จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 733 กฎระเบียบ
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” มีคนลุกขึ้น แล้วปฏิเสธคำพูดของติงเฟิงเฉิงทันที
“บริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง กับบริษัทหวาเทียน แต่ละแห่งก็ล้วนเป็นองค์กรขนาดใหญ่ชั้นหนึ่งกันทั้งนั้น จะยอมให้ความร่วมมือกับบริษัทที่มีแต่เปลือกได้ยังไง?”
“จะคุยโม้โอ้อวด ก็ต้องให้มันมีขอบเขตหน่อยมั้ย?”
มีคนต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีคนหลายคนเริ่มเอ่ยปากให้ติงเฟิงเฉิงไสหัวออกไปตรงๆ เลยด้วยซ้ำ
ไม่มีใครยอมเชื่อคำพูดของติงเฟิงเฉิงแม้แต่คนเดียว
ติงจื่อยวี่ที่อยู่อีกด้านยกยิ้มเย้ยหยัน พลางพูดด้วยท่าทีเหยียดหยามว่า: “นี่! น้องสอง แกจะทำตัวเองขายหน้าก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่อย่าพาลมาทำให้บริษัทหลักของชั้นต้องพลอยติดร่างแหไปด้วยล่ะ น่าขายหน้าชะมัด!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้อสงสัย ปรากฏว่าท่าทางของติงเฟิงเฉิงกลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ
ในเวลานี้เอง จางถงเหวินก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ จากนั้นก็พูดกับติงเฟิงเฉิงด้วยท่าทางจริงจังว่า “คุณติง การประมูลวันนี้เป็นทางการและเข้มงวดอย่างมาก ถ้าคุณกล้าเล่นตุกติกอะไรกับเจ้าหน้าที่ทางการอย่างพวกเรา คุณจะต้องรับผิดทางอาญานะ”
ติงเฟิงเฉิงยิ้มเล็กน้อย “ทุกอย่างที่ผมพูดมาเป็นล้วนความจริง ผมมีขั้นตอนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว”
“งั้นเหรอ เอามาให้ฉันดูหน่อย”
“ได้ครับ”
ทันใดนั้น ก็มีคนเข้าไปรับคำแถลงการณ์ร่วมของติงเฟิงเฉิงทันที แล้วส่งไปให้จางถงเหวินดู
ภายใต้การสังเกตโดยละเอียดของคนจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ก็ได้รับการยืนยันว่า นี่เป็นแถลงการณ์ร่วมของจริง สามารถเชื่อถือได้
“คุณติง คุณสามารถอธิบายแผนการเสนอราคาประมูลของคุณต่อได้เลย” จางถงเหวินอนุญาต
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประโยคนี้เทียบเท่ากับการประกาศว่า คำแถลงการณ์ร่วมของติงเฟิงเฉิง เป็นความจริง ไม่ใช่การปลอมแปลงแต่อย่างใด เมื่อเป็นดังนี้ จึงส่งผลให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างพากันตกตะลึงไปอย่างคาดไม่ถึง
กลับเป็นติงจื่อยวี่ ที่เป็นฝ่ายร้อนรนจนนั่งไม่ติดที่ยิ่งกว่า
ใครจะไปคิดว่าบริษัทที่มีแค่เปลือก แถมมีพนักงานไม่ถึง 10 คน จะสามารถรวมกำลังกับบริษัทยักษ์ใหญ่สองแห่งได้? อีกทั้งเขายังเป็นสมาชิกหลักผู้ริเริ่มมายื่นประมูล ซึ่งจุดนี้ไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนอื่นในแง่ที่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออกหรอก เพราะอันที่จริงแล้ว แม้แต่ตัวติงเฟิงเฉิงเองก็ยังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ใช่แล้ว เจียงชื่อบอกไว้ว่าเขาจะช่วยหาอีกสองบริษัทมาร่วมมือกับเขาให้
แต่ตอนที่ติงเฟิงเฉิงรู้ว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง กับบริษัทหวาเทียน เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า? ถึงขั้นต้องใช้เวลานานในการแยกแยะข้อมูลที่ดูเกินจริงจนน่าเหลือเชื่อดังกล่าวไปพักหนึ่งเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังเป็นสองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำให้เขามีความมั่นใจ จนกล้ายืนหยัดอยู่ที่นี่ต่อไปได้
“ต่อไป ผมจะอธิบายแผนการของบริษัทติงเหออย่างละเอียดนะครับ”
“อย่างแรกเลย มุมมองของผมแตกต่างไปจากทุกคนก่อนหน้านี้ บริษัทติงเหอของเรารู้สึกว่าไม่ควรสร้างเมืองอาหารอีกแห่งในสถานการณ์ที่เรามีเมืองอาหารอยู่ก่อนแล้ว มันสิ้นเปลืองทรัพยากรมากเกินไป”
“ผมขอแนะนำว่าควรสร้างเมืองห้างสรรพสินค้า ที่เน้นการจำหน่ายสินค้าหรู!”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันโดยถ้วนหน้า
บนใบหน้าของทุกคน ต่างปรากฏสีหน้าเมินเฉยต่อข้อเสนอที่ไม่มีค่าพอให้ชายตามองกันหมด มีหลายคนเริ่มล้อเลียนติงเฟิงเฉิงว่า คนคนนี้ช่างไม่เข้าใจสถานการณ์เลยจริงๆ จะคิดเองเออเองมากเกินไปแล้ว
“ห้างสรรพสินค้าหรูงั้นเหรอ? ฮะๆ เขตเจียงหนานไม่มีแบบอย่างก่อนหน้าหรอกนะ?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้กรมโยธาธิการและผังเมืองก็ได้แสดงท่าทีว่า รู้สึกสนใจต่อเมืองอาหารอย่างชัดเจนมาก เจ้าหมอนี่ยังอุตสาห์มีความคิดจะ ‘วิ่ง’ ไปประเด็นอื่นได้อีกนะ นี่มันโง่เกินเยียวยาของจริงแล้วมั้งเนี่ย!”
