จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 51 สิ่งหนึ่งที่ถูกทำลายโดยอีกสิ่ง
บทที่ 51 สิ่งหนึ่งที่ถูกอีกสิ่งทำลายโดยอีกสิ่ง
ใช้เวลาหนึ่งพันวันเลี้ยงดูทหารเพื่อนำไปใช้งานในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาที่ใช้งานหัวล้านหลงมาถึงแล้ว
เจียงชื่อโทรศัพท์ต่อหน้าเสือหมอบ สั่งให้หัวล้านหลงนำคนมาช่วยจัดการปัญหาเล็กน้อยนี้
เสือหมอบหัวเราะเยาะ “ยังจะพาคนมาอีกเรอะ หึหึ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ทุกอย่างอยู่ในกำมือของฉัน ต่อให้นายเรียกใครมามันก็ไม่ได้ผลทั้งนั้นแหละ เมืองเจียงหนานทั้งหมดนี้ ใครมันจะกล้าหักหน้าเสือหมอบกันล่ะ”
เจียงชื่อวางสายโทรศัพท์และยืนรออยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
ติงเมิ่งเหยนพึมพำกับตัวเองอย่างกังวลใจว่า “ ไม่รู้ว่าเจียงชื่อจะเรียกใครมา?”
ติงฉี่ซานหัวเราะเบาๆ “เขาเป็นคนไม่มีอะไรซักอย่าง เรียกคนมาได้ก็บ้าแล้ว มีแต่การเสแสร้งทำท่าทางนี่แหละที่ดูจะเหมือนสุดละ”
ต่อมา ไม่ถึงสิบนาทีก็มีรถตู้สีขาวสามคันขับเข้ามา
ประตูรถถูกเปิดออก กลุ่มชายหัวล้านค่อยๆทยอยลงมาจากรถ ทุกคนมีอาวุธครบมือ
เสือหมอบมองแล้ว ทีแรกก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเห็นคนที่มานั้นคือหัวล้านหลง เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาทักทายด้วยรอยยิ้ม
“พี่หลง พี่มาได้ยังไง?ได้ยินมาว่าระยะนี้ล้างมือเลิกทำธุรกิจไปแล้ว ทำไมถึงถ่อมานี่เพื่อแย่งธุรกิจจากฉันล่ะ?”
“ฉันบอกกับพี่เลยนะ ผู้จัดการทั่วไปซีเหมินเขาให้งานนี้กับผมก่อน ตามกฎแล้ว ใครมาก่อนได้ก่อน พี่หลงมาแย่งผมแบบนี้ไม่ได้นะ”
เขามองหัวล้านหลงเป็นคนที่จะมาเพื่อแย่งธุรกิจไป
หัวล้านหลงมองไปที่เสือหมอบ มองเจียงชื่อตามด้วยคนอื่นๆ จากนั้นยิ้มขึ้นมา
“เสือหมอบ นายกำลังเก็บเงินอยู่งั้นเหรอ”
“ใช่”
“ อืม แล้วนายเก็บเงินยังไงล่ะ”
เสือหมอบตกตะลึง“พี่หลง ความจริงเป็นอย่างไรในี้้ผมรู้ดีกว่าพี่นะ ผมก็เพียงแต่ไม่ให้พวกมันออกไปข้างนอก อดอาหารสักสองสามวัน รอพวกมันทนไม่ไหว เดี๋ยวก็หาวิธีเอาเงินมาคืนได้เองล่ะ อีกอย่างผมว่าผู้หญิงคนนั้นก็ดูดีเลยทีเดียว ไม่แน่สองสามวันนี้พี่น้องเราอาจจะได้ถึงอกถึงใจกันฟรีๆแน่ พี่หลง หรือถ้าตอนนั้นมาถึงให้ผมเรียกพี่มาด้วยดีไหม”
หัวล้านหลงโมโหอย่างมาก “พ่อไม่อยู่ พูดจาหมาไม่รับประทานแบบนี้เหรอ!”
“เห้ย พี่หลง ทำไมมาว่ากันแบบนี้ล่ะ”
“ว่างั้นเหรอ จะตีแกให้น่ะสิ!”
