จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 408 ฮีโร่นับถือฮีโร่
หยางเมิ่นหยุนมองอย่างมัวเมา หยางจุนเทียนที่อยู่ข้างๆ กำหมัดแน่นอย่างเกลียดชัง ความเกลียดชังที่มีต่อเจียงชื่อนั้นฝังลึกยิ่งขึ้น
เขาจ้องไปที่ รถเฟอร์รารี่ 458 ความอิจฉาริษยาท่วมท้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
แต่หยางเมิ่นหยุนกลับพูดกับเขาไม่หยุด “จุนเทียนคุณเห็นไหม เทคนิคการดริฟท์เข้าโค้งที่เจียงชื่อใช้ ก็คือ STUNT ที่ฉันเคยบอกคุณก่อนหน้านี้”
“ก่อนหน้านี้ฉันยังคิดว่าคนที่ขับรถคือคุณ เข้าใจผิดว่าคุณเชี่ยวชาญทักษะนี้ ฮ่าฮ่า โวยวายปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลย”
“ที่แท้ คนที่เก่งกาจจริงๆ คือเจียงชื่อต่างหาก”
หยางจุนเทียนเหมือนถูกระเบิดหมื่นลูกโจมตี
ผู้ชายทั่วไปส่วนใหญ่ได้ยินคำพูดนี้ล้วนต้องกระอักเลือด นับประสาอะไรกับหยางจุนเทียนชายที่แสนจะทระนงตนคนนี้กันล่ะ
และที่สำคัญกว่านั้น คำพูดนี้ยังออกมาจากปากของหยางเมิ่นหยุนอีก
หยางเมิ่นหยุน ผู้หญิงที่หยางจุนเทียนรัก ผู้หญิงที่ตัวเองรักบอกว่าตัวเองด้อยกว่าผู้ชายคนอื่น? ฮ่าฮ่า ถ้าสามารถทนได้ หยางจุนเทียนก็ไม่ใช่ผู้ชายอีกต่อไปแล้ว
เขารู้สึกว่าหน้าอกถูกความโกรธแผดเผา
มองไปยังสนามอีกครั้ง หลังจากผ่านโค้งแรกไป 458 ก็ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
แต่เนื่องจากช่องว่างด้านสมรรถนะของรถ รถลัมโบร์กีนี ข้างหลังเขายังคงกัดไม่ปล่อย วินาทีเดียวก็ไม่กล้าผ่อน เป็นไปได้ที่จะแซงได้ทุกขณะ
ปัญหาคือ มันมีโค้งที่สอง ที่สาม และโค้งที่สี่ตามมา
หลังจากผ่านหลายโค้งติดต่อกัน รถเฟอร์รารี่ 458 ก็ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น เมื่อมองไปยัง รถลัมโบร์กีนี อีกครั้ง แม้แต่ไฟท้ายของอีกฝ่ายก็มองไม่เห็นเสียแล้ว
ต้องเข้าใจด้วยว่าสถานการณ์นี้เจียงชื่อยังใช้แค่มือเดียว แถมยังเป็นรถเก่าอีกด้วย
ถ้าเจียงชื่อคลายออกมาขับรถในสภาพพร้อมสูงสุด เกรงว่าคงสามารถเหวี่ยงจู้หมิงทิ้งได้ตั้งแต่เริ่ม
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจ ว่าทำไมเจียงชื่อถึงบ้าระห่ำขนาดนั้น
บ้าระห่ำ บ้าระห่ำสุดยอด
หากพวกเขามีทักษะการขับที่เก่งกาจเช่นนี้ เกรงว่าจะบ้ายิ่งกว่าเจียงชื่อเสียอีก
การแข่งขันที่เหลือไม่ต้องลุ้นอีกแล้ว
เจียงชื่อพุ่งเข้าเส้นชัยด้วยการเป็นผู้นำโดยเด็ดขาด ส่วน รถลัมโบร์กีนี สุดท้ายก็ยอมแพ้ ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าเส้นชัยไป
เมื่อลงจากรถมา ความผิดหวังอย่างแรงฉายชัดในสีหน้าของจู้หมิง
อีกฝ่ายต่อให้เขามากขนาดนี้ ปรากฏว่าเขาก็ยังแพ้ แถมยังแพ้อย่างราบคาบ คิดว่าตัวเองมีทักษะฝีมือการขับเป็นอันดับสองของประเทศ ตอนนี้เพิ่งตระหนักได้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือคนยังมีคน
ถ้าบอกว่ายังมีใครที่จะเอาชนะเจียงชื่อได้ เกรงว่าจะมีเพียงชายที่ขึ้นชื่อว่า “นักแข่งรถที่แข็งแกร่งที่สุด” ของ รถลัมโบร์กีนี คนนั้น
จู้หมิงเดินไปตรงหน้าเจียงชื่อ แม้ว่ากำลังอารมณ์เสีย แต่เขายินดีเดิมพันก็ยอมรับความพ่ายแพ้
ในฐานะนักแข่งรถ เครดิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เขายื่นมือออกไปให้เจียงชื่อก่อน “ฉันแพ้แล้ว”
เจียงชื่อยื่นมือไปจับมือกับเขา และเอ่ยขอโทษก่อน “เกี่ยวกับเรื่องของพ่อนาย ฉันก็ต้องขอโทษนายเหมือนกัน ฉันทำเกินไปหน่อย”
จู้หมิงหัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง “ที่จริงพ่อฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่รับไม่ได้น่ะ เขาสู้กับหลินเจียหรงมาทั้งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่พ่ายแพ้ย่อยยับ ดังนั้นฉันถึงได้มาที่นี่เพื่อมากู้หน้าให้เขา เฮ้อ ใครจะรู้ว่าฉันฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ กลับไปนี่ถ้าให้พ่อรู้เข้า ฉันคงต้องได้หยุดพักยาวเลยล่ะ”
เรียกได้ว่า แม้จู้หมิงจะทระนงตน แต่ก็มีนิสัยร่าเริง แพ้ก็คือแพ้ ไม่มีการงอแงใดๆ
กับคนที่เก่งกว่าเขา จู้หมิงไม่เคยพูดไร้สาระ
เช่นเดียวกับเจียงชื่อ และผู้ชายคนนั้นก็เช่นเดียวกัน