จอมนักรบท้าโลก - จอมนักรบท้าโลก - บทที่77 น้ำลดตอผุด
บทที่77 น้ำลดตอผุด
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และเทลงมาไม่หยุด รถคันเล็กขับท่ามกลางสายฝนจนถึงหน้าสำนักงานใหญ่ของผู้บริหารระดับสูงเขตเจียงหนาน หลังจากจอดรถแล้ว ชายวัยกลางคนในชุดสูทได้เดินออกมา
เขาคือเฉินยู่ รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำ
เดิมทีได้เตรียมพร้อมเข้านอนที่บ้านแล้ว จู่ๆก็ได้รับสายจากสำนักงานใหญ่ ขอให้มาทันที
เฉินยู่รู้ว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เขาจึงแต่งตัวทันทีแล้วรีบขับรถมา
เขาเพิ่งลงจากรถ ถัดจากนั้นเป็นรถตำรวจขับเข้ามา มีชายหนุ่มสวมเครื่องแบบตำรวจลงมาจากรถ เขาคือรองหัวหน้าสถานีตำรวจ — หยวนจื่อเหิง
“รองผู้บัญชาการหยวน คุณก็มาด้วยเหรอ?”
“คุณคือ…ผู้บัญชาการเฉินสินะ? คุณเองก็ได้รับสายจากสำนักงานใหญ่ด้วยใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ”
“คุณรู้ไหมว่ามันคือเรื่องอะไร?” หยวนจื่อเหิงเอ่ยถาม
“ไม่รู้ครับ จู่ๆก็เรียกให้มาที่นี่ ผมเองก็งงอยู่เหมือนกัน”
“คาดว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ไป ลองไปดูที่ห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงด้วยกันเถอะ”
“อื้ม ไปกันเถอะครับ”
ทั้งสองคนรีบเดินตามกันเข้าไปในอาคารทันที เมื่อขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 16 มู่หยางอีก็มารออยู่หน้าลิฟต์ก่อนแล้ว
ภายใต้การแนะนำของมู่หยางอี เฉินยู่และหยวนจื่อเหิงได้เข้าไปในห้องทำงาน แล้วมองเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงและกำลังมองพวกเขาอย่างเย็นชา
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้บริหารระดับสูง
ทั้งสองมองหน้ากันและกันต่างไม่กล้าพูดอะไร
เจียงชื่อโยนซองจดหมายลงบนโต๊ะ “พวกคุณเปิดดูด้วยตัวเอง”
เฉินยู่เอื้อมมือไปหยิบซองจดหมายมาเปิดดูแล้วตรวจสอบภาพถ่าย จดหมายและบันทึกข้อความทีละอัน
หยวนจื่อเหิงมองดูอยู่ข้างๆ
เมื่อมองดูแล้ว ใบหน้าของเฉินยู่ก็ซีดเผือดแล้วตกใจกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัว
หลังจากดูทั้งหมดแล้ว เฉินยู่ก็กลืนน้ำลายแล้วพูดด้วยความสั่นกลัวว่า “ผู้บริหารครับฯ ผมเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำของพวกเราเกิดเรื่องประเภทนี้ขึ้น เป็นความล้มเหลวในการจัดการของผมเอง ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
เจียงชื่อพูดว่า “พวกคุณแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม เฉินยู่คุณไปจัดการปัญหาของติงฉี่ซาน หยวนจื่อเหิง คุณไปจัดการกับเมิ่งเจี้ยนซู่”
“ครับ!”
“รับทราบครับ!”
ทั้งสองคนไม่พูดจาไร้สาระให้มากความ หลังจากได้รับคำสั่งแล้วก็หมุนตัวออกไปทันที ในบทที่จากไป ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความกลัวจนตัวสั่นของเฉินยู่
ทันใดนั้นเจียงชื่อก็นึกอะไรออกบางอย่าง เขาพูดสองคำข้างหูมู่หยางอี
มู่หยางอีพยักหน้าแล้วออกจากห้องทำงาน
…….
