จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่182 ผู้หาเรื่องก่อน
ทุกคนจับจ้องไปที่กู้หย่งเลี่ยง
หงเจ๋อรู้ว่าใครคือผู้ลงไม้ลงมือในทันที เขาก้าวเข้าไปชี้หน้ากู้หย่งเลี่ยงและถามว่า “ไอ้เด็กเวร เป็นแกใช่ไหมที่ลงมือตีลูกชายของฉัน?”
แทนที่จะกลัวแต่กู้หย่งเลี่ยงกลับเงยหน้าขึ้นอย่างไม่คาดคิด
“ใช่ ผมเป็นคนที่ตีเขาเอง!”
“เฮ้ไอ้เด็กคนนี้นี่ ตีคนอื่นแล้วไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับความผิดของตัวเองเท่านั้น แถมยังจองหองอีกด้วย”
หงเจ๋อยกมือขึ้นตบหน้ากู้หย่งเลี่ยงอย่างหนัก ใครๆก็ไม่คาดคิดว่าเขาในฐานะผู้ใหญ่จะตีเด็กได้ลงคอ
แม้แต่กู่หลังก็รู้สึกตกใจไม่เบา เขารีบไปประคองตัวลูกชายให้ลูกขึ้นมา
เมื่อเห็นลูกของตัวเองถูกทุบตี กู่หลังก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา แต่สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายผิด เขาจะพูดอะไรได้ล่ะ?
หงเจ๋อตบหน้าเขาไปหนึ่งทีแต่ก็ยังไม่สามารถระบายความโกรธของเขาได้ เขาชี้หน้ากู่หลังแล้วพูดว่า “คุณคืออันธพาลที่กลุ่มผู้ปกครองพูดถึงใช่ไหม? ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ นี่แหละที่ว่ากันว่าคานข้างบนไม่ตรงคานข้างล่างย่อมบิดเบี้ยวตาม”
“คราวที่แล้วทุกคนไม่เห็นด้วยกับการขึ้นทะเบียนของลูกชายคุณ ตอนนั้นฉันเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างจังหวัด ฉันได้ยินมาว่าคุณใช้วิธีสกปรกมากในการบังคับให้ทุกคนยินยอมให้ลูกของคุณเข้ามาเรียนที่นี่”
“มันช่างน่าโมโหเสียจริง!”
“ลูกของหงเจ๋อได้รับการศึกษาอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ใช้เวลาว่างในการฝึกเปียโนและเรียนรู้การวาดภาพ ลูกของเราต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต และไม่ว่าจะเป็นด้านความสามารถหรืออุปนิสัยล้วนเป็นที่หนึ่งทั้งนั้น”
“ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้มาอยู่โรงเรียนเดียวกับไอ้เด็กขยะของนี้”
“ไม่ได้ ฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่มีลูกชายของอันธพาลเรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี่ ครูใหญ่ ไล่ลูกชายของมันออกจากโรงเรียนเดี๋ยวนี้ และสั่งให้มันเก็บของแล้วกลับบ้านได้เลย!”
หงเจ๋อร่ำรวยและมีอำนาจ ครูใหญ่กานเต๋อหยางไม่กล้ารุกรานเขา และเป็นความจริงที่กู้หย่งเลี่ยงเริ่มทุบตีผู้อื่นก่อน ดูเหมือนว่าคราวนี้การถูกไล่ออกจากโรงเรียนจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว
กู่หลังรู้สึกโกรธเคืองมาก เขาอุตส่าห์ทำทุกวิถีทางเพื่อส่งลูกชายไปเรียน แต่เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่กี่วันเขาก็จะถูกไล่ออกซะแล้ว มันเป็นเวรกรรมจริงๆ!
ในเวลานี้เน่ร์เสี่ยวหวินวิ่งไปซ่อนข้างหลังเน่ร์เจิงผู้ซึ่งเป็นพ่อของเธอ และดึงแขนเสื้อของเน่ร์เจิงด้วยมือแล้วพูดว่า “พ่อคะ อย่าปล่อยให้พี่หย่งเลี่ยงถูกไล่ออกได้ไหมคะ?”
เน่ร์เจิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
จากการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายของเหตุการณ์นี้แล้ว กู้หย่งเลี่ยงยังคงเป็นฝ่ายผิด หากครูใหญ่ขอให้กู้หย่งเลี่ยงออกจากโรงเรียนเพราะเหตุนี้จริงๆ เราก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เหมือนกัน
แต่แล้วคำพูดของเน่ร์เสี่ยวหวินก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
เธอพูดพร้อมกับร้องไห้เล็กน้อยว่า “เป็นเพราะเด็กเลวคนนั้นไม่ดี เขาเห็นว่าวันนี้ฉันใส่กระโปรงมาเรียน เขาก็มาเปิดกระโปรงของฉันอยู่เรื่อย แถมยังโยนตัวแมลงเล็กๆมาใส่เสื้อผ้าของฉันอีกด้วย”
“ฉันกลัวจนร้องไห้ คนอื่นๆกลัวเด็กเลวคนนั้นจึงไม่กล้าช่วยฉัน มีเพียงพี่หย่งเลี่ยงเท่านั้นที่มาช่วยฉันทุบตีเด็กเลวนั่น”
“พ่อค่ะ อย่าปล่อยให้พี่หย่งเลี่ยงจากไปนะ เขากำลังจะไปแล้ว เด็กเลวคนนั้นจะรังแกฉัน และฉันไม่อยากเรียนที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยินเธอพูดเช่นนี้
โดยเฉพาะหงเจ๋อ เขาโกรธจนตัวสั่น ชี้หน้าเน่ร์เสี่ยวหวินและถามว่า “เธอว่าใครเด็กเลว?”
เน่ร์เสี่ยวหวินกลัวมากจนซ่อนตัวแล้ว ชี้นิ้วไปที่เด็กที่ถูกทุบตีและพูดว่า “เป็นเขา เขาไม่เพียงรังแกฉัน แต่ยังรังแกเด็กคนอื่นๆอีกด้วย ทุกคนกลัวเขาและเรียกเขาว่า ‘ปีศาจน้อย’ ”
หงเจ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เขาเคยพูดว่าลูกชายของเขาได้รับการศึกษาอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก และเรียนการวาดภาพเปียโนและมีนิสัยที่ดีกว่าใครๆอีกด้วย แต่นี่แค่ผ่านไปได้ไม่นานความจริงก็ถูกเปิดเผยซะแล้ว
ลูกชายของเขาไม่เพียงแต่มีอุปนิสัยที่ไม่ดีเท่านั้น แต่ยังเรียกได้ว่า “แย่ที่สุด” ก็ว่าได้
หงเจ๋อจ้องมองไปที่เน่ร์เสี่ยวหวินด้วยความโกรธและเดินไปหาเธอ
“เยี่ยมไปเลย อายุยังน้อยก็โกหกเป็นแล้ว”
“ในความคิดของฉัน เธอเป็นนางชูรักกับลูกชายอันธพาลคนนั้นใช่ไหม?