จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 38 รับปาก
บทที่ 38 รับปาก
เจียงชื่อผลักประตูเปิดเดินออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเอ่ยกับพนักงานเบาๆ ว่า “ด้านในมีคนหลายคนดื่มจนอาเจียน ช่วยส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลด้วย”
“ได้ค่ะ”
พนักงานเดินเข้าไปในห้องวีไอพีจึงพบว่า นี่มันดื่มจนอาเจียนที่ไหน? เลือดสาดทั่วพื้น ยังมีเปลวไฟกำลังลุกโชนนั้น หากช้าเพียงนิดเดียวคนเหล่านี้ต้องตายทั้งหมดแน่!
พนักงานตกใจจนรีบร้อนกด 120 เพื่อนำคนทั้งหมดส่งโรงพยาบาล
เจียงชื่อเดินเล่นอยู่นอกโรงแรม กดโทรศัพท์ต่อสายถึงมู่หยางอี
“ลูกพี่?”
“ช่วยผมจัดการเรื่องหลังจากนี้ด้วย”
“ไม่มีปัญหา”
หลังวางสาย เจียงชื่อก้มหน้าเดินไปยังถนนใหญ่ ราวกับไม่ได้มีเรื่องใดเกิดขึ้นอย่างไงอย่างงั้น
ไม่นาน รถคาดิลแลคคันหนึ่งเข้ามาจอดอยู่ด้านหน้าเจียงชื่อ
กระจกรถเปิดออก ก่อนติงเมิ่งเหยนเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เจียงชื่อ คุณปลอดภัยใช่ไหม?”
“คุณเห็นผมคล้ายบาดเจ็บหรือ?”
“งั้นพวกฉางจ้ายชูนละ?”
“พวกเขา…”
เจียงชื่อไม่ทันเอ่ยปาก รถพยาบาลวิ่งมาถึง คนกลุ่มหนึ่งยุ่งวุ่นวายในการหามฉางจ้ายชูน ไอ้แว่นพร้อมคนอื่นออกมา ส่งขึ้นรถพยาบาล ก่อนรีบขับตรงไปที่โรงพยาบาล
“พวกเขา…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ติงเมิ่งเหยนเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร แค่ดื่มหนักไปเท่านั้น”
ติงเมิ่งเหยนไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลประเภทนี้ คนพวกนั้นใกล้จะตายแล้วแท้ๆ จะแค่ดื่มหนักไปง่ายดายเช่นนี้อย่างไร
“ขึ้นรถก่อนเถอะ”
หลังเปิดประตูรถ เจียงชื่อนั่งลงเบาะด้านข้างคนขับ มองออกไปนอกกระจกเงียบๆ
ติงเมิ่งเหยนเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณคนเดียวกำราบพวกเขาทุกคนเลยเหรอ?”
เจียงชื่อไม่ตอบ แต่ดูจากสภาพน่าจะคือความจริง
ติงเมิ่งเหยนถอนหายใจ “กำราบพวกเขาถือว่าควรทำ แต่คล้ายคุณจะลงมือรุนแรงเกินไป”
เจียงชื่อเอ่ยเบาๆ “จัดการคนแต่ละคน ต้องใช้วิธีการที่แตกต่างกัน คนเช่าฉางจ้ายชูน ไม่จำเป็นต้องใจอ่อนกับเขา”
เพียงวางแผนคิดร้ายต่อติงเมิ่งเหยน เจียงชื่อล้วนไม่ใจอ่อน
หากเป็นที่เวสเตอร์แลนด์ เกรงว่าจุดจบของพวกฉางจ้ายชูนจะน่าสังเวชยิ่งกว่านี้ ตอนนี้ยังมีชีวิตถือว่าไม่เลวแล้ว
ขณะกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์ของติงเมิ่งเหยนดังขึ้น เป็นติงจ้งโทรเข้ามา
“ฮัลโหลค่ะ คุณปู่”
“แกยังมีหน้ามาเรียกฉันว่าปู่อีกเหรอ ฉันให้แกไปเจรจาพูดคุย สุดท้ายแกทำอะไรลงไป แกทำให้พวกประธานฉางทั้งหมดดื่มหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้อยู่ในภาวะวิกฤต พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ!”