ในตอนนี้ ภายในคลับเฮ้าส์ที่มีแสงไฟนีออนกะพริบ เมิ่งเจี้ยนซู่และลูกชายเมิ่งจื้อติ้งกำลังร้องเพลงและดื่มอย่างมีความสุข พวกเขาแต่ละคนโอบกอดสาวสวยเซ็กซี่ร้อนแรงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมิ่งจื้อติ้งพูดว่า “พ่อครับ พ่อเดาว่าตอนนี้ตาแก่นั่นจะไปขอให้ใครช่วยเหลือได้หรือเปล่า?”
เมิ่งเจี้ยนซู่มีความสุข “ไม่ต้องสนใจหรอก ถึงแม้จะไปประจบประแจงขอร้องให้คนมาช่วยเรื่องนี้ สุดท้ายเดาได้เลยว่าไม่ได้มาสักหยวนหรอก เขาน่ะ ครั้งนี้จะต้องตายแน่ๆ”
“ฮ่าๆ มาครับ พ่อ พวกเรามาดื่มรวดเดียวให้หมดเลย”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังดื่มเหล้า ในระหว่างนั้นเองจู่ๆประตูของคลับเฮ้าส์ก็ถูกเตะออก
ตำรวจที่สวมเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งได้พุ่งพรวดเข้ามาล้อมทุกคนเอาไว้ในพื้นที่ โดยถือปืนเล็งเป้าไปที่เมิ่งเจี้ยนซู่และคนอื่นๆ
เมิ่งเจี้ยนซู่ตกใจจนกระโดดโหยง
“อย่าขยับ ทุกคนย่อตัวลงแล้วเอามือวางไว้บนหัว!”
ทุกคนไม่กล้าหายใจ แล้วนั่งยองๆลงไปทีละคน
เมิ่งเจี้ยนซู่เงยหน้าขึ้นมองแว็บหนึ่ง แล้วมองเห็นคนคุ้นเคย เขายิ้มร่าและพูดว่า “รองผู้บัญชาการหยวน ผมเองนะ เมิ่งเจี้ยนซู่ไง ครั้งก่อนพวกเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย คุณลืมไปแล้วเหรอ? วันนี้ผมออกมาร้องเพลง กินเหล้า นี่เกิดเรื่องใหญ่สินะ? พวกคุณถึงมากันเยอะขนาดนี้?”
หยวนจื่อเหิงพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องมาตีสนิทเลย เมิ่งเจี้ยนซู่ ขณะนี้ทางตำรวจตั้งข้อกล่าวหาคุณขโมยเงินบริษัทสามสิบล้านหยวน ปลอมแปลงบัตรเครดิตธนาคารและโยนความผิดให้กับผู้อื่น โปรดให้ความร่วมมือแล้วกลับไปกับพวกเราด้วย”
เมิ่งเจี้ยนซู่ตกตะลึง
แต่ละข้อของข้อกล่าวหาเหล่านี้ล้วนชัดเจนอย่างมาก ไม่มีข้อไหนที่ปรักปรำเขาเลย
แต่ว่าเขาไม่เข้าใจเลยว่า เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาออกแบบแผนการไว้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดแล้วทำไมถึงคลี่คลายคดีได้ล่ะ?
เป็นติงฉี่ซานที่คลี่คลายคดีงั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้ เขาจะเอาความสามารถมาจากที่ไหน
ยิ่งคิดเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งคิดไม่ออก เมิ่งเจี้ยนซู่ถูกใส่กุญแจทั้งสองมือและถูกตำรวจนำตัวไป
หยวนจื่อเหิงมองไปรอบๆสถานที่แล้วกล่าวเตือนว่า “พวกคุณเหล่านี้ก็ควรใส่ใจกับการกระทำของตนเอง”
“ถอนกำลัง”
หยวนจื่อเหิงนำฝูงชนจำนวนมากออกจากพื้นที่
…….
อีกด้านหนึ่ง ติงฉี่ซานกำลังขับรถไปบนถนนริมแม่น้ำพร้อมกับฟังเสียงเม็ดฝนที่ตกลงบนหลังคารถดังเปาะแปะ
หัวใจของเขาเย็นเยียบไปหมด
ยืมเงินไม่ได้ และไม่พบใครที่จะช่วยเขาได้เลยสักคน พอถึงรุ่งสางเขาจะต้องเข้าคุก
“ฉันไม่อยากติดคุก”
“ฉันไม่ยอม!”
