จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 339 ต้องซื้อในช่วงโปรโมชั่น
“โปรโมชั่นส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์?”
ในฐานะผู้หญิง เมื่อได้ยินคำว่าโปรโมชั่น ดวงตาก็จะเป็นประกายทันที
ไม่ว่าสถานภาพจะสูงศักดิ์เพียงใด ไม่ว่าวุฒิการศึกษาจะสูงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นคนมีคุณธรรมมากแค่ไหน ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงวันยังค่ำ และพวกเธอไม่มีภูมิต้านทานต่อคำว่าโปรโมชั่นอย่างแน่นอน
ติงเมิ่งเหยนมองดูรถคันเก่าของเธอ จากนั้นนึกถึงโปรโมชั่นที่พูดถึงนั้น
“ถ้าไม่ใช้ก็ถือว่าขาดทุนสินะ ไหน ๆ รถบ้านเราก็พังอยู่แล้ว เราถือโอกาสเปลี่ยนคันใหม่เลยก็ดีนะ”
“แต่ว่า รถคันใหม่ต้องใช้เงินเท่าไหร่ล่ะ?”
เจียงชื่อโบกมือ “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ช่วงนี้ผมเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ผมว่าน่าจะพอซื้อรถคันใหม่ได้แล้วล่ะ”
“แน่ใช่?”
“แน่สิ”
“งั้นครั้งนี้คุณควักเงินซื้อเองเลยนะ” มุมน่ารักใสซื่อของสาวน้อยติงเมิ่งเหยนคนนี้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ ดวงตาของเธอมองไปที่เจียงชื่ออย่างมีความสุข
“แน่นอนสิ ผมจ่ายเอง”
ทั้งสองตกลงกัน
และเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดังขึ้น ติงเมิ่งเหยนตื่นแต่เช้าเพื่อไปเตรียมตัว ปกติแล้วเธอจะชอบนอนตื่นสาย แต่วันนี้เธอกลับตื่นเช้าเป็นพิเศษ
เพราะว่าเธอตื่นเต้นกับการไปซื้อรถโปรโมชั่นนั้น
เธอลากเจียงชื่อลุกจากเตียงและช่วยเตรียมตัวให้เขา แม้แต่การแต่งตัวและกระทั่งป้อนข้าวให้เขา จากนั้นรีบขึ้นรถแท็กซี่ออกไปด้วยกัน
หลังลงจากรถที่หน้าร้าน 4S ติงเมิ่งเหยนก็รู้สึกตกตะลึงทันที
เธอมองไปที่รถสวยหรูที่จอดอยู่ตรงหน้าและได้แต่กลืนน้ำลายถามว่า “เจียงชื่อ นี่คุณพาฉันมาซื้อรถจริงเหรอ?”
เจียงชื่อมองที่อยู่แล้วพยักหน้าตอบ “ใช่ ที่นี่แหละ ทำไม? รถที่นี่ไม่ดีเหรอ?”
เหอะ ๆ!
ไม่ใช่ไม่ดีหรอกนะ แต่มันดีเกินไปต่างหาก!
เพราะรถที่นี่เป็นซูเปอร์คาร์ เป็นรถเฟอร์รารี่ทั้งนั้น
เมื่อคืนเจียงชื่อบอกว่าเขาจะเอาเงินเก็บมาซื้อรถ ติงเมิ่งเหยนจึงคิดว่าเจียงชื่อที่มีเงินเดือนแปดเก้าพัน เงินเก็บมากสุดก็คงมีไม่กี่หมื่น
และเงินเก็บที่มีก็คงซื้อได้แค่รถธรรมดาคันหนึ่งเท่านั้น
แล้วสุดท้ายเจียงชื่อกลับพาเธอมาที่ร้าน 4S ทำไม? มาซื้อรถเฟอร์รารีหรือ?
เงินเดือนแปดเก้าพันจะซื้อรถเฟอร์รารี?
ได้โปรดช่วยลืมตาดูหน่อย รถที่นี่ราคาประหยัดสุดก็คันละหลายล้านแล้ว ส่วนคันแพงหน่อยก็คันละหลายสิบล้าน แล้วเงินเดือนแปดเก้าพันอย่างคุณจะใช้เวลาเก็บเงินสักกี่ปีถึงจะซื้อได้แค่ยางรถ?
ติงเมิ่งเหยนกุมหน้าผากด้วยมือข้างเดียวของเธอ “เจียงชื่อ คุณแน่ใจว่าไม่ได้ล้อเล่นอยู่ใช้ไหม?”
เจียงชื่อพูดอย่างจริงจังว่า “ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ เพื่อนผมเชื่อใจได้ และบัตรส่วนลดนั้นก็ใช้ได้แน่นอน”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้!”
ติงเมิ่งเหยนขยับเข้าไปหาเจียงชื่อแล้วกระซิบพูดเบาๆ ว่า “รถที่นี่แพงเกินไป ต่อให้มีส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์มันก็เกินกำลังซื้อของเราอยู่ดี พอได้แล้ว เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ ไปซื้อรถเซียลี่หรือรถธรรมดายี่ห้ออื่นก็พอ”
เธอไม่เชื่อเลยว่าเจียงชื่อจะสามารถซื้อรถที่แพงขนาดนี้ได้ ดังนั้นเธอจึงจับมือเจียงชื่อและเตรียมจะออกไปจากที่นี่
ในขณะนี้ ชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาจากประตูและพบกับติงเมิ่งเหยนกับเจียงชื่อพอดี
พวกเขาต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่คาดคิด
“เมิ่งเหยน?”
“จื้อเหม่ย?”
คนตรงหน้าที่เดินเข้ามาคือเชี่ยจื้อเหม่ย รูมเมทของติงเมิ่งเหยนในสมัยเรียนมหาลัย นับตั้งแต่จบจากการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพวกเธอก็ไม่เคยได้เจอกันและไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ได้
แม้ทั้งสองจะยิ้มให้กัน ภายนอกอาจจะดูมีความสุขที่ได้เจอเพื่อนร่วมชั้นในสมัยเรียน แต่ในใจลึกๆ แล้วเกลียดกันมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ขาดการติดต่อนานขนาดนี้
เมื่อติงเมิ่งเหยนหันมองไปที่ชายที่ยืนอยู่ข้างเชี่ยจื้อเหม่ยเธอก็ตกตะลึงทันที เพราะชายคนนี้คือชายผู้ที่เคยตามจีบเธอมาตลอด