จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 310 กราบไหว้ดั่งบรรพบุรุษ
ในอีกฟากหนึ่งของเมื่อง ในเขตที่นั่งวีไอพีในคอนเสิร์ตของอี้โม่
เฉิงดันถิงดูเซ่ทิงเฟิงที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
เธอไม่รู้ว่าผู้ชายอย่างเจียงชื่อคนนี้เข้าไปครอบครองพื้นที่ในหัวใจของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งสิ่งนี้เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
ตั้งแต่เล็กจนโต เฉิงดันถิงเป็นคนที่ฉลาดและหัวไวคนหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่เธอทำเองไม่ได้
ดังนั้นผู้ชายจึงเป็นกลุ่มคนที่ไร้ประโยชน์สำหรับเธอ
และเธอไม่เคยคิดเลยว่าสักวันจะมีผู้ชายที่ทำให้เธอหวั่นไหวได้ จนกระทั่งเธอได้พบกับเจียงชื่อ
เฉิงดันถิงก็ไม่รู้ว่าเธอควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
เพราะรักครั้งแรกของเธอนั้น ดันมาเป็นผู้ชายที่แต่งงานและมีครอบครัวไปแล้ว
เธอได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจพูดว่า ” “ประธานเจียง งานของที่นี่เดี๋ยวฉันจัดการต่อเองค่ะ คุณกลับบ้านก่อนเถอะ ที่บ้านต้องมีคนรอคุณอยู่แล้ว”
เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริงหรือเปล่า?
แน่นอนว่าไม่
ซึ่งแน่นอนว่าเฉิงดันถิงต้องหวังให้ผู้ชายที่เธอชอบอยู่กับเธอไปนานๆ แต่ลึกๆ ในใจเธอก็รู้ว่าหัวใจของผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว จะห้ามเขาก็เปล่าประโยชน์
ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ก็อย่าไปเพ้อฝันเลยจะดีกว่า
เธอเป็นคนเด็ดขาดตลอดมา
เจียงชื่อยืนขึ้นและลากับทุกคนในที่นั่งวีไอพีแล้วเดินออกจากห้องไป
และ 40 นาทีต่อมา เขาก็ได้กลับถึงบ้าน
ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน เขาก็เห็นตระกูลติงกับตระกูลหวางที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ร่วมกัน
แต่ดูแล้วสีหน้าของตระกูลหวางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ สงสัยต้องมีเรื่องกันแน่ๆ
แม้ว่าสาเหตุทั้งหมดนั้นเกิดจากตัวของเจียงชื่อ แต่เจียงชื่อกลับไม่รู้เองว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
เมื่อเห็นลูกเขยสุดที่รักกลับมา ติงฉี่ซานก็รีบยืนขึ้นและพูดอย่างร่าเริงว่า “ลูกเขยสุดที่รัก พ่อคิดถึงลูกจริงๆ เลยรู้ไหม! มาๆๆ รีบเข้ามานั่งกับพ่อเร็วเข้า”
เจียงชื่อพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งระหว่างกลางของติงฉี่ซานกับติงเมิ่งเหยน
ติงฉี่ซานรักลูกเขยคนนี้มาก มากจนแทบจะกราบไหว้เขาเป็นบรรพบุรุษเลย
แต่ซูฉินดึงแขนเสื้อของติงฉี่ซาน
“พอแล้ว พอแล้ว จะไม่ให้เมิ่งเหยนคุยกับชื่อเอ๋อบ้างเลยเหรอ”
“ตาแก่อย่างคุณจะพูดอะไรมากมาย!”
ติงฉี่ซานหัวเราะและในที่สุดก็ปล่อยให้เจียงชื่อ ได้พูดคุยกับเมิ่งเหยน
แต่ที่น่าเสียดายก็คือเจียงชื่อกับเมิ่งเหยนเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก ทั้งๆ ที่ชอบกันและกัน ทั้งๆ ที่มีเรื่องราวมากมายที่จะพูดคุยกัน
แต่ทั้งสองแค่สบตากันเท่านั้นก็ทำให้ทั้งสองหน้าแดงจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีก
พวกเขาต่างก็เขินอายในการสารภาพกัน
โดยเฉพาะพลุไฟแห่งความรักในก่อนหน้านี้ รวมไปถึงบทเพลงไพเราะจากเซ่ทิงเฟิง แม้จะทำให้ติงเมิ่งเหยนรู้สึกประทับใจมาก แต่เธอก็เขินอายที่จะพูดถึงมันอีกครั้ง
และสิ่งนี้ทำให้ติงฉี่ซานรู้สึกร้อนรนมาก
“อะไรกันเนี่ย ลูกสองคนเป็นสามีภรรยากันมาตั้งห้าปีแล้วนะ ยังจะอายอะไรกันอีก”
“น่าอึดอัดจริงๆ”
ซูฉินกลอกตาแล้วพูดกับเขาอีกครั้ง “คุณคิดว่าทุกคนจะหน้าด้านเหมือนคุณเหรอ?”
คนในตระกูลติงพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุข
ยิ่งพวกเขามีความสุขมากเท่าไหร่ ครอบตระกูลหวางก็ยิ่งไม่มีความสุขมากเท่านั้น
การที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อจะพรากความสุขของตระกูลติงไป แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำไม่สำเร็จ แถมอีกฝั่งยังมีความสุขมาก แล้วพวกเขาจะทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร?
ทันใดนั้น ก็มีแขกรับเชิญที่แสนจะพิเศษปรากฏตัวในหน้าจอทีวี นั่นก็คือ หลิงเหยา!!!
แต่ในขณะเดียวกัน ทางรายการของบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องก็ให้ฮัวเสี่ยงหรงขึ้นไปบนเวทีด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ทำให้เกิดการ PK ระหว่างสองคู่แข่งนี้ขึ้นมาจนได้
สำหรับสวีชงแล้ว เขาเกลียดอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์กับหลิงเหยาเข้าไส้ เพราะพวกเขาเคยเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ให้กับเจียงชื่อมานัดต่อนัด
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นเปิดไปที่โปรแกรมเวยป๋อแล้วคลิกไปที่กิจกรรม PK ที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างหลิงเหยากับฮัวเสี่ยงหรง