จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 28 ถ้าพี่ไม่เอาก็ให้ฉันนะคะ
บทที่ 28 ถ้าพี่ไม่เอาก็ให้ฉันนะคะ
หัวล้านหลงไม่ตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง เขานิ่งงันไปสักพัก แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“เฮ้ย พวกแกได้ยินหรือเปล่าฮะ?”
“ไอ้โง่นี่มันคิดจะเก็บเงินเราว่ะ แถมยังหนึ่งวินาทีหนึ่งล้านซะด้วย”
“ไอ้หยา ข้าล่ะกลัวจริงๆ”
หัวล้านหลงใช้นิ้วจิ้มไปที่หัวของเจียงชื่อ “ไอ้หนุ่ม แกรู้หรือเปล่าว่าคำว่า ‘ตาย’ สะกดยังไงฮะ?”
เจียงชื่อยิ้มพร้อมกลับตอบว่า “เขียนไม่เป็นน่ะ ไม่สู้ นายสอนผมหน่อยเป็นไง?”
“งั้นข้าก็จะสอนเอง!”
หัวล้านหลงทำท่ายกมือขึ้นจะตบเจียงชื่อ แต่ก่อนที่เขาจะหวดมือลงมา เจียงชื่อก็คว้าปลายนิ้วของเขาเอาไว้
“เมื่อกี้ใช้ปลายนิ้วนี้จิ้มมาที่ผมใช่รึเปล่า?”
กึก
ปลายนิ้วถูกหักจนกลับด้าน
“อ้ากกก~~!!!” หัวล้านหลงร้องตะโกนลั่นเหมือนหมูถูกเฉือด เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
ป้าบ!
เจียงชื่อถีบเข้าที่ท้องของหัวโล้นหลง เขาถูกถีบจนไปกระแทกเข้ากับรถที่จอดอยู่ตรงหน้า
หัวล้านหลงล้มลงกับพื้นแล้วร้องอย่างโอดครวญ “ฆ่ามัน ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!”
ซูสวนตกตะลึง เจียงชื่อบ้าไปแล้วหรือไง? ถึงได้ไปลงมือกับหัวล้านหลงโดยตรงแบบนั้น เขาไม่รู้เหรอว่าหัวล้านหลงเก่งกาจขนาดไหน?
ตอนนี้ทำอีกฝ่ายโมโหแล้ว จะทำยังไงต่อล่ะ?
เจียงชื่อหันหน้ามาพูดกับในรถว่า “พกผ้าเช็ดหน้ามาหรือเปล่า?”
ซูสวนพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“เอาผ้าเช็ดหน้าปิดตาไว้ซะ แล้วนับไปสามสิบวินาที”
“จะทำอะไรน่ะ?”
“ทำตามก็พอแล้ว”
น้ำเสียงของเจียงชื่อเอาจริงแน่แล้ว ซูสวนเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วใช้มันปิดตา
เธอนับเลขเบาๆ ในใจ
นับไปทีละตัวจากหนึ่งถึงสามสิบ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงร้องโอดครวญและเสียงคนกระแทกกับรถจนเสียงดังโครมครามไม่หยุด
ซูสวนตกใจจนแทบแย่ เธอขดตัวกลม ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
“ยี่สิบแปด”
“ยี่สิบเก้า”
“สามสิบ”
ซูสวนถามพร้อมกับร้องไห้เล็กน้อย “ฉันถอดผ้าเช็ดหน้าออกได้แล้วใช่ไหม?”
“ได้แล้ว”
เสียงของเจียงชื่อที่อบอุ่นแต่หนักแน่นดังเข้ามาในหู ทำให้ซูสวนรู้สึกสบายใจมาก เธอถอดผ้าเช็ดหน้าออกและต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าชายหัวโล้นกลุ่มใหญ่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงไปนอนกองอยู่บนพื้น
ทุกคนน้ำลายฟูมปาก ร่างกายบิดจนตัวเป็นกลม ยังมีอีกหลายคนที่ถึงกับเป็นลมตายไปแล้ว
เวลาสั้นๆแค่สามสิบวินาที คนร้ายสิบกว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงก็ถูกล้มได้ทั้งหมด นี่เป็นพลังที่น่ากลัวระดับไหนกัน?
“พวกเขา…. ถูกนายเอาชนะได้หมดเลยเหรอ?”
