จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 732 การประมูลร่วม
ทันใดนั้นหมายเลข 1 ก็ลุกขึ้น เริ่มรายงานตามข้อมูลที่ตนเองได้เตรียมมา โดยอธิบายแผนงานอย่างละเอียดครบถ้วน
ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ เขาเสนอการก่อสร้างเมืองอาหารแห่งหนึ่ง ที่ต่างออกไปคือ เขาเสนอว่าจะสร้างเมืองอาหารที่มาจากต่างประเทศ เน้นในด้านการแนะนำอาหารจากต่างประเทศเข้ามาภายในประเทศโดยเฉพาะ สร้างความแตกต่างทางวัฒนธรรม เพื่อใช้เป็นกลไกในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
คนจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ต่างก็ฟังด้วยความตั้งอกตั้งใจอย่างมาก ไม่มีการแสดงสีหน้าใดๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
หมายเลข 1 จบลงไป หมายเลข 2 ก็เริ่มต่อทันที
คำอธิบายของหมายเลข 2 คล้ายคลึงกับหมายเลข 1 มาก ทั้งคู่ล้วนสนับสนุนการสร้างเมืองแห่งอาหาร จะเห็นได้ว่า ทุกคนต่างก็ตระหนักถึงวิสัยทัศน์ในแผนการของกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ผ่านมา จึงไม่เบี่ยงเบนไปจากกันมากนัก
ที่ไม่เหมือนคือ ความแข็งแกร่งของตระกูลหมายเลข 2 ถ้าให้พวกเขาเป็นคนสร้าง มันจะสามารถรับประกันความปลอดภัยได้มากกว่า
คนจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมากนัก
เช่นนี้เอง คนแล้วคนเล่าต่างออกมาแสดงความคิดเห็นของตัวเอง หากกล่าวโดยรวม พวกเขามีความคล้ายคลึงกันมาก ต่างก็ทุ่มพลังความคิดไปในด้านการเสนอจะสร้างเมืองอาหาร สิ่งที่งัดออกมาแข่งขันกัน คือรายละเอียดและความแข็งแกร่งว่าใครจะมีมากกว่า
ในที่สุดก็ถึงหมายเลข 9 —- ติงเฟิงเฉิง
“ต่อไป หมายเลข 9” จางถงเหวินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ติงเฟิงเฉิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เฮือกหนึ่ง มองดูแผนการในมือ รวบรวมสมาธิครู่หนึ่ง ก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า: “สวัสดีครับทุกๆ ท่าน ผมคือติงเฟิงเฉิง มาจากบริษัทติงเหอครับ”
“บริษัทติงเหอ?” จางถงเหวินขมวดคิ้ว เธอไม่เคยได้ยินชื่อของบริษัทนี้มาก่อนเลย
เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน นั่นก็แปลว่าต้องไม่ใช่บริษัทใหญ่โตอะไรอย่างแน่นอน
ที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองเป็นโครงการสำคัญ หากบริษัทที่เสนอประมูลไม่แข็งแกร่งพอ ไม่ว่าแผนการจะดีแค่ไหน ก็ไม่อาจชนะการประมูลได้ ดังนั้น ทันทีที่เธอได้ยินติงเฟิงเฉิงแนะนำตัวเองว่ามาจากไหน จางถงเหวินก็ได้ทำสัญลักษณ์ ‘ ข้าม’ เอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
ด้านข้างยังมีคู่แข่งรายอื่นที่หัวเราะเย้ยหยันขึ้นมา แล้วพูดว่า “บริษัทติงเหอ? ที่เป็นบริษัทย่อยของติงหรงน่ะเหรอ? ดูเหมือนว่าจะมีพนักงานไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำมั้ง”
“จุ๊ๆ บริษัทติงหรงตอนนี้กลายเป็นบริษัทระดับสองไปแล้วนี่ แถมไม่พอตอนนี้ดันมีบริษัทติงเหอโผล่มาอีก นี่มันเป็นบริษัทชั้นล่างกว่าใครเขาหมดเลยมั้งเนี่ย?”
“โครงการใหญ่ขนาดนี้จะให้เขาเป็นคนรับไปดำเนินการได้ยังไงกัน? ช่างไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้างเลย เป็นแค่คนระดับอะไร ดันกล้าเสนอหน้ามาร่วมประมูล ฉันล่ะหมดคำจะพูดจริงๆ เลย!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยถากถางจากรอบด้าน ติงเฟิงเฉิงก็เฝ้าพยายามเตือนสติตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้ใจเย็นๆ เข้าไว้
จางถงเหวินพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า: “ขออภัยด้วย คุณติง โครงการของเรามีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องขอโทษด้วยที่ต้องพูดตรงๆ เป็นการยากมาก ที่จะมอบโครงการให้กับบริษัทที่มีพนักงานไม่ถึง 10 คน…”
” รอเดี๋ยวก่อนครับ ผมไม่ใช่บริษัทเดียวที่มาเข้าประมูล แต่เป็นสามบริษัทร่วมกันประมูล” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่เข้าท่า ติงเฟิงเฉิงก็รีบแจกแจงความจริงอย่างรวดเร็ว
“โอ้! อีกสองบริษัทคือ?” อันที่จริง จางถงเหวินไม่ได้มีอารมณ์สนอกสนใจอะไรจริงจังนัก แค่ถามไปตามมารยาท เพราะในความเป็นจริง จะยังไงก็ตามบริษัทใหญ่ๆ ก็จะไม่ทำการร่วมมือกันประมูลในโครงการเดียวกันอย่างแน่นอน
บริษัทที่จะร่วมมือกับบริษัทติงเหอได้ น่าจะต้องเป็นบริษัทเล็กๆ สองแห่งที่จัดอยู่ในระดับล่าง คงคิดว่าบริษัทที่อ่อนแอ พอมาร่วมมือกันก็จะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างนั้นสินะ?
คิดเพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ !
ความคิดของทุกคนเกือบจะเหมือนกับจางถงเหวิน ต่างพากันรอดูเรื่องตลกของติงเฟิงเฉิง
แต่อย่างไรก็ตาม สองชื่อติงเฟิงเฉิงเอ่ยขึ้นมา กลับทำให้ทุกคนต้องร้องอุทานด้วยความตกตะลึง
“บริษัทที่ร่วมประมูลอีกสองแห่ง คือบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง กับบริษัทหวาเทียน”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนที่กำลังเตรียมจะหัวเราะเยาะเต็มที่ ก็มีอันต้องตกตะลึงอึ้งค้าง รอยยิ้มของแต่ละคนแข็งค้างอยู่บนใบหน้าอย่างน่าขัน
“ไม่ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“บริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง กับบริษัทหวาเทียน บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับพิเศษ 5 อันดับแรกของเมือง บริษัทชั้นนำระดับหัวมังกรใหญ่เบอร์นั้น ถ้าแค่ 2 บริษัทนี้แยกกันมาประมูลแบบเอกเทศก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ทำไมจะต้องมาร่วมมือกับบริษัทที่มีแค่เปลือกอย่างติงเหอด้วยล่ะ?”
“ฉันไม่เชื่อ! มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ !”
จางถงเหวินก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน หลังจากกระแอมไอเพื่อปกปิดความกระอักกระอ่วนไปสองสามครั้ง ก็ถามขึ้นว่า: “คุณติง คุณยืนยันนะว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง กับบริษัทหวาเทียนแห่งเขตเจียงหนาน?”
ติงเฟิงเฉิงพยักหน้าตอบรับหนักแน่น “ผมยืนยัน”