จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 304 แหวนเพชรแท้ที่กลายเป็นแหวนเพชรเทียม
ตามคำเชิญของเจียงชื่อ หยางเย่หวาก็ได้เดินตามไปที่ที่นั่งวีไอพี ซึ่งมุมนี้เป็นมุมที่ดีที่สุดในการชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้
เฉิงดันถิงที่นั่งอยู่ข้างเจียงชื่อได้แต่ก้มหน้า
หลังจากผ่านไปสักพัก เธอพูดกับเจียงชื่อว่า “ประธานเจียง ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ควรสงสัยในตัวคุณเลย”
เจียงชื่อยักไหล่
“ไม่เป็นไรครับ อย่าไปสนใจเลย”
ยิ่งเป็นแบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม เธอยอมถูกเจียงชื่อต่อว่า เพราะตอนนี้เธอรู้สึกผิดมาก
ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่า เจียงชื่อแตกต่างจากผู้ชายทั่วไปจริงๆ
เธอสามารถฝากความหวังไว้กับชายคนนี้ได้
เพียงแต่เธอไม่คาดคิดว่าเจียงชื่อจะทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไร
จากนั้น เฉิงดันถิงถามด้วยความสงสัยว่า “ประธานเจียง คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่าคุณทำมันอย่างไร?”
เจียงชื่ออธิบายว่า “ง่ายๆ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของเครื่องประดับดาวฤกษ์”
“หือ?”
“จุๆ อย่าไปบอกใครนะ”
เฉิงดันถิงทำตัวไม่ถูก ถ้ารู้แต่แรกเธอคงไม่ต้องมานั่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
เพราะเหตุนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เจียงชื่อไม่ได้รู้สึกกังวลเลยแม้แต่นิด เพราะทุกอย่างอยู่ในการวางแผนของเขา แล้วเขาจะต้องกลัวอะไรอีก?
ในขณะที่เฉิงดันถิงทำตัวไม่ถูกนั้น คอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่าของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ ก็ได้เริ่มขึ้น
เริ่มแรกด้วยเพลงสดจากจางสีโหย่ว ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดตัวที่ดี
หลังจากนั้น พิธีกรก็ขึ้นไปบนเวที!
แต่มันกลับเหนือความคาดหมายของทุกคน เพราะพิธีกรของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ในครั้งนี้ไม่ใช่ฟางซินหมิงผู้มากด้วยประสบการณ์ แต่เป็นฉู่เล่อถง เด็กหนุ่มที่สะดุดตาของทุกคน
ในตอนแรกเริ่ม ผู้คนส่วนใหญ่รับไม่ได้เลย
เพราะมันเหมือนถูกเปลี่ยนจากเกรดพรีเมี่ยมไปเกรดสแตนดาร์ท หรือเปลี่ยนจากแหวนเพชรของแท้กลายเป็นของเทียม ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ทำให้ผู้คนยากที่จะรับได้จริงๆ
และผู้ชมมากมายที่เห็นเช่นนี้ก็ทำการเปลี่ยนช่องทันที
ส่วนผู้ชมในงานต่างก็แสดงความไม่พอใจออกมา
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
เจียงชื่อนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างเงียบๆ และตั้งใจเฝ้าดูวิธีการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์คับขันของฉู่เล่อถง
แต่แล้ว……
ดูเหมือนว่าฉู่เล่อถงจะเกรงกลัวและยืนอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
เขาได้แต่ยืนมองผู้ชมที่กำลังระบายอารมณ์กับเขา
เป็นเวลา 3 นาทีเต็มๆ
ซึ่งสามนาทีที่ถูกปล่อยให้ว่างเปล่าในการแสดงนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก ทุกคนต่างคิดว่าฉู่เล่อถงจนปัญญาและจะทำให้การแสดงติดขัดอย่างแน่นอน
เฉิงดันถิงที่เห็นภาพนี้ถึงกับเหงื่อแตก
เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการยังไม่ถึงปีนี้เชื่อถือไม่ได้เลยจริงๆ
3 นาทีผ่านไป ผู้ชมที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมก็เริ่มระบายอารมณ์กันหมดแล้ว
จากนั้นฉู่เล่อถงถึงจะหยิบไมโครโฟนขึ้นมาและหัวเราะอย่างขำขัน แล้วพูดเบาๆ ว่า “ทุกท่านเหนื่อยกันหรือยังครับ? ตอนนี้ถึงคิวผมพูดบ้างแล้วนะครับ?”
หือ~~
ผู้ชมต่างก็หัวเราะขบขันกับประโยคนี้ ทุกคนเคยเจอคนตลก แต่ไม่เคยเจอคนที่ตลกเท่านี้มาก่อนจริงๆ
ตอนแรกที่ฉู่เล่อถงไม่พูด ก็เพราะว่าผู้ชมต่างก็อารมณ์ร้อนกัน เขาไม่สามารถพูดแข่งกับผู้ชมได้ ดังนั้นจึงรอให้ผู้ชมพูดจนเหนื่อยก่อนแล้วเขาค่อยพูด
และทันทีที่เขาพูดขึ้น ผู้ชมก็หัวเราะออกมา ซึ่งอาจพูดได้ว่านี่เป็นทักษะอย่างหนึ่งของเขา
เป็นปกติของมนุษย์อยู่แล้ว เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ได้ระบายความออกมาจนหมด จากนั้นยิ้มให้กับมัน ทุกอย่างมันก็จะผ่านไปด้วยดี
ฉู่เล่อถงพยายามที่จะดึงอารมณ์ของผู้ชมไว้
ต่อมา ด้วยคำที่พูดของฉู่เล่อถงทำให้ผู้ชมต่างก็หัวเราะอย่างมีความสุข และดูเหมือนว่าคอนเสิร์ตจะกลายเป็นการโชว์ตลกไปแล้ว เขาปล่อยมุขออกมาทีละมุขจนผู้ชมทั้งหมดเริ่มชอบในตัวเขา