จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 717 เปลี่ยนถ่ายเจ้าบ้าน
การปรากฏตัวของติงหงเหย้า ราวกับตอร์ปิโดที่ระเบิดในน้ำ เกิดเป็นคลื่นปั่นป่วนขนาดใหญ่ที่โหมซัดกระหน่ำเข้าหากัน
ผู้คนในห้องประชุมทั้งหลายต่างอยู่ในอาการตกตะลึงตาค้างพูดอะไรไม่ออก
นอกจากพวกของติงจื่อยวี่แล้ว ไม่มีใครคาดคิดถึงการปรากฏตัวของเขาเช่นนี้มาก่อน
ทั้งๆที่จวนจะแย่งชิงความเป็นเจ้าบ้านจากมือของติงจ้งได้อยู่แล้ว ทว่าหากเขาปรากฏตัวออกมาอีกครั้งเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องที่กำลังจะประสบความสำเร็จในขณะนี้คงมีอันต้องกลับกลายเป็นล้มเหลวไป
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ ในตอนนี้ติงหงเหย้าไม่เพียงแต่มีการวางแผนมาอย่างรอบคอบเท่านั้น แต่เขายังแสดงศักยภาพออกมาอย่างเด่นชัด และไม่ได้ผลีผลามเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป
จนถึงตอนนี้ติงหงเหย้ายังมีจุดอ่อนให้เห็นอยู่หรือไม่?
เรียกได้ว่าแทบไม่มีเลยแม้แต่น้อย
ติงหงเหย้าเดินไปท่ามกลางฝูงชนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณปู่ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
สายตาของติงจ้งจ้องเขม็งตรงไปที่เขา ไม่ว่าจะคิดใคร่ครวญอย่างไรก็ไม่น่าเป็นเช่นนี้ไปได้
“แก แกมาได้ยังไง?”
“ทำไมคุณปู่ดูไม่ยินดีเอาเสียเลยล่ะ?”
“ก็ไหนว่าแกยังต้องรับโทษอีกปีกว่าไง เป็นไปไม่ได้ที่แกจะออกมาเร็วขนาดนี้”
“ดูเหมือนว่าคุณปู่จะยังใส่ใจผมไม่มากพอ” ติงหงเหย้ากล่าว “ผมปฏิบัติตัวเป็นนักโทษชั้นดีในคุกมาโดยตลอด เลยถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดน่ะสิ”
ทุกคำพูดของชายที่อยู่ตรงหน้าตอกกลับติงจ้งอย่างเหลือคณา
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงชื่อเห็นติงจ้งหวาดหวั่นเช่นนี้ จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เขาเป็นใครน่ะ?”
ติงเมิ่งเหยนกระซิบคำตอบข้างหูของเขา เพื่อเล่าถึงที่มาที่ไปของติงหงเหย้าคร่าวๆ เจียงชื่อเหยียดยิ้มออกมาทันที หลังจากได้ฟังดังนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ติงจื่อยวี่ถึงได้มีท่าทีที่ไม่ปกติเอาเสียเลย
นี่ก็แสดงว่าติงจื่อยวี่มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ติงหงเหย้าขึ้นสู่อำนาจ
พวกเขาวางแผนอย่างลับๆมาเป็นเวลานานมากแล้ว เมื่อดูเหมือนว่าคุณปู่จะไม่ต้องการสละตำแหน่งนี้
ขณะนี้ความเงียบครอบงำอยู่เป็นเวลานาน
ติงจ้งพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะถามไปยังติงจื่อยวี่ “เจ้าบ้านที่อยากจะเสนอก็คือเขาอย่างนั้นเหรอ?”
ติงจื่อยวี่พยักหน้า
“พี่ชายคนโตของฉันติงหงเหย้าเป็นหลานชายคนโตของคุณปู่ เขาเป็นคนฉลาดเฉลียวและกล้าหาญชาญชัย เขาเหนือกว่าติงเฟิงเฉิงเป็นสิบเท่า”
“ทั้งด้วยตรรกะและความเหมาะสม พี่ใหญ่ติงหงเหย้าควรสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านเป็นที่สุด!”
“ฉันติงจื่อยวี่ขอเป็นคนแรกที่ยกมือโหวตให้เขา!”
ในบรรดาคำกล่าวเหล่านี้ มีทั้งเรื่องที่ถูกและผิด
ในแง่ของตัวตนติงหงเหย้านั้นไม่ได้มีปัญหาในการสืบทอดแต่อย่างใด โดยเขามีศักดิ์เป็นหลานชายคนโต
นอกจากนี้ในแง่ของความสามารถ ก็ไม่มีน้องคนใดในตระกูลติงที่จะสามารถเทียบเคียงได้กับติงหงเหย้า
ทว่าปัญหาก็คือ เขาไม่ได้รับความชอบธรรมและไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากผู้เป็นปู่
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ด้วยความหนักใจ
ติงจ้งแสยะยิ้มอย่างเย็นยะเยือก: “จริงสิ ติงจื่อยวี่ เธอมักจะประพฤติตัวต่อหน้าฉันอย่างว่าง่าย ราวกับแกะตัวน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีมืออยู่เบื้องหลัง”
“ดี ดีจริงๆ พี่ชายเป็นยังไง น้องสาวก็เป็นอย่างนั้น พวกตะเภาเดียวนี่เอง!”
