จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 723 คืนเงินถึงที่
เจียงชื่อยกยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไร แล้วเดินออกจากหอบรรพบุรุษไปเลยตรงๆ
ตอนที่เขาเดินไปถึงหน้าประตู ติงจ้งเกิดความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ อดใจไม่ไหวจึงตะโกนออกไปว่า “เจียงชื่อ!”
คนที่กำลังเปิดประตู ฝีเท้าหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก!”
เจียงชื่อยิ้มพลางส่ายหน้า สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเงาแผ่นหลังที่ประทับอยู่ในความทรงจำลึกๆ ของติงจ้งเท่านั้น
นี่ต่างหาก คือรูปลักษณ์ของลูกผู้ชายตัวจริงที่พึงมี
ติงเฟิงเฉิงตกตะลึงจนตาค้างไปแล้ว เขาแตะๆ ที่หน้าผากตัวเองก่อน แล้วค่อยไปแตะๆ ที่หน้าผากของติงจ้ง
“ทำอะไรของแก? ” ติงจ้งใช้มือข้างหนึ่งปัดมือของติงเฟิงเฉิงให้ร่วงลงไป
“เป็นเพราะผมเป็นไข้ ? หรือเป็นเพราะคุณปู่เป็นไข้กันแน่เนี่ย ? ทำไมถึงพูดอะไรเพ้อเจ้อออกมาแล้วล่ะ?”
“ฉันพูดเพ้อเจ้ออะไร?”
“ไม่สิ ผมฟังผิดไปหรือเปล่า? เมื่อกี้ปู่พูดขอบคุณเจียงชื่อชัดๆ เลยนะ คุณปู่ นี่ปู่กินยาอะไรผิดหรือเปล่าเนี่ย? แล้วยังมีเจ้าเจียงชื่อนั่น อยู่ดีๆ มันมาช่วยผมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำไมเนี่ย? ไม่ใช่ว่าจะแอบหาทางลอบทำร้ายผมอย่างลับๆ หรอกใช่มั้ย ? เห็นสถานการณ์ของพวกเราแบบนี้ ไม่ใช่ว่าต้องได้ทีขี่แพะไล่หรอกเหรอ? ”
“ถุย!” ติงจ้งเขกหัวของติงเฟิงเฉิงหนักๆ ไปครั้งหนึ่ง “เจียงชื่อจิตใจโอบอ้อมอารี เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ แกมีสิทธิ์อะไรไปว่าร้ายเขาลับหลังแบบนี้หา?”
หา?
จิตใจโอบอ้อมอารี เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊?
ติงเฟิงเฉิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไป นี่มันบ้าบอไปถึงไหนต่อไหนแล้ว?
“คุณปู่ นี่ปู่เป็นบ้าไปแล้วเหรอครับ?”
ติงจ้งหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น “ฉันมันบ้า! ฉันมันเป็นบ้าไปแล้ว! ถ้าฉันเป็นบ้าให้เร็วกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าบางที ตระกูลติงอาจจะกลายเป็นตระกูลระดับหนึ่งไปแล้วก็ได้!”
เขามองไปที่ประตูแล้วพูดด้วยท่าทางที่แฝงนัยลึกซึ้ง: “เฟิงเฉิงเอ๊ย แกจำไว้ให้ดีนะ นับจากนี้ไป แกอย่าได้ทำตัวไร้มารยาทกับเจียงชื่อเป็นอันขาด เขาเป็นดาวผู้มากอบกู้ตระกูลติงของพวกเรา”
“หลังจากนี้ เขาจะเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนแกแทนฉัน ให้แกได้เรียนรู้จนมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการเป็นเจ้าบ้านที่น่าภาคภูมิ”
ติงเฟิงเฉิงสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด “นี่ปู่เพ้อเจ้อไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย ? ให้เจียงชื่อเป็นคนอบรมสั่งสอนผมเนี่ยนะ? นี่ไม่เท่ากับโยนผมไปให้มันทรมานจนตายรึไง?”
“อย่ามาพูดจาไร้สาระกับชั้น! คุกเข่าลงซะ!”
“คุกเข่า?”
“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”
“ครับๆๆ ”
ติงเฟิงเฉิงคุกเข่าลง
ติงจ้งพูดขึ้นว่า: “ตอนนี้แกกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ จงสำนึกผิดต่อบาปกรรมทั้งหลายที่แกได้ทำไว้ซะ”
“ผมต้องคุกเข่านานแค่ไหนเหรอ?”
“ก็คุกเข่าไปจนกว่าแกจะสำนึกได้นั่นแหละ!”
ติงเฟิงเฉิงทั้งจนใจทั้งทำอะไรไม่ถูก เขาไม่กล้า แล้วก็ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของติงจ้งได้ แต่เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมคุณปู่ที่เกลียดเจียงชื่อจนเข้ากระดูกดำคนนั้น ถึงได้เปลี่ยนทัศนคติไปอย่างมากมายในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้
หรืออาจเป็นไปได้ว่า ติงจ้งกินยาผิดซะแล้ว?
ติงเฟิงเฉิงส่ายหน้าเงียบๆ ไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือผิด
……………
ณ.เมืองเล่น
เจียงชื่อสวมชุดสูทลำลอง สาวเท้าก้าวเดินยาวๆ เข้าไปในบาร์แห่งหนึ่งที่เปิดโดยพี่ไห่
เมื่อเดินผ่านชั้นแรก ก็ตรงขึ้นชั้นสองไปทันที
ที่นี่ยังคงเป็นเช่นเดิมกับที่ผ่านๆ มา มีเกมการพนันทุกประเภทรวมอยู่อย่างครบครัน
เจียงชื่อยืนอยู่บนบันได กวาดตามองไปรอบๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งติดจะทุ้มต่ำในลำคอว่า “ให้เจ้านายของพวกแกออกมาซิ”
เสียงไม่ได้ดัง แต่พลังทะลุทะลวงนั้นกลับแข็งแกร่งมาก คำพูดทุกคำทุกอักษร ส่งตรงเข้าสู่ใบหูของทุกคนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ทุกคนต่างหันไปมองที่เจียงชื่อเป็นตาเดียวกัน
ผู้ดูแลบาร์คนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “มีธุระอะไรบอกกับฉันแทนก็ได้”
เจียงชื่อไม่แม้แต่จะมองเขาสักแวบด้วยซ้ำ
“บอกกับแกไม่ได้หรอก ให้เจ้านายของแกออกมาซะ”
“ฮะๆ อย่างแกถือเป็นตัวอะไรวะ? อาศัยอะไรเจ้านายของพวกเราถึงต้องออกมาพบแก? ฉันว่าแกตั้งใจมาสร้างปัญหาที่นี่ใช่ป่ะ? อยากให้ฉันหาคนมาช่วยสอนบทเรียนให้แกสักหน่อยมั้ย ?”
ระหว่างที่พูด ก็มีชายฉกรรจ์หลายคนที่อยู่ในนั้นเดินเข้ามา แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่เกินกว่าสองเมตรกันทั้งนั้น
ชั่วขณะที่ยืนอยู่ข้างเจียงชื่อ ช่างดูเหมือนกับแท่งเสาหินใหญ่ หลายสิบตัวยืนอยู่จนแน่นขนัด
“รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!” ผู้ดูแลพูดด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม
เจียงชื่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ชั้นให้เวลาแกอีก 10 วินาที ให้เจ้านายของแกออกมาซะ!