จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่6 ตัดชื่อสองคนนี้ออก
บทที่6ตัดชื่อสองคนนี้ออก
งานเลี้ยงครอบครัวทั้งงาน พวกประจบประแจงถังแหวนโม่เรียงหน้าเข้ามาไม่ขาด แก้วแล้วแก้วเล่า คึกคักไม่หยุด
ส่วนทางเจียงชื่อ ไม่มีใครใช้สายตามองมาที่เขาตั้งแต่ต้นจนจบ
ติงเมิ่งเหยนที่นั่งอยู่กับเขาสีหน้าก็ไร้สง่า มีหลายครั้งที่อยากตีตัวจาก เพราะไม่มีหน้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปจริงๆ
เวลานี้เอง เสียงมือถือของเจียงชื่อก็ดังขึ้น
“ขอโทษที ขอรับโทรศัพท์หน่อย”
เจียงชื่อเดินออกประตูใหญ่ไป รับสายโทรศัพท์ เป็นเสียงของโม่หยางที่โทรเข้ามา
“พี่ใหญ่ เอกสารมาแล้ว พรุ่งนี้จะให้พี่รับตำแหน่งผู้รับผิดชอบใหญ่แห่ง3เมือง และเข้าร่วมพิธีรับตำแหน่ง”
เจียงชื่อตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ : “นายก็รู้นิสัยของฉัน ไม่ชอบเรื่องพิธีรีตองมาแต่ไหนแต่ไร ตำแหน่งผู้รับผิดชอบใหญ่ฉันเข้ารับได้ แต่พิธีเข้ารับตำแหน่งก็ยกเลิกเถอะ”
“เอ่อ…นี่เป็นข้อกำหนดของเบื้องบน พี่ใหญ่ ปฏิเสธยากนะ”
“งั้นนายก็ไปร่วมแทนฉันละกัน”
“อย่างนี้ไม่เหมาะมั๊ง? เบื้องบนต้องไม่ตกลงแน่”
“ถ้าไม่ตกลง ก็ไม่ต้องให้ฉันรับตำแหน่งผู้รับผิดชอบ บอกเบื้องบนไปตามนี้”
“พี่ใหญ่ อย่าโมโหสิ เดี๋ยวผมไปพูดให้”
เจียงชื่อวางสายเสร็จ เตรียมตัวจะกลับเข้าไป ติงเฝิงเฉิงหัวเราะเหอะๆ เดินเข้ามา
“โอ้ คุยสายกับใครเหรอ?”
“เพื่อน”
“เศษสวะอย่างนายมีเพื่อนกับเขาด้วย?” ติงเฝิงเฉิงพูดขึ้น: “เป็นทหารเหมือนกัน นายดูพี่เขยสิ แล้วก็ดูตัวเอง ทำไมต่างกันมากขนาดนี้หา? เมื่อครู่พี่เขยรับปากฉัน ว่าจะพาฉันไปร่วมงานพิธีรับตำแหน่งผู้รับผิดชอบใหม่ในวันพรุ่งนี้ ดูศักยภาพของเขาสิ เส้นสายภายในก็มีสิทธิ์ไปร่วมงานได้ นายล่ะ? ได้แต่นั่งอยู่ที่บ้าน ดูฉันกับผู้รับผิดชอบใหม่จับมือกันจากหน้าจอทีวีสินะ!”
เจียงชื่อยิ้มถามว่า: “สิทธิในการเข้าร่วมงานคงไม่ได้มาง่ายๆ สินะ? ถ้าคุณไปร่วมไม่ได้ กระทั่งถังแหวนโม่ก็ไปร่วมไม่ได้ จะไม่ยิ่งพะอืดพะอมเหรอ”
“ถุย!” “ติงเฝิงเฉิงด่าขึ้น: “พวกเราไปร่วมไม่ได้ แล้วเศษสวะอย่างนายจะเข้าร่วมได้เหรอ?”
ขณะที่ทั้ง2กำลังคุยกัน ติงเมิ่งเหยนก็เดินออกมา
สีหน้าเธอดำเคร่งเครียด แสดงให้เห็นว่าในนั้นเพิ่งมีคนพูดเรื่องไม่น่าฟังกับเธอ
เธอเดินผ่านเจียงชื่อ พูดเสียงเบาๆ แค่ว่า: “กลับบ้าน”
ติงเฝิงเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างพิลึกว่า: “เฮ้อ… น้องเล็ก อย่าเพิ่งไปสิ พี่สองยังไม่ได้ฉลองเหล้ากับเธอเลย”
ติงเมิ่งเหยนก้มหน้า ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไปที่รถของเธอ เจียงชื่อก็เดินตามไป
เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ติงเมิ่งเหยนตบไปที่พวงมาลัยอย่างแรงเพื่อระบายความโกรธ จากนั้นเงยหน้าขึ้นถอนใจยาวๆ ออกมา
ความเก็บกด ความกล้ำกลืน ความไม่ยอม ความเจ็บปวด ถูกระบายออกมาในนาทีนี้
เจียงชื่อมองเขาแว๊บหนึ่ง ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก หันหน้าไปนอกหน้าต่าง อารมณ์เมินเฉย
ติงเมิ่งเหยนเหยียบคันเร่ง รีบไปจากที่ๆ ทำให้เธอไม่สบายใจอย่างรวดเร็ว
รถขับมาได้ครึ่งทาง
ติงเมิ่งเหยนก็พูดขึ้นมาด้วยความคับใจว่า: “คุณรู้ไหมว่าทุกคนวิจารณ์คุณว่าอย่างไร?”
“ว่าอย่างไร?”
“อ่อนแอ ต่ำต้อย ไม่มีอนาคต ยิ่งกว่านี้มีคนบอกว่าคุณเกาะผู้หญิง”
“อ้อ”
“อ้อ? คุณฟังแล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ?”
เจียงชื่อหันมามองติงเมิ่งเหยน “คุณอยากให้ผมรู้สึกอะไร? โกรธ เสียใจ หรือว่าลงมือกับพวกเขา?”
ติงเมิ่งเหยนกัดริมฝีปาก มีบางอย่างที่เธออยากพูด แต่ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากออกมาอย่างไร
เธอแค่อยากเป็นเจียงชื่อขยันฮึดขึ้นสู้เท่านั้นเอง
เจียงชื่อมองไปนอกหน้าต่างต่อ อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า: “หลายปีที่ผมไปเป็นทหาร ใช้ชีวิตลำบากมาก คุณรู้ไหมว่าผมชอบแก้เซ็งยังไง?”
ติงเมิ่งเหยนไม่พูดไม่จา
“สิ่งที่ผมชอบทำก็คือ ไปดูการแสดงกายกรรม ผมไม่ได้ชอบดูท่าอะไรยาก แต่ชอบดูการแสดงของตัวตลก”
“หืม?”
ติงเมิ่งเหยนมองเจียงชื่อด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา
หรือว่า เขาเห็นคนที่หัวเราะเยาะเขาในงานเลี้ยงเป็นตัวตลก? ก็เลยไม่โกรธ ไม่ใช่เพราะเจียงชื่อไม่รู้สึกโกรธ แต่เขากำลังชื่นชมการแสดงของอีกฝ่าย?
อยู่ๆ ติงเมิ่งเหยนก็ดูเจียงชื่อไม่ออก ผู้ชายคนนี้เหมือนมีปริศนามากมาย แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับดูต่ำต้อย
แท้จริงแล้วเขาเป็นผู้แข็งแกร่ง หรือเป็นผู้อ่อนแอ ?
พอกลับถึงบ้าน
ติงเมิ่งเหยนเข้ามาห้องรับแขกกับเจียงชื่อ ก็เห็นติงฉี่ซานอยู่ที่โซฟาจับปากกาเขียนบางอย่างไม่หยุด บางเวลาก็กุมขมับครุ่นคิด
“พ่อ กลับมาแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“ในเมืองว่าอย่างไรบ้าง?”
ติงฉี่ซานพูดขึ้นมาแบบไม่เงยหน้า: “ผลออกมาแล้ว พรุ่งนี้เป็นพิธีเข้ารับตำแหน่งของผู้รับผิดชอบ พ่อเป็นตัวแทนแผนกไปเข้าร่วม ถ้าสามารถผูกสัมพันธ์กับผู้รับผิดชอบได้ ต่อไปต้องทะยานก้าวหน้าแน่”
ติงเมิ่งเหยนเดินไปดูสิ่งที่ติงฉี่ซานเขียน “พ่อ นี่พ่อเขียนอะไรเหรอคะ?”
“ของขวัญ”
“หา? พ่อจะส่งของขวัญให้ใครกัน?”
