จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 220 พูดให้ชัด
ติงเฟิงเฉิงนึกว่าเขาได้ยินผิดไป เลยไอออกมา
“นาย เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?”
เจียงชื่อดึงผ้าห่มลง “ฉันบอกว่า ให้นายพาคุณพ่อมาหาฉันด้วยตัวท่านเอง”
ติงเฟิงเฉิงนั้นโกรธเป็นอย่างมาก “เจียงชื่อ นายกล้ามากนะ!ยังจะให้ท่านปู่ติงมาหาด้วยตัวเองอีก?เหอะเหอะ ถือเป็นการให้หน้าแกงั้นเหรอ?วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ตายเลย!”
ขณะที่เขาคิดอยากจะกระโจนไป เจียงชื่อก็ได้หยิบกล่องแว่นขึ้นมา พร้อมกับโยนออกไป
กล่องแว่นกระแทกกับเข่าของติงเฟิงเฉิง ความเจ็บปวดทำให้เขาต้องคุกเข่าลงกับพื้น
เจียงชื่อพูดด้วยใบหน้าที่เขินอายว่า “โย้ ทำไมคุกเข่าลงแบบนั้นล่ะ?ฉันไม่ต้องการหรอกนะ”
“เจียงชื่อ ฉันคุกเข่าบ้านแกน่ะสิ!”
ติงเฟิงเฉิงยังคงสร้างปัญหา จนติงเมิ่งเหยนต้องลากเขาออกไป
ทั้งสองมาที่ห้องนั่งเล่น
“เมิ่งเหยน ปล่อย ฉันต้องคุยกับมันให้รู้เรื่อง!”
เมิ่งเหยนถอนหายใจ “พี่รอง ไม่มีทาง อารมณ์ของเจียงชื่อฉันรู้จักดี เรื่องที่เขาได้ตัดสินใจไปแล้วมันจะไม่มีวันเปลี่ยน ถ้าพี่ต้องการให้เจียงชื่อไปช่วยแข่งกับทีมรถฟาส ต้องการปกป้องแผ่นจารึกของตระกูลติง ก็พาท่านปู่ติงมาที่นี่ด้วยตัวเอง ไม่อย่างงั้น จะพูดอะไรอีกก็ไม่มีประโยชน์”
“นี่…”
ติงเฟิงเฉิงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าไม่ไปเชิญปู่มาล่ะก็ เขาก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน ถ้าไม่มีแผ่นจารึกของตระกูลติง เขาก็คงเป็นได้แค่คนบาปเท่านั้น!
แต่ถ้าไปเชิญมา แล้วจะพูดยังไงกันล่ะ?
“ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไร!”
“เจียงชื่อ ฉันล่ะเชื่อแกจริงๆ”
ติงเฟิงเฉิงเดินออกไปพร้อมกับความโกรธ มุ่งหน้าไปหาคุณพ่อ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ไปคุยกับคุณพ่อก่อนจะดีกว่า”
ที่นี่ ติงเมิ่งเหยนเดินไปพิงประตูห้องนอน
“เอาล่ะ เขาไปแล้ว จะลุกได้หรือยัง?”
เจียงชื่อกระโดดลงจากเตียงด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้า
ติงเมิ่งเหยนดุ “คราวนี้นายเล่นเกินไปหน่อยไหม?”
เจียงชื่อพูดเบาๆ “เกินไป?เหอะเหอะ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าตอนแรกปู่ของเธอดูถูกเธออย่างไรบ้าง?เธอลืมไปว่าแล้วเหรอว่าปู่เป็นหนี้ก้อนโตกับพ่อแต่ก็ยังทำตัวเมินเฉย?เขาทำสิ่งเลวร้ายกับครอบครัวเราขนาดนี้ ไม่ควรจะจ่ายหน่อยเหรอ?”
ติงเมิ่งเหยนถอนหายใจออกมา
ท้ายที่สุด ความเกลียดชังที่เธอมีต่อท่านปู่ติงนั้นไม่เคยจางหายไป
อย่าว่าแต่เธอเลย ติงฉี่ซานเองก็ยังวิจารณ์ท่านปู่ติงอยู่บ่อยๆ ครั้งที่แล้วที่ขอยืมเงินท่านปู่แล้วเขาไม่ให้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
ถ้าไม่ใช่ติงเมิ่งเหยนที่ดูแลโครงการสำคัญของบริษัทล่ะก็ ติงฉี่ซานก็คงอยากจะตัดสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกกันไปแล้ว
ขณะที่พูด ติงฉี่ซานก็เข้ามาพร้อมกับหัวเราะ
“พ่อ?”
ติงฉี่ซานปรบมือพร้อมกับพูดว่า “ที่พวกเธอพูดกันเมื่อกี้ ฉันได้ยินหมดแล้ว เจียงชื่อ ทำดีมาก!ท้ายที่สุด ท่านปู่ติงก็แก่มากแล้วและแยกไม่ออกหรอกระหว่างความจงรักภักดีและความชั่วร้าย ลูกเขยของฉันนี่เยี่ยมจริงๆ เขานั้นหมุนรอบถังแหวนโม่อยู่ได้ตลอด ลูกสาวฉันมีความสามารถมากขนาดนี้ แต่กลับจะไปมอบตระกูลให้แก่ไอ้สารเลวติงเฟิงเฉิงนั่น!”
“สำหรับคนโง่เขลาเช่นนี้ ต้องสอนบทเรียนให้แก่เขา ทำให้เขารู้ว่าลูกเขยและลูกสาวของฉันนี่แหละคืออนาคตของตระกูลติง!”
“ถังแหวนโม่ ติงเฟิงเฉิงก็แค่ขยะ”
เห็นได้ชัดว่าติงฉี่ซานนั้นยังคงโกรธกับอดีตที่ผ่านมา
ซูฉินถอนหายใจ “แต่ไม่จำเป็นต้องให้ท่านปู่ติงมาที่นี่ด้วยตัวเองใช่ไหม? เรื่องนี้มันจะยุ่งเหยิงไปหรือเปล่า”
ติงฉี่ซานจ้องไปที่เธอ “ใหญ่ที่ไหนกัน?เธอเป็นผู้หญิงจะไปรู้อะไร?ผู้ชายที่เป็นลูกผู้ชาย สิ่งที่ต้องการคือชอบก็รื่นรมย์ไม่ชอบก็เป็นศัตรูไป!ครั้งนี้ฉันจะยืนเคียงข้างนายลูกเขย ชื่อ นายไปทำซะ พ่อจะสนับสนุนเอง”
ติงฉี่ซานพูดมาขนาดนี้ ซูฉินเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร