จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 349 เมื่อถึงสามครั้งก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
ตรงหน้าปากซอยนั้น มีเด็กอายุราวเจ็ดถึงแปดขวบสองคนได้ทำการตรวจเช็คร่างกายของเจียงชื่อ ทั้งสองไม่อนุญาตให้เขานำโทรศัพท์หรือสิ่งของอื่นๆ เข้าไปแม้แต่ชิ้นเดียว
หลังจากตรวจเสร็จแล้วเจียงชื่อก็เดินเข้าไปในซอยนั้น
เขาเดินตามคำแนะนำจนสุดทางและได้มาถึงบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง
นี่ควรจะเป็นที่ที่ศัตรูซ่อนตัวสินะ?
การนับพบในสถานที่แบบนี้ ถ้าศัตรูได้วางแผนซุ่มโจมตีไว้ล่วงหน้า คนธรรมดาทั่วไปต้องถูกจัดการอย่างง่ายดายและจะไม่ถูกใครสังเกตเห็นอย่างแน่นอน
แต่ไม่ใช่สำหรับเจียงชื่อ
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผลักประตูเข้าไป
เดิมทีคิดว่าคงต้องมีมีดพร้ากับท่อนเหล็กมาต้อนรับเขา หรือไม่ก็ต้องมีชายฉกรรจ์นับสิบคนรอเขาอยู่ในบ้านอย่างแน่นอน
แต่ที่ไหนได้……
ข้างในบ้านกลับมีเพียงหญิงชราคนหนึ่งที่ดูแล้วอายุไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบปีกำลังถักเสื้อไหมพรมอยู่!
เจียงชื่อได้แต่ขมวดคิ้วและสงสัยว่าพวกเขาคิดทำอะไรกันแน่?
สองครั้งแล้วที่ทำให้เขาผิดหวัง ซึ่งก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา
หญิงชราคนนั้นหยุดถักเสื้อแล้วชี้ไปที่ประตูบานเล็กและพูดเบาๆ ว่า “ไปที่ประตูหลังสิ มีคนรอรับคุณอยู่”
เจียงชื่อไม่ได้พูดอะไรและเดินผลักประตูออกไปทันที เมื่อออกไปแล้วเขาก็เห็นรถสามล้อไฟฟ้าจอดอยู่ตรงหน้าประตู
พวกศัตรูจัดเตรียมได้อย่างน่าสนใจดีนะ
เจียงชื่อระงับความโกรธแล้วขึ้นรถสามล้อนั้นจากไปอีกครั้ง
ภายในห้องมืดเล็กๆ นั้น
ซุนหย่งเจินถึงกับเกาหัวแล้วพูดว่า “น้องชาย เองคิดทำอะไรอีก? สถานที่ซุ่มโจมตีที่ดีขนาดนี้ ทำไมเองไม่ส่งคนไปฆ่ามันเลยล่ะ? แล้วจะยุ่งยากอะไรอีก มันจะไม่น่ารำคาญไปหน่อยเหรอ?”
ซุนจ้ายเย้นกลอกตาใส่
“มันสมองโง่ๆ ของคุณก็แค่รู้จักการซุ่มโจมตีอย่างเดียว”
“ผมตรวจสอบความสามารถของเจียงชื่อแล้ว เขาไม่ได้จัดการง่ายๆ หรอก อีกอย่างลูกสมุนของเขาสามารถตามเขามาถึงซอยนี้ได้จากตำแหน่งของโทรศัพท์ของเขา มันง่ายที่จะให้พวกเขาพบเจอและกำจัดทุกคนที่ซุ่มโจมตี”
ซุนจ้ายเย้นมองไปที่หน้าจอแล้วยิ้มพูดต่อ “ยังมีอีกหนึ่งประโยคที่เรียกว่า ‘ตีกลองครั้งแรกมักจะเต็มไปด้วยพละกำลัง แต่ครั้งที่สองจะอ่อนแรงลง ส่วนครั้งที่สามแรงก็จะหมดไป’ เจียงชื่อก็เช่นกัน ครั้งแรกที่ไปโรงแรมเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความตั้งใจ แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เพราะถูกโยนลงในอ่างน้ำเย็น และครั้งที่สองในการมากระท่อมเพียงคนเดียว เขาก็ยังเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง”
“ความปรารถนาในการต่อสู้ของมนุษย์นั้นย่อมมีขีดจำกัด เมื่อต้องผิดหวังหลายต่อหลายครั้ง ไฟแห่งความโกรธก็จะถูกดับไป และสุดท้ายก็ขาดสติวิจารณญาณของเขา”
“ตอนนี้ในใจของเจียงชื่อเหลือแต่ความใจร้อนเท่านั้น”
“หลังจากผิดหวังไปสองครั้ง ตอนนี้เจียงชื่อหมดความปรารถนาในการต่อสู้แล้ว รวมไปถึงอุปกรณ์กำหนดตำแหน่งของเขาถูกนำออกไป ตอนนี้เขาเป็นได้แค่ลูกไก่ในกำมือและสามารถถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ”
ซุนหย่งเจินไม่ได้รู้สึกอะไร และยังรู้สึกว่าซุนจ้ายเย้นกำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่
แต่ซีเหมินจุ้นที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับฟังแล้วรู้สึกน่าทึ่ง
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเขาเป็นผู้บงการ ครั้งที่สองเขาคงเลือกลงมือไปและไม่คิดว่าเจียงชื่อจะทำการตอบโต้ได้อย่างแน่นอน!
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ซีเหมินจุ้นต้องพ่ายแพ้ให้กับเจียงชื่อมาตลอด
เมื่อเทียบกับซุนจ้ายเย้น
ถึงแม้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เขายังเลือกที่จะใจเย็นและปิดทุกโอกาสในการตอบโต้ของศัตรู ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายและจิตใจ ทุกอย่างจัดการได้อย่างรอบคอบ
เจียงชื่อในขณะนี้คงจะขาดสติและกระวนกระวายเหมือนมดที่เดินเข้าไปในหม้อไฟไปแล้ว
อย่างที่ซุนจ้ายเย้นพูด
เจียงชื่อในตอนนี้สามารถถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ
ซีเหมินจุ้น แอบชื่นชมในใจ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์หรือการวางแผน ซุนจ้ายเย้นนั้นเหนือชั้นจริงๆ!
กริ๊ง~~
ไฟสีแดงบนหน้าจอสว่างขึ้น และประตูเหล็กบานใหญ่ก็ค่อยๆ เปิดออก
ซุนจ้ายเย้นพูดโดยไม่หันกลับไปมอง “เหยื่อติดกับแล้ว ซีเหมิน คุณไปเก็บตาข่ายได้แล้ว”