“แต่อย่าลืมว่าตระกูลติงไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณเท่านั้น ใช่ว่าจะให้ใครขึ้นมาเป็นเจ้าบ้านได้ตามอำเภอใจ!”
ติงจื่อยวี่พยักหน้า
“คุณปู่พูดถูกแล้ว การจะให้ใครขึ้นมาเป็นเจ้าบ้าน ไม่ใช่ว่าใครจะพูดยังไงก็ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดูที่อัตราส่วนการถือหุ้น”
เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า: “ฉันถือหุ้นอยู่ 10% และพ่อแม่ของฉันแต่ละคนก็ถือหุ้นอยู่ 5% ซึ่งรวมกันแล้วก็ได้ 20%”
“รวมกับหุ้น 10% ของเมิ่งเหยน ก็เป็น 30%”
ติงจ้งตกตะลึงและหันไปมองติงเมิ่งเหยน: “เธอโอนหุ้นให้จื่อยวี่เหรอ?”
ติงเมิ่งเหยนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
เธอประมาณการว่าติงจื่อยวี่จะฮุบเอาหุ้นของเธอ แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะใช้วิธีเช่นนี้ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกค่อนข้างอึดอัด
เจียงชื่อช่วยตอบแทนเธอ: “ใช่แล้ว ตอนนี้เมิ่งเหยนไม่มีหุ้นเหลืออยู่เลย ทั้งหมดตกเป็นของติงจื่อยวี่ คุณปู่ท่านพึงพอใจหรือเปล่า?”
พึงพอใจกับผีน่ะสิ!
ติงจ้งได้แต่น้ำตาตกใน เดิมทีเขาก็ใช้อุบายแบบนั้น ซึ่งไม่มีทางที่จะแย่งชิงหุ้นไปจากติงเมิ่งเหยนได้แน่
ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกติงจื่อยวี่หลอกง่ายขนาดนี้
เห้อ ช่างน่าเศร้า
ติงจ้งกัดฟันกรอดและพูดว่า: “มันก็เป็นเพียง 30% ของหุ้นส่วนก็เท่านั้น ซึ่งมันไม่อาจมีอิทธิพลต่อการแทนที่อำนาจเจ้าบ้านได้เลย!”
“อย่าด่วนสรุปไป ยังมีอีก”
ติงจื่อยวี่ปรบมือ ทันใดนั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา นั่นก็คือหนิงคุนและเจ้านายหนิง
ทันทีที่เห็นหนิงคุน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากความ ติงจ้งก็ตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉัน……ถูกหลอกแล้ว”
ติงจ้งแทบจะหายใจไม่ออกคล้ายจะอาเจียนเป็นเลือด
ก่อนหน้านี้เขาคิดอย่างเถรตรงว่ามันเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค ที่ถูกหนิงคุนฉวยหุ้นไป 10% โดยบังเอิญ ทว่าเมื่อคิดดูดีดีแล้ว นั่นคือฉากที่ติงจื่อยวี่เตรียมการไว้สำหรับเขา
ไม่สิ จะพูดให้ถูกก็คือติงหงเหย้าเตรียมการให้เขา
หนิงคุนเป็นคนของติงหงเหย้า!
สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบ
หนิงคุณมองไปที่ติงจ้งอยู่เป็นเวลานานก่อนจะพูดอย่างช้าๆ: “นายท่าน ท่านยังมีส่วนแบ่ง 10% อยู่ในมือผม คงไม่ใช่ว่าจำไม่ได้ใช่ไหม?”
“ผม เลือกสนับสนุนติงหงเหย้าในฐานะเจ้าบ้าน”
เมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นผลให้หุ้นทั้งหมดที่สนับสนุนติงหงเหย้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40%
ขณะนี้หัวใจของติงจ้งโชกไปด้วยหยดเลือด
ตราบใดที่สัดส่วนผู้ถือหุ้นมากกว่า 50% สนับสนุนให้ติงหงเหย้าเป็นเจ้าบ้าน แม้ว่าติงจ้งจะไม่เห็นด้วย การเปลี่ยนถ่ายอำนาจก็ต้องดำเนินไป
ตอนนี้เหลือสัดส่วนผู้ถือหุ้นเพียง 10% สุดท้ายเท่านั้น
ติงจ้งกวาดตามองผู้เข้าร่วมในที่ประชุมโดยทั่ว พลางคิดในใจอย่างเงียบๆ
สัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เหลืออีก 60% ย่อมฝักใฝ่กับคนสนิท ไม่มีทางทรยศเขาอย่างแน่นอน ไม่น่าจะมีเรื่องน่าประหลาดใจอะไรเกิดขึ้น
เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“จื่อยวี่ หงเหย้า เอาสิ ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว”
“แต่พวกคุณก็ยังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำอยู่ดี”
“ตอนนี้พวกคุณมีเพียง 40% ของสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการโค่นล้มเจ้าบ้านของพวกเรา”