ติงจื่อยวี่กระซิบเสียงเบาจากด้านข้าง: “โคลนเหลวก็ยังเป็นโคลนเหลวอยู่วันยังค่ำ ไอ้น้องชาย! แกเข้าใจในเรื่องการทำธุรกิจน้อยเกินไปแล้วจริงๆ นะ อย่าอยู่ให้อับอายขายหน้าคนเขาที่นี่ต่อไปเลยจะดีกว่ามั้ง?”
ติงเฟิงเฉิงเพิกเฉยต่อสิ่งที่คนอื่นพูด ยังคงตั้งใจแสดงความคิดเห็นของตัวเองต่อไป
ทฤษฎีชุดยาวที่ตามมาในตอนหลังเขานั้นแข็งแกร่ง ทั้งยังหาข้อมูลมาแน่นดีมาก แต่ก็ไร้ประโยชน์ หากคุณเปิดประเด็นมา ‘ผิด’ ตั้งแต่แรกแล้วล่ะก็ คนอื่นจะไม่สนใจหรอกว่าสิ่งที่คุณพูดมาหลังจากนั้นมันถูกหรือว่าผิด
ไม่มีใครสนใจในสิ่งที่เขาพูดอีกต่อไป ทุกคนได้ขีดฆ่าชื่อติงเฟิงเฉิงออกจากตำแหน่ง “คู่แข่ง” แล้วเรียบร้อย
เดิมทียังคิดกันว่า ด้วยการร่วมมืออยู่เบื้องหลังของสองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งกับบริษัทหวาเทียน ติงเฟิงเฉิงคงจะทำธุรกิจขนาดใหญ่บางอย่างออกมาได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำอะไรที่ห่างไปจากที่คิดไว้ไกลมาก ซึ่งเป็นอะไรที่ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของทั้งสองบริษัทจริงๆ
หลังจากการบรรยายจบลง ตามแบบแผนปฏิบัติที่ทำเป็นปกติ เอกสารการวางแผนของติงเฟิงเฉิงก็ถูกส่งขึ้นไปเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้ทุกคนเหนือคาดไปกว่านั้นคือ เอกสารวางแผนของติงเฟิงเฉิงไม่ได้หนามากนัก มันเป็นแค่เอกสารวางแผนจริงๆ ไม่มี ‘ปัจจัยส่วนตัว’ อยู่ในนั้นเลย นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมประมูลรายอื่นรู้สึกว่า “ต้องได้ชมเรื่องสนุก” มากยิ่งขึ้นกว่านี้แน่
จะประมูลก็ต้องให้ซองแดง กฎระเบียบข้อนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ แต่ติงเฟิงเฉิงถึงกับส่งแค่แผนการเปล่าๆ ขึ้นไป ไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะจ่ายเงินเลยแม้แต่แดงเดียว
ฮะๆ นี่คือไม่มีปัญญาจ่ายจริงๆ หรือโง่จนกระทั่งกฎพื้นฐานก็ยังไม่รู้กันแน่ล่ะเนี่ย?
ทุกคนส่ายหน้าไปตามๆ กัน ไม่มีใครถือว่าติงเฟิงเฉิงเป็นคู่แข่งอีกต่อไป
“เอาล่ะ คุณติง เชิญนั่งลงได้”
หลังจากที่ติงเฟิงเฉิงนั่งลง ลึกๆ ในใจเขาเองก็รู้สึกใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่เหมือนกัน เพราะถึงยังไงสุดท้ายแล้ว เขาก็ทำตามความคิดเห็นของเจียงชื่อทั้งหมด เขาไม่มีทางตัดสินชี้ขาดโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะได้เลย
ตามความเข้าใจของคนทั่วไป ด้วยแผนการแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้ชนิดเต็ม 100% เลยว่าเขาจะเป็นคนที่ชนะการประมูล
แต่ปู่บอกไว้ว่า เจียงชื่อไม่ใช่คนธรรมดา การเลือกที่จะเชื่อเจียงชื่อนั้น ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ดังนั้น ติงเฟิงเฉิงจึงขอดื้อด้านให้ถึงที่สุด ฝืนยืนหยัดที่จะทำมันต่อไป
“แต่ก็หวังว่า สุดท้ายผลจะออกมาดีล่ะมั้งนะ” ติงเฟิงเฉิงพึมพำกับตัวเอง
“ต่อไป หมายเลข10”
ไฮไลท์มาแล้ว!
หมายเลข 10 คือติงจื่อยวี่ เธอมาเป็นตัวแทนเข้าร่วมประมูลในนามของบริษัทติงหรง ทุกคนต่างเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
แม้ว่าความแข็งแกร่งของบริษัทติงหรงจะจัดอยู่ในระดับสอง แต่เพราะบริษัทติงหรงมีผลงานโดดเด่นในโครงการรื้อถอนและปรับปรุงเมื่อครั้งก่อน ซึ่งเพียงพอที่จะชี้ให้เห็นถึงความพิเศษของบริษัทนี้ได้
เชื่อว่า ติงจื่อยวี่จะสามารถนำสิ่งที่แตกต่างออกไป มาทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจได้แน่