ติงเมิ่งเหยนหน้าเปลี่ยนสี และรับรู้ถึงความรุนแรงของปัญหา “คุณปู่ ความจริงหนูไม่อยากทำ”
“เมิ่งเหยน ครั้งนี้แกทำให้ฉันผิดหวังมากนัก ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รีบกลับมาเดี๋ยวนี้”
“รู้แล้วค่ะ”
หลังวางสาย ติงเมิ่งเหยนกังวลในใจ “เจียงชื่อ คุณทำให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไปแล้ว หากฉางจ้ายชูนตายไป คุณก็ต้องติดคุก แม้จะไม่ตาย ฉางจ้ายชูนก็แจ้งความคุณ ส่งตัวคุณเข้าคุกแน่”
เจียงชื่อกลับราวไม่ได้ยิน เพราะความจริงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
มีมู่หยางอีช่วยจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขา เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ต้องกังวล หากพวกฉางจ้ายชูนกล้าก่อเรื่องขึ้นอีก มู่หยางอีสามารถกำจัดตระกูลฉางให้สิ้นซากได้ทันที
ตระกูลฉางต่อหน้าเจียงชื่อ คือความแตกต่างระหว่างมดและช้าง
ติงเมิ่งเหยนส่ายหน้า รีบขับรถกลับไปยังบริษัทติงหรง และพาเจียงชื่อมาที่ห้องประชุมของบริษัท
เพียงเข้ามาในห้องประชุม เห็นกลุ่มคนนั่งล้อมกันอยู่บนโต๊ะประชุมสองฝั่ง มองติงเมิ่งเหยนด้วยสายตาถากถาง ทุกคนต่างมีท่าทางยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
ติงจ้งนั่งอยู่บนหัวโต๊ะ ถอนหายใจยาวๆ ออกมา ก่อนเอ่ยขึ้น “ติงเมิ่งเหยน แกรู้ว่าตนเองทำผิดพลาดไปมากเพียงใดหรือเปล่า?!”
ติงเมิ่งเหยนก้มหน้าลง ไม่กล้าเอ่ยปาก
ติงจ้งจึงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แกทำให้พวกฉางจ้ายชูนบาดเจ็บเจียนตาย ตอนนี้ยิ่งบาดหมางกับตระกูลฉางหนักเข้าไปอีก พวกเขาไม่เพียงจะไม่ลงทุนในบริษัทของพวกเรา ยังจะใช้อำนาจที่มีทุกอย่างตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเรา ติงเมิ่งเหยน นี่คือเรื่องงามหน้าที่แกทำลงไปทั้งนั้น!”
เขาโมโหจนเขวี้ยงแก้วลงบนพื้นอย่างแรง ก่อนตวาดขึ้น “ยังไม่คุกเข่าสำนึกผิดอีก!”
ทุกคนมองดูอย่างสงบ อยากเห็นติงเมิ่งเหยนพ่ายแพ้ อับอายใจจะขาด
ติงเมิ่งเหยนกัดริมฝีปากเบาๆ รู้สึกน้อยใจอย่างมาก และดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“คุกเข่าลง!”
ติงเมิ่งเหยนถูกทำให้ตกใจจนตัวสั่น สองขาย่อลงเตรียมคุกเข่า
แต่ทันใดนั้น…
เจียงชื่อคล้ายเคลื่อนเก้าอี้ตัวหนึ่งมาที่ด้านหลังของติงเมิ่งเหยนอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นยื่นมือดึงไหล่เธอไว้ ติงเมิ่งเหยนหลังย่อขาลงจึงไม่สามารถคุกเข่าได้ จึงนั่งลงตามสถานการณ์ นี่จึงทำให้ติงจ้งโมโหหนักขึ้น
“ยัยบ้า ให้ตายสิ ติงเมิ่งเหยน แกคิดต่อต้านหรือ?”
