จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 307 คุณทำไมยังโง่ขนาดนี้
จากนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นบนโต๊ะอาหาร
หวางจื้อหรงฟังอย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็เลือกเพลง ‘หิมะรอบสุดท้ายในปี 2002’ ‘หนูรักข้าวสาร’ และเพลง ‘ขอพรกับพระพุทธเจ้า’ เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาที่ดีในสมัยหนุ่มของเขา
ส่วนครอบครัวตระกูลติงได้แต่นั่งดูตระกูลหวางเสแสร้งอย่างทำตัวไม่ถูก
จากนั้นสวีชงจงใจพูดกับติงเมิ่งเหยนว่า “จริงด้วยสิเมิ่งเหยน ถึงแม้เจียงชื่อทำโอทีอยู่ แต่เนื่องในวันสำคัญแบบนี้ เขาควรให้ของขวัญกับคุณหรือคุณลุงเพื่อแสดงความรักบ้างนะ? เงียบหายไปแบบนี้มันใช่เหรอ?”
เอิ่ม……
จากนั้นติงเมิ่งเหยนเริ่มเงียบอีกครั้ง
เจียงชื่อ ไม่เคยเตรียมอะไรให้เธอจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงของขวัญพิเศษหรอก แม้แต่ช่อดอกไม้สักช่อยังไม่เคยมีเลย
ติงฉี่ซานจ้องเขม็ง จากนั้นหยิบรีโหมดขึ้นมาเปิดทีวีแล้วเปิดเสียงให้ดังที่สุด
“พอแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องฟังวิทยุแล้ว”
“มาดูทีวีกันดีกว่า”
“คืนนี้มีคอนเสิร์ตวันส่งท้ายปีเก่านะ มาฟังนักร้องชื่อดังร้องเพลงกันไม่ดีกว่าเหรอ?”
ระหว่างอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์กับบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้อง พวกเขาเลือกที่จะดูช่องของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาชอบอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ แต่พวกเขารู้จักนักร้องทุกคนของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์มากกว่า
เด็กใหม่ของบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องมีแค่ไม่กี่เท่านั้นที่รู้จักพวกเขา
ในขณะที่ดูรายการอยู่ เสียงโทรศัพท์ของติงเมิ่งเหยนก็ดังขึ้น
กริ๊งงงง……
กริ๊งงงง……
ติงเมิ่งเหยนเหลือบมองไปที่โทรศัพท์และเห็นเป็นสายโทรจากเจียงชื่อ
โทรมาทำไมในเวลานี้?
ติงเมิ่งเหยนรู้สึกดีใจและรู้สึกเศร้าใจในขณะเดียวกัน สิ่งที่เธอดีใจก็คือเจียงชื่อยังคิดถึงเธออยู่ แต่สิ่งที่เธอเศร้าใจนั้นก็คือเจียงชื่อไม่ได้มาหาเธอเลย
สวีชงก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากเจียงชื่อ เขาจึงหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดว่า “ไอ้หมอนี่ยังมีหน้าโทรมาอีกเหรอ เมิ่งเหยน คุณถามเขาสิว่าคืนนี้ไปหลอกใครที่ไหนอีก?”
ติงเมิ่งเหยนถอนหายใจแล้วเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล เมิ่งเหยน ฟังอยู่ไหม?”
“อยู่”
ติงเมิ่งเหยนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวกับว่าเพิ่งหลุดออกมาจากขั้วโลกเหนืออย่างไรอย่างนั้น
ต่อให้เป็นคนโง่ก็ต้องฟังออกว่าติงเมิ่งเหยนกำลังรู้สึกแย่อยู่
เธอต้องถูกคนอื่นเยาะเย้ยในบ้านของตัวเอง แถมยังเป็นค่ำคืนแห่งวันส่งท้ายปีกว่าด้วย เป็นใครจะรู้สึกดีได้ล่ะ?
“เมิ่งเหยน ผมขอโทษนะที่คืนนี้ไม่สามารถกลับบ้านไปหาคุณได้” เจียงชื่อกล่าวขอโทษอย่างสุดซึ้ง
“ไม่เป็นไร งานของคุณสำคัญกว่า”
ทุกคนก็ฟังออกว่า ติงเมิ่งเหยนปากไม่ตรงกับใจ
ผู้หญิงทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละ ยิ่งพูดว่าไม่เป็นไรก็ยิ่งแปลว่าต้องมีอะไรแน่ หวังว่าผู้ชายจะไม่เข้าใจผู้หญิงผิดอีกนะ
เมื่อไหร่ที่พวกเธอบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าคุณเชื่อว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ คุณรอผลที่จะตามมาได้เลย!
ยังดีที่เจียงชื่อไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้น เขาฟังออกว่าติงเมิ่งเหยนกำลังรู้สึกไม่พอใจอยู่
“เมิ่งเหยน คุณกำลังดูทีวีอยู่ใช่ไหม?”
“ใช่”
“คอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่าของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ใช่ไหม”
“ใช่”
เมิ่งเหยนถามคำตอบคำ น้ำเสียงของเธอไม่เพียงแต่เย็นชา แต่ยังฟังดูเก็บกดและพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่ออีกด้วย
แต่ในขณะนี้ เจียงชื่อก็พูดให้เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เมิ่งเหยน คุณอย่าเปลี่ยนช่องนะ ตั้งใจฟังเพลงที่กำลังออกอากาศให้จบก่อน หลังจากเพลงนี้จบ ผมมีของขวัญชิ้นหนึ่งจะให้คุณ หวังว่าคุณจะชอบมันนะ”
เมื่อพูดจบเขาก็กดวางสายไป
ส่วนติงเมิ่งเหยนก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามในหัวของเธอ
ของขวัญ?
ฟังเพลงนี้ให้จบนะ?
เจียงชื่อคิดจะทำอะไรกันแน่?
สวีชงหัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ไอ้หมอนี่มันลักไก่เก่งจริงๆ เพลงต่อไปคงต้องเป็นเพลงบอกรักสินะ ยืมดอกไม้มาถวายพระชัดๆ สงสัยจะเอาเพลงต่อไปให้คุณเป็นของขวัญแน่เลย!”
“ก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องเสียงเงินสักบาทแถมยังได้ผลลัพธ์ที่ดีด้วย”
“เหอะๆ ในด้านเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีใครเก่งเท่าบ้านคุณแล้วล่ะ!”