จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 8 คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไป
บทที่ 8 คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไป
คนกลุ่มหนึ่งเดินไปทางประตูเข้าอาคารอย่างเป็นระเบียบ
ที่หน้าประตูมีองครักษ์สวมชุดทหารอยู่สิบกว่านาย ด้านในสุดเป็นทหารอาวุธครบมือ แสดงถึงผู้ที่มาในวันนี้เป็นฐานะสูงส่ง
ถังแหวนโม่กับพวกอีกสองคนมาถึงประตูทางเข้า เจียงชื่อก็เดินตามติงเมิ่งเหยนมา
พวกเขาถูกองครักษ์ขวางไว้ในคราวเดียวกัน
“ช่วยแสดงบัตรประจำตัวด้วย”
ติงเฝิงเฉิงยื่นบัตรประจำตัวให้องครักษ์ด้วยความเย่อหยิ่ง หันไปมองเจียงชื่อแว๊บหนึ่ง “ดูซะ ที่แบบนี้ไม่ใช่คนพรรค์อย่างนายจะมาได้”
องครักษ์เอาบัตรประจำตัวสแกนลงบนเครื่อง ก็ปรากฏ “X” สีแดงตัวใหญ่ขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น องครักษ์ถือปืนสองสามนายก็เดินเข้ามา ขวางติงเฝิงเฉิงไว้
ติงเฝิงเฉิงสีหน้าซีดเผือด“ทุกท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
องครักษ์ส่งบัตรประจำตัวคืนกลับไป “คุณมีชื่อเป็นบัญชีดำ ห้ามเข้าไปในอาคาร เชิญออกไป”
“ไม่ใช่มั๊ง?”
ติงเฝิงเฉิงหันไปมองถังแหวนโม่ ไหนว่าทำศิษย์ให้เขาแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเข้าไปไม่ได้ แล้วยังติดบัญชีดำด้วย?
ถังแหวนโม่คิ้วขมวดพูดขึ้นว่า: “น้องชายท่านนี้ ผมว่าคุณเข้าใจผิดหรือเปล่า สิทธิของเขาผมเป็นคนขอเอง”
“คนที่ติดบัญชีดำ ห้ามเข้า ไม่มีการผิดพลาดใดๆ แน่”
ติงจื่อยวี่โกรธขึ้นมา “หึ คุณพูดอะไรของคุณ? คุณรู้ไหมว่าสามีฉันเป็นใคร? เขาเป็นถึงรองผู้บัญชาของจ้านยู่เลยนะ คุณไม่อยากมีชีวิตแล้วเหรอไง?”
องครักษ์สองสามนายจ้องมายังติงจื่อยวี่ในคราวเดียวกัน
“คุณกำลังข่มขู่พวกเราเหรอ?”
แต่ละคนถือปืนแน่น ทำติงจื่อยวี่ตกใจจนถอยไปอยู่ข้างหลังถังแหวนโม่
แม้ตำแหน่งของถังแหวนโม่ไม่เล็ก แต่ต่อหน้าผู้รับผิดชอบท่านนั้นในวันนี้ เขาก็ยังสูงพอ ประสาอะไรกับทหารที่นี่ทั้งหมดเป็นทหารของเวสเตอร์แลนด์ จึงไม่สนใจรองผู้บัญชาฝ่ายตะวันออกอย่างเขา
ถังแหวนโม่ไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้ รู้สึกโมโหเล็กน้อย
เขาเสียงแข็งโมโหพูดว่า: “ช่างเถอะ ติงเฝิงเฉิงก็อย่าเพิ่งเข้าไปเลย จื่อยวี่ คุณเข้าไปกับผมเถอะ
“อย่านะ พี่เขยใหญ่”
นึกไม่ถึง…
องครักษ์ยืนมือออกไปทางถังแหวนโม่ “ช่วยแสดงบัตรประจำตัวด้วย”
“หืม?”
ถังแหวนโม่หัวร้อนขึ้นมาทันควัน “คุณพูดอะไร?”