ติงฉี่ซานพูดขึ้นว่า: “จะถามให้เปลืองน้ำลายทำไม? ไปร่วมงานพิธีรับตำแหน่งจะให้ไปมือเปล่าได้อย่างไร? ไม่ต้องเตรียมของไปเหรอ? พ่อแค่ไม่รู้ความชอบของผู้รับผิดชอบคนใหม่ ให้ของราคาถูก ก็กลัวจะดูแคลน ให้ของราคาแพง ก็กลัวจะถูกเป็นที่ครหา ลูกพ่อ มาช่วยพ่อดูหน่อยสิ”
ติงเมิ่งเหยนส่ายหน้า “หนูจะไปรู้เรื่องอะไรกัน”
เจียงชื่อเดินเข้ามา มองของขวัญที่ติงฉี่ซานเขียนลงในกระดาษ ส่วนใหญ่เป็นของที่ค่อนข้างล้ำค่า ทำเป็นของขวัญถือว่าใช้ได้เลย แต่ปัญหาอยู่ที่ เจียงชื่อไม่สนใจของพวกนี้แม้แต่นิดเดียว
เขาหัวเราะแล้วก็พูดว่า: “พ่อ ผมว่านะ ของพวกนี้ธรรมดาไป”
“หืม?”
“ของพวกนี้พ่อให้ได้ คนอื่นก็ให้ได้ สื่อไม่ถึงความจริงใจของพ่อ”
ติงฉี่ซานพยักหน้า “ก็มีเหตุผล แล้วเธอคิดว่าควรจะให้อะไรดี?”
“เหล้า”
“เหล้าจะไม่ยิ่งธรรมดาเหรอ?”
เจียงชื่อพูดว่า: “เอาเหล้าเก่ายี่ห้องหยางจวิ้นจากเวสเตอร์แลนด์”
“หา? มีอะไรอ้างอิงไหม? หรือเหล้านี้แพงมากเลยเหรอ?”
“ก็เปล่า” เจียงชื่ออธิบายต่อ: “ชีวิตที่เวสเตอร์แลนด์ลำบากนัก ทหารสงครามคนหนึ่งอยากจะดื่มเหล้าสักอึกก็ต้องเพ้อฝัน อีกอย่างเหล้าหยางจวิ้นนี้ราคาก็ถูกดีกรีก็แรง เป็นเหล้าที่พวกพลทหารชอบดื่มกัน
ติงฉี่ซานหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ครู่ “เป็นเหล้าที่พวกพลทหารชอบดื่ม จะมอบให้ผู้รับผิดชอบได้อย่างไร? ถึงเขาจะมาจากเวสเตอร์แลนด์เหมือนกัน แต่คงไม่ใช่พลทหารแน่”
เจียงชื่อพูดต่อ: “ที่เวสเตอร์แลนด์ แม่ทัพกับพลทหารนอนเตียงเดียวกัน กินข้าวชามเดียวกัน ดื่มเหล้าเก่าถ้วยเดียวกัน สิ่งที่พลทหารชอบ แม่ทัพก็ต้องชอบด้วย”
ติงฉี่ซานถูกเจียงชื่อพูดจนซึ้งใจ
อันที่จริง ถ้าจะพูดเรื่องเวสเตอร์แลนด์ เขาคงสู้เจียงชื่อไม่ได้
“อืม งั้นก็ต้องลองดูสักตั้ง” ”
“ฉันจะให้คนไปซื้อเหล้าเก่าหยางจวิ้นเดี๋ยวนี้ เจียงชื่อ หวังว่าเที่ยวนี้ฉันจะไม่ได้เชื่อเธอผิด”
ติงฉี่ซานรีบให้คนไปซื้อเหล้าในทันที
เวลานี้เอง มือถือของเจียงชื่อก็ดังขึ้น
“พี่ใหญ่ เบื้องบนตกลงแล้ว ขอแค่คุณยอมรับตำแหน่งผู้รับผิดชอบ จะให้ใครมาร่วมพิธีรับตำแหน่ง พวกเขาก็ไม่ถือ”
เจียงชื่อพูดว่า : “อืม งั้นช่วยฉันเชิญผู้มีสิทธิ์อีก2คนที”
“หา? เดี๋ยว พี่ใหญ่พี่ล้อผมเล่นเหรอเปล่า? เดิมทีพี่ก็เป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว พี่ควรจะต้องมาร่วมงานพิธี สุดท้ายพี่ให้ผมออกงานร่วมพิธีแทนก็มากพอแล้ว ยังจะให้ผมทำผู้มีสิทธิ์อีก 2คน พี่คิดจะมาเป็นแขกดูผมปล่อยไก่เหรอไง”
เจียงชื่อพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า: “นายคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งฉันเหรอ?”
โม่หยางอีสะดุ้งโหยง “ไม่กล้า ผมแค่ทำตามอย่างเดียว”
“จริงสิ รายชื่อผู้ร่วมงานพิธีครั้งนี้ ช่วยฉันตัดออก2คน”
“ใคร?”
เจียงชื่อยิ้มอย่างชั่วร้าย “ถังแหวนโม่ ติงเฝิงเฉิง