จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่124 ผ่านการประเมิน
บทที่124 ผ่านการประเมิน
ผู้คุมสัมภาษณ์พูดกับเน่ร์เจิง “คุณครับ ถึงคุณแล้ว”
เน่ร์เจิงเดินขึ้นมา “ผมชื่อเน่ร์เจิง เป็นทหารมาสองสามปี หลังจากประจำก็ทำงานในร้านอาหาร ตอนนี้เป็นทั้งเจ้าของ และพ่อครัว”
ฮัวเสี่ยงหรงเก็บกดความโกรธนั้นไว้โดยที่ไม่มีที่ระบาย แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเน่ร์เจิง จึงหัวเราะดังขึ้น
“เป็นพ่อครัวมาเพื่ออะไรกัน?”
“ที่นี่เป็นที่สำหรับคนบันเทิง ไม่ใช่โรงอาหารนะ หรือว่าคุณมาสัมภาษณ์เพื่อเป็นพ่อครัว?”
“ทั้งจนทั้งขี้เหร่ก็ว่าแล้วนะ นี่ยังโง่มากขนาดนี้อีก เกินเยียวยาแล้วจริงๆ ”
เน่ร์เจิงก้มหน้าลง เก็บความโกรธเคืองนั้นลงโดยไม่ได้ระเบิดออกมา
ผู้คุมสัมภาษณ์พูดขึ้น “งั้นคุณเตรียมความสามารถพิเศษอะไรมา?”
“ความสามารถพิเศษ……เออ……ผมอยากจะโชว์ทำอาหารครับ”
ทันใดนั้นก็เงียบสงัดไปทั้งห้อง ผู้คุมสัมภาษณ์มีความอึดอัดที่ปิดไม่มิด แม้ว่าจะได้รับการแจ้งเตือนภายในจากเจียงชื่อตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่ควรจะทำอะไรที่บุ่มบ่ามขนาดนี้?
ถ้าเป็นศิลปินธรรมดาก็ มาเพื่อฝากเนื้อฝากตัวก็แล้วไป
ปัญหาคือ นี่เป็นพ่อครัว ทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง มาที่นี่เพื่อทำอาหารนี่มันอะไรกัน?
ฮัวเสี่ยงหรงมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “เน่ร์เจิง คุณอย่ามาขายขำที่นี่ได้ไหม? รีบออกไปเถอะ ดูคุณที่โง่เขลาอย่างนี้ ฉันอึดอัดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
ผู้คุมสัมภาษณ์มองไปที่เจียงชื่อ สังเกตเห็นว่าสีหน้าเขายังคงไร้ความรู้สึก
ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “งั้นคุณก็เริ่มทำอาหารเถอะ”
จากนั้น เน่ร์เจิงก็ได้จัดโต๊ะ และทำอาหารที่มีชื่อเสียงต่อหน้าผู้คุมสัมภาษณ์ นั่นก็คือ ปลาต้มพริกสไตล์เสฉวนนั่นเอง
แม้ว่าเน่ร์เจิงจะมีแขนเพียงข้างเดียว แต่การจัดการกับวัตถุดิบนั้นทั้งรวดเร็ว และแม่นยำ มือเพียงข้างเดียวยังดูเชี่ยวชาญเสียยิ่งกว่ามือทั้งสองข้างของคนอื่นซะอีก
ทั้งทักษะการใช้มือ การคุมความร้อนของไฟ และการใช้วัตถุดิบต่างๆ ล้วนเยี่ยมยอมไปหมด
เดิมทีผู้คุมสัมภาษณ์ยังมีความอึดอัดอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อดูไปดูมาก็โดนกะกดเข้าให้แล้ว ในใจของเขามีเพียงคำสองคำ คือ ชื่นชม!
เขาบอกกับเน่ร์เจิงแต่แรกแล้ว ว่าต้องทำอาหารหนึ่งอย่างที่จะสามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงต้องอร่อยเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือ การแสดงทักษะของตัวเองในทุกกระบวนการทำอาหารออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เน่ร์เจิงได้ปฏิบัติตามทุกอย่าง
เมื่อผู้คุมสอบดูทุกขั้นตอนการอาหารนี่เสร็จ ก็ได้ชื่นชมเน่ร์เจิงเป็นอย่างมาก
“ปลาต้มพริกสไตล์เสฉวน พร้อมเสิร์ฟแล้วครับ”
เมื่ออาหารถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ น้ำลายของผู้คุมสัมภาษณ์ไหลย้อยออกมาโดยไม่รู้ตัว จึงรีบยื่นแขนเสื้อออกมาเช็ด
“ตะเกียบครับ”
ผู้คุมสัมภาษณ์คีบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน ทั้งอิ่มเอมเปรมใจ และละมุนอย่างบอกไม่ถูก
เขาปรบมืออยู่อย่างนั้นซ้ำๆ “เยี่ยม มันช่างอร่อยมากจริงๆ !”
ฮัวเสี่ยงหรง และหลิวฉงได้มองหน้ากัน แล้วรู้สึกมาต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง
แท้ที่จริงแล้ว……
หลังจากที่ผู้คุมสัมภาษณ์กินปลาไปครึ่งตัวอย่างไม่หยุดยั้ง และลูบท้องไปมาด้วยความพอใจ ยื่นมือหยิบปากกาแดง และ “เช็กถูก” ตัวใหญ่เบ้อเร่อไปบนหัวกระดาษ
“เน่ร์เจิง ผ่านการประเมิน!”
“ยินดีกับคุณด้วย ที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์”
“สู้ๆ นะ”
รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขปรากฏบนใบหน้าของเน่ร์เจิง ผลลัพธ์นี้เป็นที่เขาไม่คาดคิดไว้เลย
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น ฮัวเสี่ยงหรง และหลิวฉงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ทั้งสองยืนอยู่ที่เดิมความงุนงง และมองไปที่เน่ร์เจิงอย่างไม่น่าเชื่อ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นมันช่างเกินจริงมาก มากซะจนพวกเขาไม่สามารถที่จะยอมรับได้เลย
ทั้งที่อยู่แวดวงนี้มาก็ตั้งหลายปี และมีแฟนคลับนับล้านคน ทั้งยังมีหน้าตาที่ และน้ำเสียงที่น่ารักอย่างฮัวเสี่ยงหรง กลับมาแพ้ให้กับพ่อครัวที่ทั้งขี้เหร่ และยากจนเนี่ยนะ?
มันอะไรกัน?
ก็แค่เขาทำอาหารเป็น?
แต่ว่าที่นี่เป็นที่วัฒนธรรมและความบันเทิงนะ เป็นที่ที่เฟ้นหาคนบันเทิง ไม่ใช่หาพ่อครัว ทำกับข้าวเป็นแล้วมีประโยชน์อะไรกัน?
ฮัวเสี่ยงหรงถามขึ้นเสียงดัง “ฉันไม่ยอม! ทำไมเซ็นสัญญากับเขา แล้วไม่เซ็นกับฉัน? ผู้คุมสัมภาษณ์ คุณรับเงินใต้โต๊ะใช่ไหม?”