“ช่วยแสดงบัตรประจำตัวด้วย”
องครักษ์สองสามนายยกปืนขึ้น เล็งไปที่ถังแหวนโม่สองสามีภรรยา ถ้าเขาไม่ทำตาม ต้องถูกใช้กำลังให้ออกไป
สีหน้าของถังแหวนโม่เขียวปั้ด “ผมเป็นรองผู้บัญชาการฝ่ายตะวันออกของจ้านยวี่ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานพิธีรับตำแหน่ง พวกคุณไม่รู้เหรอ?”
“ขอพูดครั้งสุดท้าย ขอให้แสดงบัตรประจำตัว ไม่เช่นนั้นอย่าโทษที่พวกเราลงมือ”
“ที่รัก…” ติงจื่อยวี่ดึงแขนของถังแหวนโม่ บอกเป็นนัยว่าเขาไม่ต้องดึงดัน องครักษ์พวกนี้ไม่เหมือนล้อเล่น
“ดี ดีมาก ฉันจำพวกนายไว้แล้ว”
ถังแหวนโม่ยื่นบัตรประตัวให้ องครักษ์รับมาและสแกนลงไปบนเครื่อง พริบตาเดียว ตัว “X” สีแดงก็ปรากฏเด่นขึ้น
“นี่…” ถังแหวนโม่งงไปชั่วขณะ
องครักษ์ส่งบัตรประจำตัวคืน “คุณก็ติดแบล็กลิสต์ ห้ามเข้า เชิญกลับไปเถอะ”
ถังแหวนโม่โมโหจนตัวสั่น เขาเป็นถึงรองผู้บัญชาการ เป็นหนึ่งเดียวในฝ่ายตะวันออกของจ้านยู่อยู่เหนือคนนับหมื่น ใครเห็นก็ต้องให้ความเกรงใจ กลายเป็นโดนสบประมาทอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขาได้รับการเชิญมา ทำไมกลายเป็นบัญชีดำได้?
“เครื่องสแกนของพวกคุณมีปัญหา ไปเปลี่ยนเครื่องมา” ถังแหวนโม่ใช้เสียงแข็งสั่ง
“คุณไม่มีอำนาจมาสั่งพวกเรา คนที่ติดบัญชีดำ รีบจากไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเราจะใช้มาตรการแข็ง”
“กล้าเหรอ!”
ฉึบๆๆ ปืนหลายกระบอกเล็งมายังตรงหน้าถังแหวนโม่ บีบให้เขาถอยหลังไปสองสามก้าว
“ไอ้พวกไม่รู้จักแยกแยะ คอยดูเถอะ ฉันจะโทรไปหาเบื้องบน ถอดถอนพวกแกให้หมด!”
ขณะที่เขาเตรียมตัวจะโทรศัพท์ เจียงชื่อก็พาติงเมิ่งเหยนเดินมา
“ขอโทษขอทางหน่อย พวกเรารีบ ให้พวกเราเข้าไปก่อนนะ” เจียงชื่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ถังแหวนโม่มองเขาอย่างเหลืออด
“เศษสวะ นายคิดจะทำอะไร? ไม่เห็นเหรอว่าตรงนี้ฉันมีปัญหาอยู่?
เจียงชื่อยักไหล่ “มีปัญหา? ผมเห็นแต่พวกที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้า แล้วยังตื้อเป็นขอทานอยู่หน้าประตูไม่ยอมไป น่าขายหน้าจริงๆ”
“นาย!!!” ถังแหวนโม่โมโหจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
ติงเฝิงเฉิงตวาดขึ้น: “เจียงชื่อ ยังจะมาทำเป็นแสดง? พวกเรายังเข้าไปไม่ได้ แล้วนายจะเข้าไปได้เหรอ? รีบไสหัวไปซะ จะได้ไม่ขายหน้าคนอื่น”
เจียงชื่อหัวเราะ “ผมเคยบอกว่า ผมเข้าไปได้หรือไม่ได้ผมรู้ดี ไม่เหมือนบางคน ไม่รู้แม้แต่ตัวเองว่ามีสิทธิ์เข้าไปได้เหรอเปล่า ช่างน่าสงสารจริงๆ”
เขายื่นบัตรประจำตัวให้องครักษ์
องครักษ์นำบัตรสแกนไปที่เครื่อง ปรากฏว่า “ผ่าน”
“เชิญครับ” องครักษ์พูดด้วยความเคารพ
เจียงชื่อเดินเข้าประตูอาคารอย่างสง่าผ่านหน้าถังแหวนโม่ ติงเฝิงเฉิง
สีหน้าของถังแหวนโม่เขียวปั้น อย่างกับกินแมลงวันเข้าไป
ก่อนปากเขาพร่ำบอกว่าเจียงชื่อเป็นเศษสวะ หัวเราะเยาะเขาว่าไม่ดูสถานการณ์ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าไปได้ ปรากฏว่าเขาเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ส่วนตัวเองกับถูกขวางอยู่ด้านนอก เลยไม่รู้ว่าใครเป็นเศษสวะกันแน่
ตามติดมาด้วย ติงเมิ่งเหยนยื่นบัตรประจำตัวไปอย่างระแวดระวัง ปรากฏผลเป็นอย่างเดียวกันว่า “ผ่าน”
“เชิญด้านในครับ คุณสุภาพสตรี”
คนที่สามารถเข้าไปในอาคารได้ ท่าทีขององครักษ์ก็จะนอบน้อม
ติงเมิ่งเหยนถึงกับงงเดินผ่านประตูเข้าไปในอาคาร ต่อให้เธอฝันก็นึกไม่ถึงว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้
ที่ที่แม้แต่ถังแหวนโม่เข้ามาไม่ได้ แต่เธอกลับเข้ามาได้
เจียงชื่อจับมือของติงเมิ่งเหยนไว้ พูดไปยังคนที่อยู่ปากประตู: “พี่ใหญ่ พี่เขยใหญ่ พวกพี่ไม่ต้องเสียใจ ผมจะถ่ายรูปแทนพวกพี่ ซื้อของที่ระลึกให้ พวกพี่ก็กลับบ้านเถอะ ดูผ่านทีวีก็เหมือนกัน”
คำพูดแค่นี้้ทำให้ถังแหวนโม่สั่นไปทั้งตัว เกือบจะขว้างมือทิ้งลงบนพื้น
ติงจื่อยวี่หน้าแดงก่ำไปด้วยความละอายใจ เธอเพิ่งจะบอกให้ติงเมิ่งเหยนกลับไปก่อน ตอนนี้นี้ล่ะ? คนที่ควรกลับไปกลับเป็นหล่อนซะเอง
“เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้าเศษสวะนั่นมีสิทธิ์เข้าไปได้ยังไง ทำไมพวกเรากลับถูกขวางอยู่ข้างนอก?”
“ต้องเป็นเพราะเครื่องมีปัญหาแน่”
“ให้ผมเข้าไป!”
ติงเฝิงเฉิงกระโจนในองครักษ์อย่างกับหมาบ้า ปรากฏว่าถูกอีกฝ่ายถีบให้ล้มลง เสียงสนั่นดัง” ตึง” องครักษ์ยิงปืนไปที่ข้างติงเฝิงเฉิง ทะลุพื้น
พริบตาเดียว ติงเฝิงเฉิงตกใจจนกางเกงเปียก
เจียงชื่อส่ายหน้าช้าๆ ก่อเรื่องในที่อย่างนี้ เป็นเรื่องที่งี่เง่ามาก
เขากุมมือติงเมิ่งเหยนไว้ ไม่สนใจพวกคนที่อยู่ตรงประตูอีก เดินเข้าไปในงานที่จัดในอาคาร
ระหว่งทาง ติงเมิ่งเหยนรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ทุกอย่างทั้งหมดเหมือนไม่เป็นความจริง
จนเจียงชื่อถามด้วยรอยยิ้มว่า “มีความสุขไหม?”
“เอ่อ……”
ติงเมิ่งเหยนตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นมุมปากก็เชิดขึ้นเอง สะกดความปีติในใจไว้ไม่อยู่ ความกดดันที่มีมาหลายปีในที่สุดก็ได้ปลดปล่อย
“หึ ใครจะได้ใจเหมือนคุณ ฉันไม่ดีใจหรอก” ติงเมิ่งเหยนหันหน้าหนี แต่กลับยิ่งยิ้มร่าขึ้น