เจียงชื่อเดินเข้ามาด้านหน้าบังตัวติงเมิ่งเหยน ก่อนเอ่ยเบาๆ “คุณปู่ติง ผมมีเรื่องหนึ่งอยากถามคุณ”
“หืม? ว่ามา”
“ก่อนหน้านี้คุณทำธุรกิจกับตระกูลฉางมาหลายครั้ง ต้องรู้จักฉางจ้ายชูนคนนี้เป็นอย่างดีแน่ ทำไมเขาถึงนัดเมิ่งเหยนร่วมทานอาหารค่ำ คุณควรรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ใช่พูดคุยเรื่องธุรกิจอย่างเดียวแน่นอน”
ติงจ้งสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
เขาย่อมรู้ว่าฉางจ้ายชูนผู้นี้เจ้าชู้เป็นที่สุด การนัดทานอาหารค่ำนั่นต้องเพราะชื่นชอบในความสวยงามของติงเมิ่งเหยน และมีแผนการร้าย
เขาคิด ให้ติงเมิ่งเหยนแสร้งเอาอกเอาใจ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และได้เงินลงทุน
เจียงชื่อเอ่ยต่อไปว่า “ติงจ้งที่เป็นผู้นำตระกูล รู้ชัดว่าอีกฝ่ายมีนิสัยเลวทราม ยังให้หลานสาวไปเสี่ยงอันตรายเพียงลำพัง ไม่สนใจความปลอดภัยของเธอ คิดเพียงเรื่องธุรกิจตระกูลติงของพวกคุณพวกนั้น ผมขอถาม คนประเภทคุณมีคุณสมบัติอะไรในการเป็นผู้นำตระกูล คนเช่นคุณ ยังมีหน้ามาเป็นปู่ของคุณอีกหรือ คุณ เป็นตาแก่หัวโบราณที่จิตใจถูกครอบงำด้วยลาภยศ!”
“บังอาจ!”
ติงจ้งตบโต๊ะพลางลุกยืนขึ้นมา “เจียงชื่อ แกมันแมงดาที่เกาะผู้หญิงกินตัวหนึ่ง กล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ?”
เจียงชื่อหัวเราะเฮอะๆ “ผมเพียงพูดไปตามความจริง”
เพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขาจึงเอ่ยต่อว่า “เรื่องบุญคุณความแค้นพวกนี้ความวางลงก่อน คุณปู่ติง คุณตอนนี้มีสองเรื่องที่หวาดกลัวที่สุดไม่ใช่หรือไง เรื่องแรก เรื่องเงินลงทุนที่ขาดแคลน เรื่องที่สอง ตระกูลติงจะถูกปองร้ายแก้แค้น”
ติงจ้งส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาออกมาคำหนึ่ง “ไม่ผิด”
เจียงชื่อเอ่ยเบาๆ ว่า “งั้นถ้าผมจัดการสองเรื่องนี้เรียบร้อย คุณจะทำเช่นไร?”
ทุกคนต่างตกตะลึง รวมทั้งติงเมิ่งเหยน เจียงชื่อมีความสามารถอะไรถึงเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา สองเรื่องนี้ต่างไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าเรื่องใดคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้แน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจัดการทั้งสองเรื่องพร้อมกัน
ติงจ้งเอ่ยว่า “แกช่วยโอ้อวดให้น้อยๆ หน่อย ฉันไม่ได้ว่างรับฟังแก”
เจียงชื่อซักถามต่อ “ผมเพียงถามคุณ ถ้าผมหาผู้ลงทุนมาได้ และยังให้ตระกูลฉางมาขอโทษถึงที่บ้าน คุณจะทำยังไง?”
ติงจ้งมองเจียงชื่อคล้ายมองคนโง่
หาเงินลงทุนเรื่องนี้ยุ่งยากอย่างมาก ส่วนเรื่องให้ตระกูลฉางเข้ามาขอโทษถึงบ้าน เป็นเรื่องเพ้อฝันชัดๆ
พวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกตนไม่ขอโทษ ยังจะให้พวกเขาขอโทษอีก?
คนตระกูลฉางต้องบ้าไปแล้วถึงทำเรื่องเช่นนี้
ติงจ้งเอ่ยอย่างดูถูกว่า “หากแกจัดการสองเรื่องนี้ได้ ฉันจะยกน้ำชาให้แก่กับติงเมิ่งเหยน เพื่อเป็นการขอโทษ!”
เจียงชื่อจึงพยักหน้า “ตกลง คำไหนคำนั้น”