไปหลายพันลี้ ท่ามกลางขุนเขาแห่งนี้มีช่องเขาขาดตามธรรมชาติอยู่ที่หนึ่ง ช่องเขาขาดนี้เหมือนกับดาบคมที่ตกลงมาจากฟ้า แบ่งภูเขาออกเป็นทั้งหมดสองส่วน ซึ่งต้องชื่นชมว่าฝีมือของธรรมชาตินี้สุดยอดไปเลย!
ช่องเขาขาดนี้ก่อเกิดเป็นสายน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูก ซึ่งล้อมรอบด้วยพืชพันธุ์นานาชนิดและใต้ปากแม่น้ำเหมือนแท่นรูปกรวยขนาดใหญ่มีกลุ่มอาคารโบราณที่สวยงามอยู่บนแท่น อาคารที่สร้างขึ้นบนภูเขาราวกับเป็นอาคารอยู่กลางท้องฟ้า
ในบรรดากลุ่มอาคารนี้มีอาคารโบราณอยู่จำนวนมากเริ่มเก่าแล้ว ทิ้งร่องรอยทิ้งไว้หลายปี ที่นี่เมฆและหมอกหนาทึบและเต็มไปต้นไม้สีเขียวสูงตระหง่านตรงสู่ท้องฟ้า มีนกและดอกไม้ ราวกับสวรรค์บนดิน
สวยงามจริงๆ สวยเหมือนภาพวาด
อาคารโบราณเหล่านี้แขวนอยู่ในหุบเขานี้เป็นอาณาเขตของสำนักฉิวหลง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของประตูลึกลับ!
คนนอกสำนักมองว่าศิลปะอาคารโบราณนั้นยอดเยี่ยมมาก เหมือนเทพสร้างขึ้นมา แต่คนในสำนักรู้ดีว่าช่องว่างที่แบ่งเป็นสองส่วนนั้นเพราะว่าในยุคราชวงศ์เซี่ยต่งฝู่ได้ฝึกสอนมังกรตัวหนึ่ง เขาต้องการฝึกให้มันเชื่อง แต่มังกรก็โกรธขึ้นมาทันใด มันทะลุทะลวงผ่านทั้งภูเขา ทิ้งร่องรอยไว้ตรงหุบเขานี้ สำนักฉิวหลงจึงสืบทอดอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
นับตั้งแต่มังกรทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่งฝู่ได้รู้สึกผิดและละอายใจต่อพระเจ้าชุ่นจึงอาศัยอยู่ที่นี่มาโดยตลอด เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ให้เกิดซ้ำ
ที่นี่มีฮวงจุ้ยที่ดี เป็นเหมือนวิมานสวรรค์ของเหล่าเทพและเป็นสถานที่มีความเป็นสิริมงคล
แต่ประตูสำนักฉิวหลงนั้นเรียบง่ายมาก มันเป็นประตูลึกลับในการเลี้ยงมังกร!
หลังจากการพัฒนาหลายร้อยปี มังกรเป็นสัตว์มงคลที่บอกต่อกันมาหลายร้อยปีได้จางหายไปจากสายตาของผู้คน แต่การหายไปจากสายตาไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย สิ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงคือความโลภของคน!
หนึ่งในอาคารอันกว้างใหญ่ที่สวยสดงดงามและมีความเก่าแก่ ในห้องส่วนตัวของสตรีห้องหนึ่ง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารซึ่งเย็นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว
หญิงสาวหน้าตาสวยพิงขอบหน้าต่าง มองดูช่องว่างในหุบเขามังกร เธอขมวดคิ้วเมื่อเธอมองเห็นฝูงผีเสื้อเต้นรำอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนอยากจะกระโดดข้ามหุบเขามังกรยังไงยังงั้น แต่พวกมันทำไม่สำเร็จ
นอกหน้าต่างทุกอย่างดูมีชีวิตชีวา แต่ผู้หญิงในห้องส่วนตัวสตรีนั้นกำลังกลุ้มใจ ราวกับว่าเข้ากันไม่ได้กับความมีชีวิตชีวาของโลกภายนอก
แม้ว่าสายตาของเธอกำลังจ้องมองไปที่หุบเขามังกร แต่ในหัวก็ปรากฏภาพที่คุ้นเคยขึ้นโดยไม่รู้ตัว ภาพนั้นเป็นเหมือนฝันร้าย ดังนั้นเธอจึงทนไม่ไหว แน่นอนว่าเธออยากลบเลือนมัน
บนแท่นบรรยายสามฟุต เขามีอิสระและความกล้าหาญ เขียนบทเพลงของความรุ่งโรจน์และความเหงาของยุคสมัย ภายใต้บนแท่นบรรยายเขาเป็นทั้งครูและเพื่อน แม้แต่ต่อหน้าอารองผู้ทรงพลังของเธอ เขาก็ไม่กลัวอำนาจหรือการกดขี่ใดๆ !
ท้ายที่สุดแล้ว!
เขาก็เป็นแค่คนธรรมดา!
คนหนึ่งอยู่บนฟ้า อีกคนอยู่บนดิน ฐานะต่างกันมาก สองอย่างนี้มันจะมาบรรจบกันได้อย่างไร?
หญิงสาวนั้นดูเหงาๆ แล้วพูดประโยคนี้ว่า“ตราบใดที่สองใจยังรักกันชั่วนิรันดร์ ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันทุกเช้าค่ำ! ”
อ่านแล้วน้ำตาซึม น้ำตาไหลหนักยิ่งกว่าเดิม เธอเสียใจ เธอเสียใจที่เธอไม่บอกความรู้สึกในวันนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเขามาก แล้วทำไมเธอถึงพูดไม่ออกไป บางทีนี่อาจเป็นความรัก? รักที่ไม่สามารถรักได้คือรักที่น่าเห็นใจที่สุด
เธอเกลียดฐานะของเธอหลายครั้ง ทำไมเธอถึงต้องมีตำแหน่งและอำนาจ? ตั้งแต่เธอเดินออกจากภูเขาลึกมาที่เมืองที่คนพลุกพล่าน เธอรู้ดีว่าชีวิตที่คนอื่นอิจฉาคือสิ่งที่เธอต้องการจะหนีจากมันมาโดยตลอด!
คนก็เป็นแบบนี้แหละ อิจฉาชีวิตคนอื่นในเวลาเดียวกันก็ไม่รู้ว่าคนอื่นก็อิจฉาชีวิตเธอเหมือนกัน!
สิ่งนี้เรียกว่ามีบุญแต่กรรมบัง!
ตั้งแต่ถูกอารองพากลับมาที่สำนักฉิวหลง เธอก็สูญเสียอิสรภาพทั้งหมด ถึงไม่มีโซ่ล่ามมือเท้าเอาไว้ แต่จริงๆ แล้วเธอถูกกักบริเวณในบ้านโดยไม่มีอิสรภาพ ต้องอยู่ในห้องส่วนตัวตลอดทั้งวัน
หลายครั้งที่เธอคิดที่จะหนี แต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้งและในไม่ช้าก็ถูกจับกลับมา แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดจาหยาบคายกับเธอ ซึ่งเปลี่ยนเป็นการจำกัดบริเวณของเธอแทน
สาวงามผู้อยากหนีจากทุกสิ่งทุกอย่างตอนนี้คือซ่งหยิง!