เจียงชื่อหัวเราะ ไม่ได้ตอบออกไปตรงๆ แต่หันหลังกลับและเดินไปอยู่หน้าหัวล้านหลง
เขาย่อตัวลง
หัวล้านหลงถูกทำลายความกล้าลงนานแล้ว ตอนนี้เขาพูดไปร้องไห้ไปว่า “น้องชาย พี่ใหญ่ ท่านปู่ ขอร้องอย่าฆ่าผมเลยนะครับ ผมสำนึกผิดแล้ว ต่อไปผมไม่กล้าทำอีกแล้วครับ”
เจียงชื่อถามขึ้นว่า “อืม ถ้างั้นที่ติดผมไว้เก้าสิบสองล้านจะคืนเมื่อไหร่ดีล่ะครับ?”
หัวล้านหลงน้ำตาร่วง “ท่านปู่ครับ อย่าเล่นผมแบบนี้เลยนะครับ ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ”
“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นนายตั้งใจจะชดใช้ความผิดยังไงล่ะ?”
หัวล้านหลงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “เงินห้าแสนนั่นผมไม่เอาแล้วครับ ไม่เอาแม้แต่นิดเดียวเลย”
เขาฝืนทนความเจ็บปวดลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนเรียกให้พวกคนที่นอนกองอยู่บนพื้นลุกขึ้น “ลุกขึ้นยืนให้หมด อย่าขวางทางท่านปู่สิเว้ย!”
“หู่จื่อ เหล่าเปียว พวกแกย้ายรถออกไปซะ หลีกทางให้ท่านปู่! คนอื่นๆตั้งแถวเป็นสองแถวเพื่อน้อมส่งท่านปู่”
ทุกคนทยอยกันทำตามคำสั่ง
เจียงชื่อเดินกลับไปที่รถพร้อมรอยยิ้ม แล้วสตาร์ทรถ
ซูสวนมองดูฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึง จนถึงตอนนี้เธอยังไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมกิริยาของคนพวกนี้ถึงเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศาแบบนี้
เจียงชื่อยื่นมือไปที่เธอ “นอกจากหัวล้านหลงนั่น เธอยังเคยยืมเงินคนอื่นอีกไหม?”
“อืม เคยยืมอยู่น่ะ”
“เอาโทรศัพท์มา แล้วเอาคนที่เธอเคยยืมเงินทุกคนบอกพี่มาให้หมด”
“ค่ะ”
เจียงชื่อรับโทรศัพท์มา แล้วจดชื่อของคนพวกนั้นส่งให้มู่หยางอี ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้ซูสวน
“ตั้งแต่นี้ไป เธอไม่ติดหนี้ใครแล้วล่ะ”
“หา?” ซูสวนพูดอย่างตกตะลึง “เงินพวกนี้รวมกันต้องมีหลายแสนแน่ๆ นายคืนหมดเลยเหรอ?”
“อืม”
ซูสวนตะลึงถึงขีดสุด ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ทำให้เธอหวั่นไหวมากเกินไปแล้ว
เมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะดูถูกเจียงชื่อไป ใช้คำพูดที่เลวร้ายที่สุดโจมตีเขา แต่เขาไม่เพียงแค่ไม่โกรธ ยังช่วยตัวเธอเองชำระหนี้ทั้งหมดอีก
เป็นการใช้ความดีเอาชนะใจ
บุญคุณครั้งนี้ ซูสวนไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี
“ทำไมถึงดีกับฉันขนาดนี้?”
“เพราะเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเมิ่งเหยนยังไงล่ะ”
เจียงชื่อเตะคันเร่งและสตาร์ทรถเพื่อขับออกไป โดยมีพวกหัวล้านหลงและคนอื่นๆโค้งคำนับด้วยความเคารพจากด้านหลัง
“น้อมส่งท่านปู่~~!!!”
ซูสวนมองย้อนผ่านไปทางกระจกหลัง ก่อนจะหัวเราะอย่างชอบใจ
“คนกลุ่มนี้ปกติแล้วดุร้ายมากเลยนะ ชอบยังข่มเหงคนดีแต่กลัวคนชั่วน่ะ ไม่รู้ว่ามีนักเรียนกี่คนที่ถูกพวกเขาทรมานจนจะเป็นจะตาย ไม่นึกเลยว่าวันนี้กลับล้มด้วยน้ำมือของคุณ เอ๋ เจียงชื่อ ทำไมคุณถึงสู้เก่งขนาดนั้นล่ะ?”
“พี่เคยเป็นทหารอยู่สองสามปีน่ะ คนพวกนี้ไม่คณามือหรอก”
เจียงชื่อเลี้ยวโค้ง เขาเตือนเธอขึ้นว่า “แต่ว่าเรื่องของวันนี้เธอรู้พี่รู้ก็พอแล้ว ไม่ต้องบอกคนอื่นล่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ไม่ทำไมหรอก เธอคงไม่หวังว่าเรื่องที่เธอยืมเงินไปทั่ว แล้วเกิดเรื่องที่มีเกียรติอย่างถูก ‘ไล่ฆ่า’ นี่ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางหรอกนะ”
ซูสวนมองเขาแล้วแลบลิ้น “ฮึ ฉันรู้แล้วล่ะน่า!”
……..
กลับถึงบ้าน ติงเมิ่งเหยนนอนหลับไปหนึ่งตื่นแล้ว เมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องของฉันมาถึง ก็ขึ้นไปกอดเธออย่างดีใจ
ทั้งสองคนเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีมาก
พวกเธอกำลังคุยกันอยู่ จู่ๆซูสวนก็พูดจิกติงเมิ่งเหยนเบาๆ “พี่คะ พี่นี่โชคดีจริงๆเลยนะคะ ที่ได้แต่งกับคุณสามีที่ได้ดั่งใจแบบนี้”
ตอนที่พูดประโยคนี้ น้ำเสียงของเธอแฝงความอิจฉาเอาไว้เล็กน้อย
ติงเมิ่งเหยนอึ้งไป “เอ่อ เธอหมายถึงเจียงชื่อเหรอ?”
“ใช่สิคะ วันนี้เขาน่ะสุดยอดมากเลยนะ เขา….” เจียงชื่อจ้องมาที่ซูสวน ทำให้เธอรีบหุบปากลงทันที
ในตอนนั้นเอง ติงฉี่ซานกับซูฉินก็เดินเข้ามา
“อาเขย อาหญิง~~”
“เอ๋ เสี่ยวสวนมาแล้ว เร็วเข้าๆ วันนี้อาลงมือทำอาหารไว้เองเต็มโต๊ะเลยนะ เพื่อจะต้อนรับ ‘การมาของแขกพิเศษ’ อย่างหนูโดยเฉพาะเลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะอาหญิง”
ตอนที่พวกเขาทานอาหารกันอยู่ ติงฉี่ซานพูดกับเจียงชื่อว่า “อีกพักนายค่อยมากิน ไปกวาดพื้นในครัวก่อน”
“ครับ”
เจียงชื่อเองก็ไม่ได้ต่อต้าน และเดินตรงไปยังห้องครัว ฉากนี้ติงเมิ่งเหยนเห็นอยู่กับตา เจ็บอยู่กับใจ
ซูสวนสงสัยยิ่งกว่า เธอถามขึ้นว่า “อาเขย ทำไมไม่ให้พี่เขยกินด้วยกันล่ะคะ?”
ติงฉี่ซานหัวเราะอย่างเย็นชา “กินข้าวด้วยกันเหรอ? ได้ใจมันน่ะสิ! มันที่เอ้อระเหยลอยชายทั้งวัน ยากจนล้าหลังแบบนั้นน่ะ แค่ฉันเห็นหน้ามันฉันก็โมโหแล้ว ยังคิดจะมากินข้าวกับฉันเหรอ?”
“เอ้อระเหยลอยชาย? ยากจนล้าหลัง?”
ซูสวนคิดไม่ถึงเลยทีเดียวว่า พี่เขยที่สามารถล้มแก๊งหัวล้านหลงได้ภายในสามสิบวินาที แถมยังใช้หนี้ของเธอได้ด้วยข้อความไม่กี่ข้อความอย่างเขาจะยากจนและล้าหลัง?
ติงฉี่ซานพูดขึ้นว่า “ฉันน่ะยิ่งมองมันก็ยิ่งโกรธ จะช้าเร็วฉันก็ต้องให้เมิ่งเหยนหย่ากับมัน!”
จู่ๆ สีหน้าของติงเมิ่งเหยนก็เปลี่ยนไปดูจริงจัง
แต่ซูสวนกลับหัวเราะขึ้นมา เธอพูดเชิงล้อเล่นว่า “ดีสิ ดีสิ พี่ไม่อยากได้ล่ะก็ ทิ้งมาให้หนูก็ได้ หนูก็อยากได้มากอยู่นะคะ”
พรู้ด~~
เจียงชื่อที่กำลังดื่มน้ำอยู่ในครัวได้ยินคำพูดนั้น ก็ถึงกับพ่นน้ำออกมาทันที