จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 494 สินค้าปลอม
เจียงชื่อยิ้มพูดอย่างเย้ยหยันว่า “หมายความว่า ผมจะเอาสร้อยคอเส้นนี้ไงครับ”
“แกจะเอา?” สือเหวินปิ่งหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง “ไอ้หนู ตักน้ำใส่กะโหลก แล้วชะโงกดูเงาบ้างนะ!”
จากนั้นเขายกมือขึ้นแล้วพูดว่า “เจ็ดล้าน ผมให้เจ็ดล้าน”
เจียงชื่อตอบทันที “แปดล้าน!”
ราคาสร้อยคอเส้นหนึ่งพุ่งถึงแปดล้าน เป็นตัวเลขที่น่าตกจริงๆ บอกตามตรงเลยว่ามันเกินความคาดหมายไปแล้ว
สือเหวินปิ่งได้แต่แสดงสีหน้าไม่พอใจ “ไอ้หนู มึงแมร่งหาที่ตายใช่ไหม? ตั้งใจท้าทายกูงั้นเหรอ?”
เจียงชื่อหงายมือสองข้างออก “เก่งจริงก็ตามราคาผมสิ หรือว่าตระกูลสือของพวกคุณเก่งแต่ปาก? ความจริงแล้วขัดสนจนเห็นไส้”
“พล่ามอะไรของมึง” สือเหวินปิ่งเพิ่มราคาทันที “ผมให้สิบล้าน!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เจียงชื่อก็ตอบสนองทันที “สิบสองล้าน!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ราคาของเจียงชื่อก็จะสูงกว่าของสือเหวินปิ่ง
และในเวลานี้ สือเหวินปิ่งเริ่มไม่เต็มใจแล้ว สร้อยคอหยกเส้นหนึ่งราคาสิบสองล้าน? มันจะเกินราคาไปหน่อยไหม?
เขาในตอนนี้เริ่มรู้สึกท้อ
แต่เจียงชื่อพูดอย่างเย้ยหยันว่า “คุณบอกเองว่าสร้อยคอเส้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ควรที่จะมอบให้กับคนรัก เหอะๆ ที่แท้ความรักของพวกคุณมันน่าสมเพชจริงๆ แล้วยังจะซื้อสร้อยคอหยกทำไมกัน? ผมว่านะ คุณไปซื้อสร้อยคอตะกรันแก้วดีกว่า”
สือเหวินปิ่งกัดฟันพูด “เจียงชื่อ แกตั้งใจจะหาเรื่องใช่ไหม? ข้าจะเตือนแกก่อนนะ ทำให้ข้าโกรธขึ้นมามันจบไม่สวยสักคนหรอก” “จริงเหรอ? ผมก็จะรู้เหมือนกันนะว่าคุณจะทำอะไรได้?” ความโกรธของสือเหวินปิ่งได้ปะทุถึงสุดขีด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้เขาจะครอบครองสร้อยคอเส้นนี้ให้ได้!
“สิบสามล้าน!”
สือเหวินปิ่งเพิ่มราคาอีกครั้ง
เจียงชื่อก็ยิ้มออกมา “ชักช้าอยู่ได้ สงสัยตระกูลสือของคุณมันจนจริงๆ สินะ?”
จากนั้นเขายกมือขึ้นแล้วให้สัญญาณ “ผมให้สิบห้าล้าน”
สือเหวินปิ่งตะโกนออกมาอย่างเสียงดังว่า “แมร่งเอ๊ย กูให้ยี่สิบล้าน!!!”
สร้อยคอหยกราคาเริ่มต้นที่สามล้าน แต่พุ่งไปถึงยี่สิบล้านในเวลานี้ ซึ่งมันก็เกินราคาต้นทุนไปอย่างมหาศาลแล้ว บอกได้คำเดียวว่าไม่คุ้มเลย
แต่เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อสิ่งที่เขาเรียกว่าความรัก สือเหวินปิ่งยอมกัดฟันสู้
และในเวลานี้ เจียงชื่อก็พอใจกับราคานี้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงถอนตัวจากการประมูลสร้อยคอชิ้นนี้
“สร้อยคอหยกเส้นหนึ่งคุณให้ถึงยี่สิบล้าน อื้ม คุณสุดยอดมาก ผมไม่ขอตามแล้ว”
สือเหวินปิ่งถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหัวเราะเยาะว่า “ไอ้หนู รู้จักพี่แล้วใช่ไหม? อย่ามาอวดรวยกับตระกูลสือของเราอีกนะ เพราะนายมันก็แค่ไอ้กระจอก ไม่ดูสารรูปตัวเอง!”
เจียงชื่อยิ้มตอบว่า “ใช่ครับ ความมั่งคั่งของตระกูลสือนั้นน่าทึ่งจริงๆ ถึงขั้นใช้เงินยี่สิบล้านเพื่อซื้อสร้อยคอของปลอม ผมก็ไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ หรือว่ามันบ่งบอกถึงความรักของพวกคุณก็เป็นของปลอมเช่นกัน?”
สือเหวินปิ่งพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แกมันก็แค่กินองุ่นบนต้นไม่ถึง แล้วเที่ยวพูดว่าองุ่นมันเปรี้ยวไง”
จากนั้นเขาปรบมือแล้วพูดว่า “คุณพิธีกรครับ ผมขอผู้เชี่ยวชาญช่วยมาประเมินความบริสุทธิ์ของสร้อยหยกเส้นนี้หน่อยครับ”
พิธีกรพยักหน้าตอบ “ได้ครับ”
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินได้มาถึงที่เพื่อประเมินสร้อยคอหยกที่สือเหวินปิ่งใช้เงินยี่สิบล้านในการประมูลมา
ในช่วงเวลาที่รอผลนั้น สือเหวินปิ่งก็มองไปที่เจียงชื่ออย่างเย็นชา “ไอ้หนู รอดูผลประเมินได้เลยนะ จะคอยดูว่าแกจะทำหน้ายังไง”
“กล้าบอกว่าของที่ข้าซื้อเป็นของปลอม? อย่างแกจะไปรู้อะไร”
เจียงชื่อได้แต่ยิ้มตอบ
หลังจากอดทนรอจนเกือบสิบนาที ในที่สุดผลประเมินก็ออกมา
ผู้เชี่ยวชาญพูดอย่างระมัดระวังว่า “จากการประเมินความบริสุทธิ์อย่างละเอียดของผมแล้ว สร้อยคอเส้นนี้เป็นหยกของแท้ครับ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสือเหวินปิ่งทันที
“แต่ว่า! สร้อยคอเส้นนี้ได้ทำการแปรรูปมาจากเศษหยกหลายๆ ชิ้น ตามมูลค่าของมันแล้ว ราคาไม่เกินห้าหมื่นครับ”