จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 511 ขาดสติสัมปชัญญะ
หลังจากที่เจียงชื่อดื่มไวน์เข้าไปแก้วหนึ่ง เขามองไปที่เหยาฮังแล้วจงใจพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมชอบการบริการของที่นี่มาก มันมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับที่อื่น ทุกครั้งที่ผมมากินข้าวที่นี่ ผมจะรู้สึกประทับใจมาก มันหาไม่ได้จากที่ไหนอีก บางที นี่อาจเป็นจุดเด่นของหนานเฉิงเลยก็ได้?”
เมื่อเหยาฮังได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขาพูดไม่ออก
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนอื่นพูดว่าร้านอาหารมิจฉาชีพเป็นจุดเด่น
อันที่จริงแล้ว มันเป็นจุดเด่นมาก ไม่ใช่แค่ในหนานเฉิงเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเด่นของทั้งประเทศอีกด้วย กระทั่งที่เดียวในโลกก็ว่าได้?
เกลือ คิดราคาเป็นเม็ด ฮ่าๆ โลกนี้มันช่างอัศจรรย์จริงๆ วันนี้ถือว่าได้ประสบการณ์ใหม่จริงๆ
เหยาฮังแอบดูถูกเจียงชื่อในใจ
และคิดในใจว่าเขาคนนี้มีปัญหาทางสมองใช่ไหม? หรือว่า คนรวยอย่างพวกเขาชอบเอาเงินมาทิ้งขว้างแบบนี้?
ในขณะนั้น เจียงชื่อถามขึ้นว่า “คุณเหยา คุณดูเหมือนลำบากใจนะครับ หรือว่า มื้อนี้ให้ผมเป็นคนเลี้ยงดีกว่า?”
“ไม่ๆ ๆ ให้คุณเลี้ยงได้ไง?”
แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว!
ถ้าให้เจียงชื่อเป็นคนจ่าย แล้วจะเป็นเพื่อนกันต่อยังไง อีกอย่างมันจะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงก็ได้ แล้วเขาจะมีโอกาสลงมือกับเจียงชื่อได้อย่างไร?
เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์การเป็น ‘เพื่อนที่ดี’ กับเจียงชื่อ เขาไม่มีทางเลือก นอกจากแสร้งทำเป็นซื้อใจ
เขามองไปที่พนักงานด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก แต่สุดท้ายก็หยิบบัตรเครดิตออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“รูดบัตร!”
“โอเคครับ รอสักครู่นะครับ”
พนักงานรับบัตรธนาคารไปอย่างรวดเร็ว หลังจากรูดบัตรแล้วเขาก็พูดว่า “รบกวนใส่รหัสผ่านด้วยครับ”
เหยาฮังใส่รหัสผ่านด้วยมือที่สั่นเทา ในขณะที่ใส่รหัสผ่านไปด้วยเขาก็แอบสาปแช่งในใจไปด้วย
และเจียงชื่อในขณะนี้ เขากลับจิบไวน์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย ซินยุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับสับสน ในความเป็นจริงแล้ว การที่เราจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ มันควรปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างจริงใจไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไม เจียงชื่อถึงจงใจทำอย่างนั้นกับเพื่อนใหม่ด้วย?
หรือว่าเจียงชื่อกำลังทดสอบเพื่อนใหม่?
ในใจของซินยุ่นเต็มไปด้วยความสงสัย ด้วยความไร้เดียงสาของเธอ เธอไม่มีทางมองเห็นด้านมืดของเหยาฮังอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงมองว่าเหยาฮังเป็นมิตรสหายที่ดีและยังเป็นคนที่ต้อนรับขับสู้ด้วย
หลังจากเช็กบิลเสร็จ เหยาฮังยังคงฝืนยิ้มออกมา
แต่เจียงชื่อพูดแทงใจดำว่า “มื้อนี้ราคาไม่ถูกเลยนะครับ คุณเหยา ลำบากคุณแล้วนะครับ”
เหยาฮังโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยครับ ถ้าเทียบกับการที่ได้รู้จักกับคนอย่างคุณเจียง เรื่องแค่นี้สบายมากครับ วันหลังไม่ว่าเรื่องอะไร คุณเจียงเรียกใช้ผมได้ตลอดนะครับ! บิลของคุณผมจ่ายได้หมดครับ”
เป็นคำพูดที่เป็นพิธีรีตองอย่างเห็นได้ชัด
ในความเป็นจริง ทุกคนก็มักจะใช้คำพูดพิธีรีตองเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครทำตามสิ่งที่พูดหรอก
แต่ที่น่าอึดอัดใจก็คือ เจียงชื่อกลับจริงจังกับมัน!
เขาวางแก้วไวน์ลงและพยักหน้าเบาๆ “ในเมื่อคุณเหยาใจกว้างขนาดนี้ งั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ พอดีผมยังมีของที่ต้องการจะซื้อหน่อย งั้น เราไปซื้อกันตอนนี้เลยนะครับ”
“หา?”
เหยาฮังถึงกับอ้าปากค้าง ไร้คำบรรยายแล้ว เจียงชื่อคนนี้ไม่แยแสอะไรเลยจริงๆ
แต่เมื่อพูดออกจากปากแล้ว เหยาฮังจะกลับคำไม่ได้อีก เขาจึงได้แต่กัดฟันแล้วตามเจียงชื่อไป
หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากร้านอาหาร เมื่อเดินออกมาไม่นาน พวกเขาก็ได้มาถึงตลาดกลางคืนแห่งหนึ่งที่คึกคักเป็นพิเศษ ซึ่งสินค้าในตลาดแห่งนี้ ล้วนเป็นของที่ขึ้นชื่อของที่นี่ และยังมีวัตถุโบราณเยอะแยะมากมาย แต่แน่นอนว่า วัตถุเหล่านี้ล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น
เจียงชื่อและคนอื่นๆ เดินไปชมไป
เมื่อเดินมาถึงร้านเซรามิกร้านหนึ่ง เจียงชื่อหยิบชามเซรามิกที่สีสันสวยงามขึ้นมาใบหนึ่งและถามว่า “เถ้าแก่ ชามใบนี้ขายยังไงครับ?”