ภายใต้ความสิ้นหวังและโดดเดี่ยว ติงฉี่ซานมองไปทางแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวอย่างโหดร้าย เขาผลักประตูรถแล้วเดินไปทางแม่น้ำ
ฝนตกลงมาบนใบหน้าที่สิ้นหวังและไร้ซึ่งความช่วยเหลือของเขา
“เมียและลูกสาวของฉัน ฉันขอโทษพวกเธอด้วยนะ”
“ฉันต้องไปก่อนแล้ว”
ติงฉี่ซานเดินไปถึงข้างแม่น้ำ น้ำได้ซัดเข้ามาทำให้รองเท้าของเขาเปียกโชก
ในบทที่เขาตั้งสติเตรียมพร้อมที่จะกระโดดลงไป ทันใดนั้น มีรถสองคันขับเข้ามา ไฟหน้ารถกระทบลงบนตัวของติงฉี่ซาน
หลังจากนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังออกมา
“ฉี่ซาน อย่าทำอะไรโง่ๆนะ!”
ติงฉี่ซานผงะทันที…เสียงนี้คือ…รองผู้อำนวยการ?”
เขาหันกลับมาแล้วเห็นเฉินยู่รองผู้บัญชาการสำนักทรัพยากรน้ำเดินเข้ามาหาเขา
เฉินยู่เดินมาพลางพูดว่า “เรื่องของคุณได้รับการตัดสินแล้ว เบื้องบนทำการตรวจสอบแน่ชัดแล้ว คุณไม่ได้ทำเงินสามสิบล้านหายไป แต่เป็นไอ้ชั่วเมิ่งเจี้ยนซู่นั่นถ่ายโอนเงินส่วนตัว บัตรเครดิตธนาคารที่เขาให้คุณใบนั้นไม่ใช่ของแผนกการเงิน คุณเป็นผู้บริสุทธิ์”
“ผม…คือผู้บริสุทธิ์เหรอครับ?”
ติงฉี่ซานไม่อยากจะเชื่อหูของเขาโดยสิ้นเชิง
หนี้ก็ชดใช้ไปแล้ว?
ทันใดนั้นแรงกดขนาดใหญ่บนไหล่ทั้งสองข้างก็หายไป ทั้งตัวราวกับถูกบีบจนแห้ง ใจเต้นตึกตักแล้วเขาก็อ่อนแรงลงไปบนพื้น
เฉินยู่เดินเข้ามากางร่มให้เขาแล้วก้มตัวลงพยุงเขาขึ้นมา
ติงฉี่ซานถามอย่างโง่ๆ “ผู้บัญชาการเฉิน คุณล้อผมเล่นหรือเปล่า?”
เฉินยู่พูดอย่างเคร่งเครียดว่า “เรื่องแบบนี้ผมจะล้อคุณเล่นได้ยังไง? คุณน่ะ เป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆที่ติดกับดักของเมิ่งเจี้ยงซู่ ตอนนี้องค์กรได้ตรวจสอบปัญหาทั้งหมดแล้ว คุณไม่เป็นไรแล้ว”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมไม่เป็นไรแล้ว!”
ติงฉี่ซานมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วกรีดร้องออก อารมณ์ที่เก็บกดมานานในที่สุดตอนนี้ก็ถูกปลดปล่อยออกมา
เขากอดแขนเฉินยู่ไว้แน่น “ขอบคุณครับ ขอบคุณผู้บัญชาการเฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เกรงว่าผมจะกระโดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตายไปแล้ว และตายอย่างไม่ชัดเจน”
เฉินยู่ยิ้ม “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นควรขอบคุณใครล่ะครับ?”
เฉินยู่กระแอมเล็กน้อย แล้วพูดตามคำพูดที่มู่หยางอีส่งให้เขาบทที่ใกล้จะกลับตั้งแต่จนจบว่า “คุณควรขอบคุณชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า “เจียงชื่อ” เป็นเขาที่พบสิ่งผิดปกติ แล้วแสวงหาหลักฐานอย่างกระตือรือร้นเพื่อช่วยตำรวจคลี่คลายคดี ทางผมยังเพิ่งมารู้ภายหลังนี้เอง”
สมองของติงฉี่ซานใกล้จะสับสนไปหมดแล้ว
“เจียง…ชื่อ???”