จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 396 นักแข่งมืออาชีพ
ขณะที่รถแล่นไปถึงครึ่งทาง เจียนจือซังเหลือบมองที่กระจกหลังและเห็นรถเฟอร์รารี่กำลังไล่ตามมาอย่าติดๆ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
“เหอะๆ ไอ้หมาบ้า”
“กล้าไล่ตามมาได้ไง? ไม่ดูสภาพตัวเอง”
จากนั้นเขาเหยียบคันเร่งอย่างหนัก ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน และทิ้งรถเฟอร์รารี่ไว้ข้างหลัง
เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นถึงนักขับ F1 มืออาชีพ แต่นักขับที่เจียนจือซังกับเจียงชื่อต่างเคยพบเจอกันมานั้นระดับมันต่างจากครั้งนี้ ซึ่งบนเส้นทางตรงนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจียนจือซังเลย
แม้กระทั่งการเข้าโค้งเขาแทบจะเข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบแล้ว
รวมไปถึงสมรรถนะระดับสุดยอดของรถลัมโบร์กีนี จึงทำให้เจียนจือซังทิ้งห่างมาตลอดทั้งทาง และดูเหมือนว่าไม่มีวี่แววว่าจะตามทัน
ด้านหลังรถ
หลินเจียหรงส่ายหัวอย่างไม่หยุด “หมอเทวดาเจียง ช่างมันเถอะครับ? ถึงแม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณจะดีมาก แต่มันไม่เกี่ยวกับการขับรถนะครับ เพราะเขาเป็นถึงนักขับมืออาชีพนะ ปล่อยเขาไปเถอะครับ?”
ในด้านหนึ่ง หลินเจียหรงรู้ว่าเจียงชื่อไม่มีทางแข่งกับคนอื่นเขาได้
แต่ในอีกด้านหลินเจียหรงยิ่งกลัวว่าเจียงชื่อจะใจร้อนแล้วทำอะไรไม่คิด
เพราะในตอนนี้พวกเขากำลังเร่งความเร็วอยู่บนถนนทางด่วน และถ้าหากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในการเคลื่อนไหวที่เร็วขนาดนี้ เชื่อว่าผลลัพธ์มันจะน่ากลัวจนไม่กล้าคิด
รถชนจนพังยับหรือเสียชีวิต นั่นเป็นเพียงเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตาเท่านั้น
ดังนั้นหลินเจียหรงจึงกลัวมาก เขาอดไม่ได้ที่จะขึ้นไปคว้าพวงมาลัยแล้วบังคับให้เจียงชื่อหยุดรถ
แต่เขาไม่กล้าทำอย่างนั้น
เพราะถ้าหากแตะต้องพวงมาลัยเพียงเล็กน้อย อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
สถานการณ์ยังคงเป็นเหมือนเดิม และระยะห่างระหว่างรถทั้งสองคันแทบไม่เปลี่ยนแปลง
เจียนจือซังที่ขับนำอยู่ก็ค่อนข้างแปลกใจ
ความจริงเขาใช้ทักษะการแข่งรถ F1 มามากแล้ว ถ้าหากเป็นคนขับทั่วไปคงทิ้งห่างจนไม่เห็นไฟท้ายกันแล้วด้วยซ้ำ
แต่เจียงชื่อกลับตามมาอย่างไม่เลิกรา แสดงว่าเขาก็มีทักษะการขับรถในระดับหนึ่งเหมือนกัน
“เหอะๆ เจ้าหนู ใช้ได้นี่นา”
“แต่อย่าเอางานอดิเรกมาวัดกับอาชีพพี่สิ!”
“เพราะแก ยังไม่มีสิทธิ์มาแข่งกับพี่”
เจียนจือซังสีหน้าจริงจังและใช้ทักษะมากขึ้น เมื่อเห็นด้านหน้าเป็นทางโค้ง เขาจึงใช้ความเร็วในการทิ้งห่างช่องว่าง เมื่อมองไปด้านหนังอีกครั้ง รถเฟอร์รารี่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะตามทันอีก
ซึ่งประสิทธิภาพรถของรถเฟอร์รารี่กับรถลัมโบร์กีนีนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นประสิทธิภาพในทางตรงจึงวัดกันด้วยฝีมือได้ยาก เพียงแค่เหยียบคันเร่งให้มิดก็เพียงพอ
และถ้าหากจะชึ้ชะตาผู้แพ้หรือผู้ชนะ คงต้องวัดกันที่ทักษะในการเข้าโค้งเท่านั้น
เมื่อดูจากเรื่องนี้แล้วเจียนจือซังจะเป็นผู้เชี่ยวชาญมากกว่า เจียงชื่อเป็นเพียงมือสมัครเล่น และทุกๆ การเข้าโค้งเขาดูเหมือน0tช้าลง และระยะของรถก็ทิ้งห่างกันไปเรื่อยๆ
เจียนจือซังยิ้มพูดอย่างเยาะเย้ย “ไอ้ขยะ กล้ามาแข่งกับพี่? ไม่ดูตัวเองซะเลย?”
ด้านหลังรถ
หลินเจียหรงที่เห็นรถคันหน้าทิ้งห่างไปเรื่อยๆ เขาจึงถอนหายใจและคิดว่าเจียงชื่อคงจะถอดใจแล้ว เพราะหลายๆ โค้งผ่านไป ทุกครั้งเจียงชื่อก็ดูเหมือนจะสู้คนอื่นเขาไม่ได้ คงไม่จำเป็นต้องแข่งกันต่ออีกแล้ว
แต่เจียงชื่อหรี่ตาลงแล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณหลินครับ จับแน่นๆ นะครับ โค้งหน้าผมจะแซงเขาแล้วนะ”
“ไงนะ?”
หลินเจียหรงถึงกับทำหน้าทึ่ง นี่มันเล่นตลกระดับนานาชาติอะไรเนี่ย?
จะแซง?
ไล่ให้ทันก็พอแล้ว ยังคิดจะแซงอีก?
จากนั้นเขาเห็นเพียงเจียงชื่อเหยียบคันเร่งอีกครั้ง รถเฟอร์รารี่ก็พุ่งออกไปเหมือนติดจรวดและระยะก็ทิ้งห่างกันสั้นลงเรื่อยๆ
เจียนจือซังรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย “ไอ้หมอนี่ ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ? เอาสิ โค้งหน้าเดี๋ยวพี่จะสอนวิธีการเป็นคนให้แกเอง”
เขาหมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วและใช้ทักษะการเข้าโค้งที่ยอดเยี่ยมมาก
แต่……
ผลลัพธ์ในครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง