จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 489 เก็บใส่ถุง
พนักงานตกใจกลัวจนรีบเข้ามาคุกเข่าขอความเมตตา
“พอ พอเถอะครับ”
“ผมไม่เก็บเงินสักหยวนแล้วครับ ได้ไหมครับ?”
เจียงชื่อส่ายหัว “ได้ไงล่ะ? ผมไม่ใช่คนจำพวกกินแล้วชักดาบนะ กินเสร็จไม่จ่ายตังแบบนี้ ผมทำไมได้หรอก”
พนักงานถึงกับพูดไม่ออก
อาชีพการเปิดร้านอาหารต้มตุ๋นอย่างเขา กลัวคนที่มีอิทธิพลและยังไม่มีเหตุผลมากที่สุด
ถ้าร้านอาหารโกงลูกค้าได้ ลูกค้าก็โกงร้านอาหารได้เช่นกัน
เจียงชื่อแข็งแกร่งกว่ารปภ.ทุกคนในร้าน ที่มากไปกว่านั้น เขายังไม่พูดกับคนอื่นด้วย ‘เหตุผล’ เมื่อต้องเจอกับลูกค้าแบบนี้ เจ้าของร้านจึงทำได้เพียงทำใจเท่านั้น
จากนั้นพนักงานพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “คือว่า กุ้งหม้อละชุดครับ คิดเป็นชุดละ 178 หยวน เมื่อกี้คุณจ่ายมาพันกว่าหยวน มันมากพอแล้วครับ”
คำพูดนี้ทำให้ลูกค้าคนอื่นในร้านอาหารถึงกับหัวเราะออกมา
ร้านอาหารใจดำร้านนี้ในที่สุดก็มี ‘จิตสำนึก’ แล้ว กุ้งอบน้ำมันหม้อใหญ่ขนาดนี้ แต่ขายเพียง 178 หยวนเท่านั้น มันช่างเป็นราคาที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีก
แต่ช่วยไม่ได้ ถ้าเขายังไม่ยอมลดราคาและปล่อยให้เจียงชื่อ ‘จ่ายบิล’ นี้จนหมด เกรงว่ารปภ.ร้านเขาต้องตายกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน!
เจียงชื่อได้ของถูกแถมยังได้สั่งสอนคนอื่นด้วย
“จริงเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้น คุณทอนเงินให้ผมด้วยสิ”
พนักงานถึงกับอึ้งไป “ทอนเงิน?”
ทอนเงินอะไรของเขา?
เจียงชื่อพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ก็คุณบอกว่าชุดละ 178 หยวน? ผมจ่ายไปเป็นพันแล้วนะ ตามเหตุผลแล้ว คุณไม่ต้องทอนเงินให้ผมเหรอ?”
นี่มัน……
พนักงานร้านเคยเห็นคนที่ไร้เหตุผลมากก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครที่ไร้เหตุผลขนาดนี้มาก่อน
คุณมากินข้าวร้านเขา คุณไม่จ่ายเงินสักบาทและยังอัดพนักงานทุกคนในร้าน แถมยังขอเงินทอนกับคนอื่นด้วย?
พนักงานเหมือนคนใบ้ที่กินอึ่งโน้ย ขมแต่พูดไม่ออก
“ครับ ทอนเงิน ผมจะทอนเงินให้ครับ”
พนักงานก็หยิบเงินสดออกมาหนึ่งพันหยวนแล้วยื่นให้กับเจียงชื่ออย่างเชื่อฟัง “นี่ครับ เงินทอนหนึ่งพันที่คุณจ่ายเกินมาครับ”
เจียงชื่อก็รับเงินนั้นอย่างไม่เกรงใจ
จากนั้นเขาชี้ไปที่กุ้งที่เหลือนั่นและพูดว่า “เอาที่เหลือใส่ถุงให้ผมด้วยนะ ผมไม่ใช่คนที่กินทิ้งกินขว้าง”
มันจะมากเกินไปไหม!
พนักงานกัดฟันแล้วหยิบกล่องบรรจุภัณฑ์ออกมา จากนั้นห่อกุ้งที่เหลือทั้งหมดแล้วยื่นให้กับเจียงชื่อ
เขาทำงานในร้านนี้มาสี่ห้าปีแล้ว เขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าโกงลูกค้าต่างถิ่นกับนักท่องเที่ยวไปเท่าไหร่ ทุกครั้งที่โกงมันล้วนเป็นกำไรอันมหาศาล แต่ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับคนอย่างเจียงชื่อ คนที่มีอิทธิพลความสามารถและยังไม่พูดเหตุผลด้วย
วันนี้เขาทำอะไรไม่ได้จริงๆ
เจียงชื่อถือกล่องอาหารแล้วยิ้มพูดว่า “ดีมาก พนักงานร้านนี้บริการดีจริงๆ เดี๋ยวผมเสร็จธุระแล้ว ถ้ามีเวลา ผมจะกลับมากินข้าวที่ร้านคุณอีกนะ!”
ยังจะมาอีกเหรอ?
พนักงานกลัวจนแทบฉี่ราดแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะไล่คนเฮงซวยคนนี้ออกไปทันทีและหวังว่าเขาจะไม่กลับมาอีก
จากนั้นเจียงชื่อส่งสายตาให้กับซินยุ่นและทั้งสองก็ออกจากร้านอาหารนี้
หลังเดินออกจากประตู
ซินยุ่นถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดว่า “เจียงชื่อ ต้องขอบคุณคุณอีกครั้งนะ ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันคงต้องเสียเงินให้กับพวกมันเป็นหมื่นแล้วล่ะ”
จากนั้นเธอถามต่อว่า “จริงด้วยสิ คุณกลับมาแล้ว แล้วพ่อฉันล่ะ?”
เจียงชื่อชี้ไปที่รถสปอร์ตเปิดประทุนที่จอดอยู่ข้างถนน
ซินยุ่นก็หันมองตามไปและเธอก็เห็นซินจื่อหมินที่นั่งอยู่ด้านหลังที่นั่งคนขับแล้วมองดูเธอด้วยรอยยิ้ม
“พ่อ!”
ซินยุ่นวิ่งเข้าไปแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พ่อคะ พ่อไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ซินจื่อหมินยิ้มจางๆ และตอบเธอว่า “เหตุการณ์ร้ายแรงอยู่นะ แต่พ่อไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย ต้องขอบคุณเจียงชื่อที่มาช่วยพ่อ ไม่อย่างนั้นชีวิตของพ่อต้องจบที่หนานเฉิงแล้วล่ะ มาสิ ขึ้นรถเร็วเข้า”
รถ?
ในเวลานี้ ซินยุ่นถึงจะสังเกตเห็นรถเปิดประทุนมูลค่าหลายล้านที่จอดอยู่ตรงหน้าเธอคันนี้
“พ่อคะ นี่รถใครเหรอ?”
“คนอื่นเขาให้มาน่ะ”
“ใครให้?”
“ก็พวกที่ลักพาตัวพ่อไง”