หัวล้านหลงยกมือขึ้นตบไปหนึ่งที ลมพัดตีไปที่หน้าด้านซ้ายของเสือหมอบ เพียงชั่วครู่หน้าของเขาก็บวมฉึ่ง เลือดกำเดาก็ไหลออกมา
เขายกมือขึ้น“ตีมัน”
กลุ่มคนหัวล้านเดินหยิบอาวุธและไปที่ด้านหน้า เสือหมอบและคนของเขาต่างถูกรุมตี
ทางเสือหมอบมีคนรวมกันแค่เจ็ดแปดคน แต่ฝั่งของหัวล้านหลงนำมายี่สิบคน อีกทั้งแต่ละคนก็ร่างกายกำยำสูงใหญ่ คนเดียวก็สามารถจัดการได้ถึงสามคน
ในเมืองเจียงหนาน มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถท้าทายหัวล้านหลงได้
เสือหมอบรู้ถึงความเก่งกาจของหัวล้านหลง ไม่มีแต่ความกล้าที่จะต่อสู้ เขาได้แต่นอนที่พื้น สองมือกุมศีรษะและถูกทุบตี เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
การต่อสู้นี้ใช้เวลาถึงสิบห้านาที
เสือหมอบและคนอื่นๆต่างถูกตีจนร่างกายเขียวช้ำไปหมด บนพื้นเต็มไปด้วยเลือด บางคนที่น่าสงสารหน่อยก็ถูกตีจนสลบและเสียชีวิตก็มี
เสือหมอบลมหายใจอ่อนแรงใกล้ตายนอนอยู่ที่พื้น จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงถูกตีเช่นนี้
เขากระเสือกกระสนที่จะถาม“หัวล้าน…หลง บอกเหตุผลกับฉันที ว่าทำไมถึงต้องตีฉัน”
“ทำไมถึงต้องตีนาย?”
หัวล้านหลงเหยียบลงไปที่หัวใจของเสือหมอบ “ฉันตีแกเพราะแกเป็นเด็กที่ไม่รู้จักลืมหูลืมตา!” เขาพลางชี้ไปที่เจียงชื่อ “นั่นคือ‘ปู่’ของฉัน นายยังกล้าเก็บเงินปู่ฉัน ฉันยังจะให้อภัยนายได้อีกงั้นเหรอ?”
เสือหมอบทั้งตกใจและหวาดกลัว เขาไม่คิดเลยว่าเจียงชื่อที่ดูอ่อนแอและทำอะไรไม่เป็นจะเป็น‘ปู่’ ของหัวล้านหลงได้ เมื่อนึกถึงตอนที่เจียงชื่อได้โทรศัพท์ แน่นอนว่าต้องโทรหาหัวล้านหลงเป็นแน่
เสือหมอบรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก หากเขารู้ก่อนก็คงไม่รับงานนี้ ถึงตอนนี้แล้วใครมันจะไปกล้าเก็บเงินจากหัวล้านหลงล่ะ
หัวล้านหลงหิ้วเสือหมอบมาที่เจียงชื่อ แล้วให้คุกเข่าลง
“เร็ว รีบขอโทษปู่ฉัน”
เสือหมอบตัวแข็งพูดไม่ออก
“ยังอยากโดนกระทืบอีกใช่ไหม”
“ไม่ไม่ไม่ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ” เสือหมอบมองไปที่เจียงชื่อ พูดอย่างระมัดระวังว่า“คุณปู่ช่างเป็นคนที่มีน้ำใจและอดทนต่อผู้อื่น ได้โปรดอย่ามาคิดเล็กคิดน้อยกับผมเลยนะครับ ลืมมันไปและคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ผมจะไม่มาเหยียบบ้านของคุณปู่อีกเลยครับ มิเช่นนั้นขอให้ฟ้าผ่าผมเลย”
เสือหมอบเป็นแค่อาวุธของผู้อื่น เขาไม่ได้เป็นคนริเริ่มขึ้นมา เจียงชื่อเองก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเขา
“ไป”
“เฮ้ย ไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้เลย”
เสือหมอบคลานอย่างลุกลี้ลุกลนออกไปจากที่นี่ พร้อมกับนำคนของเขาขับรถออกไปด้วย ตอนนี้เขาคงไม่กล้าที่จะอยู่อีกแล้ว
สถานที่เกิดเหตุ
หัวล้านหลงหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ปู่ ผมจัดการเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง”
เจียงชื่อลูบไล้ไปที่จมูกของเขา และไอออกมา “ต่อไปไม่ต้องมาเรียกฉันว่า‘ปู่’แล้ว เรียกว่า เจียงชื่อ ก็พอ”
“นั่นจะเป็นไปได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องให้ความเคารพ เรียก ‘พี่เจียง’แล้วกัน
พี่เจียงก็พี่เจียง อย่างน้อยก็ดีกว่าเรียกว่า‘ปู่’ ตอนอยู่กับตระกูลติงแล้วกัน เขารู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจ
เขาโบกมือ“วันนี้นายทำได้ดีมาก ฉันจะให้เครดิตนายเยอะๆเลย นายพาคนออกไปก่อน”
“เฮ้ย ทำความเคารพคุณปู่..เอ้ยไม่ ทำความเคารพพี่เจียง!”
“ทุกคน กลับ!”
หัวล้านหลงกวักมือ ให้คนของเขาขึ้นรถและออกไป
มาอย่างเร็ว ไปก็เร็วเช่นกัน
ตอนนี้ทุกคนในตระกูลติงต่างงงกันไปหมด ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น วิกฤตก็คลี่คลายแล้ว?”
เจียงชื่อยิ้มแล้วพูดว่า“เสือหมอบก็ไปแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่มีใครมาขวางประตูนี้ได้อีก พ่อ แม่ เมิ่งเหยน พวกเธอวางใจกันได้แล้วนะ”
ติงเมิ่งเหยนและซูฉินมองหน้ากัน แล้วพากันยิ้มร่า
ถึงแม้ว่าวิธีการที่ทำจะแปลกประหลาดไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ก็ถือว่าออกมาดีเลยทีเดียว
มีแต่ติงฉี่ซานเท่านั้น ที่ใบหน้ายังคงหดหู่เช่นเคย เขาพูดอย่างเย็นชาว่า :“โอเคล่ะ เจียงซื่อนายมีความสามารถจริงๆ ฉันสั่งให้นายออกไปหางานทำ แต่ที่ไหนได้นายกลับไปเล่นอะไรแผลงๆกับหัวล้านหลง และยังเรียกว่าเป็นพี่น้องกันอีก นายกำลังทำให้ตระกูลติงเสื่อมเสียชื่อเสียง!”
ซูฉินขมวดคิ้ว “นี่ตาแก่ไม่ต้องพูดอะไรมากความแล้ว ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณที่หัวล้านหลงที่เข้ามาช่วยคลี่คลายวิกฤต ไม่ต้องไปโทษเจียงชื่อแล้วนะ”
“คลี่คลายปัญหา?หึหึ ติงฉี่ซานด่ากลับไปว่า “เรื่องบ้าๆนี่เดิมที่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราอยู่แล้ว!ถ้าไม่ใช่เจียงชื่อคนโชคร้ายคนนี้ บ้านเราตระกูลติงจะถูกขวางเอาไว้งั้นเหรอ?”
“นอกจากนี้ พวกเธอคิดว่าการที่เสือหมอบกลับไปเรื่องมันจะจบงั้นเหรอ?จะบอกอะไรให้นะ พวกเธอคิดน้อยกันเกินไปแล้ว!”
“หนี้เก้าร้อยล้ายยังไม่ได้จ่าย บริษัทเทียนติ่งก็กำลังรับสมัครเธออีก คอยดูเถอะ ปัญหาอีกมากมายจะตามมา”
ถึงแม้คำพูดของติงฉี่ซานจะไม่น่าฟัง แต่ว่ามันก็มีความจริงอยู่ไม่น้อย
ใบหน้าของติงเมิ่งเหยนและซูฉินตอนนี้กลับดูไม่ดีนัก
รอดพ้นจากเสือหมอบ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หายนะครั้งต่อไปจะมาเมื่อไหร่
ท้ายสุดแล้วสิ่งเหล่านี้ต่างมาจากหนีเก้าร้อยล้านทั้งนั้น
แค่หนี้เก้าร้อยล้าน เดิมทีมันก็ไม่ควรเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลติงอยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่าติงฉี่ซานเกลียดเขาหรอก
“ฉันอยู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันไปบริษัทล่ะ” ติงฉี่ซานสะบัดแขนอย่างโกรธและเดินออกไป
เจอเหตุการณ์แบบนี้ เจียงชื่อได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัวไปมา
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพูดพึมพำกับตัวเองว่า “หนี้เก้าร้อยล้านมันช่างจัดการยากเสียจริง ดูเหมือนว่า สงสัยฉันจะต้อง‘เชิญ’มันออกไปเองซะแล้วล่ะ