จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 735 ความโกลาหลฉากหนึ่ง
น้ำเสียงที่จริงจังของจางถงเหวินนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ทำให้ทุกคนคิดว่า คำว่า “ไปซะ” ที่เขาใช้ เมื่อเทียบกับความสุภาพที่เขาแสดงมาตลอด โดยยึดตามน้ำเสียงของจางถงเหวินเมื่อครู่นี้ สมควรใช้คำว่า “ไสหัวไปซะ” ต่างหากถึงจะเหมาะสม
ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาพ คุณมองฉัน ฉันมองคุณ ต่างพากันตกตะลึงอึ้งค้าง ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของติงจื่อยวี่ค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง
ให้ไปยังงี้เลยน่ะเหรอ?
ไม่เหมาะสมเอาซะเลย
อย่างน้อยก็ควรต้องรู้หน่อยมั้ยว่าทำไม?
ติงจื้อยวี่กลืนน้ำลาย แล้วลองถามอย่างไม่แน่ใจว่า ” ขอถามหน่อยได้ไหมว่า ทำไมคุณถึงอยากให้ฉันไป? ”
จางถงเหวินวางกระเป๋าเดินทางสีดำไว้บนโต๊ะ แล้วพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังว่า: “สาเหตุเพราะอะไรคุณไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ ? ในนี้ใส่อะไรไว้ คุณไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ?”
เขากวาดสายตามองทุกคนในที่นั้น
“พอดีเลย ฉันจะได้ใช้โอกาสนี้คุยกับทุกคนรวดเดียวให้จบๆ ไป”
“การประมูลของเรา เปิดเป็นสาธารณะและตัดสินอย่างยุติธรรม จะชนะการประมูลได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพลังความแข็งแกร่ง กับศักยภาพของตัวเอง แต่ไม่ใช่เพราะใส่ซองแดง!”
“วันนี้ฉันผิดหวังมาก พวกคุณแต่ละคนคิดว่าสถานที่ประมูลแห่งเป็นอะไรไปแล้ว? แข่งกันใส่ซองแดงว่าของใครจะหนากว่ากัน คุณคิดว่าที่นี่คือตลาดประมูลของทั่วๆ ไปงั้นเหรอ!”
ทุกคนต่างถูกคำพูดเหล่านี้ด่าซะจนเละเทะ
ตอนนี้ ทุกคนรู้แล้วว่าทำไมติงจื่อยวี่ถึงถูกไล่ออกไป จำนวนเงินในกระเป๋าเดินทางของเธอ น่าจะสูงที่สุดในหมู่ผู้เข้าประมูลอย่างแน่นอน
ตอนนี้ทุกคนต่างก็มีบทสรุปในใจกันหมดแล้ว
แต่ทุกคนแค่แปลกใจว่า ทำไมกฎเกณฑ์เดิมๆ ที่เคยใช้กันมาตลอด พอมาครั้งนี้กลับใช้ไม่ได้ขึ้นมาซะแล้วล่ะ?
จางถงเหวินพูดต่อ: “คุณติงจื่อยวี่ เงินในกระเป๋าเดินทางของคุณ ถือเป็นการดูถูกและหยามเกียรติเจ้าหน้าที่ของเราอย่างถึงที่สุด! ถ้าวันนี้เรามอบโครงการให้คุณไปดำเนินการ นั่นก็เท่ากับว่าเราไม่ยุติธรรมกับคนอื่น!”
ติงจื่อยวี่ถึงกับโง่รับประทานไปแล้ว ทำไมการให้เงิน ถึงกลายเป็นการทำให้คนอื่นขุ่นเคืองใจไปซะแล้วล่ะ?
“คุณติงจื้อยวี่ จากนี้โปรดทำตัวดีๆ ด้วยล่ะ”
“วันนี้ที่ปล่อยคุณกลับไปเฉยๆ อย่างนี้ ก็นับว่าเกรงใจคุณแล้วนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่การทุ่มเททำงานหนักของคุณในการออกแบบแผนการประมูล เราอาจส่งคุณไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้คุณโดนขังสักสิบปีแปดปี!”
ติงจื่อยวี่ถึงกับหน้าซีดเซียวเหี่ยวแห้ง นี่มันไม่เห็นจะต้องซีเรียสขนาดนี้ก็ได้มั้ง?
“ตอนนี้ คุณไปได้แล้ว !” จางถงเหวินพูดอีกครั้ง
มีคนคืนกระเป๋าเดินทางให้ติงจื้อยวี่
เธอมองดูฝูงชน กัดฟันกรอด ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เดินออกจากที่นั่นด้วยอาการคอตกเซื่องซึม
เดิมทีเธอมาที่นี่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าตั๋วผู้ชนะอยู่ในมือแน่นอนแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้จะเปลี่ยนนิสัยกันหมด ให้เงินก็โกรธจนควันออกหู ทำเอาเธอมึนจนไปต่อไม่เป็นเลยจริงๆ
ติงจื่อยวี่ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนที่จะจากไป แต่จงใจเดินให้ช้าลง ระหว่างที่เดินไปพลาง เธอก็แอบฟังไปพลาง อยากรู้ว่าใครกันแน่ที่จะชนะการประมูลครั้งนี้
ทางนั้น จางถงเหวินถอนหายใจเฮือกแล้วพูดต่อไปว่า: “ในที่แห่งนี้ ฉันอยากจะยกย่องคนคนหนึ่ง คุณติงเฟิงเฉิง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ใส่ซองแดง ทุ่มเททำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ เป็นคนซื่อสัตย์ คนแบบนี้นี่แหละคือแบบอย่างที่ดีของเราทุกคน!”
ทุกคนต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
เมื่อกี้ยังหัวเราะเยาะติงเฟิงเฉิงว่าไม่รู้อะไร ไม่เข้าใจกฎระเบียบทางสังคม คิดไม่ถึงว่าจะถูกตบหน้าเข้าจังๆ ไปฉาดใหญ่กันโดยถ้วนหน้า
ติงเฟิงเฉิงที่ไม่ได้ให้ของกำนัล กลับกลายเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคน เรื่องนี้พูดไปก็เป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ
“เอาล่ะ เรื่องไร้สาระพูดให้น้อยหน่อยจะดีกว่า ต่อไปฉันจะประกาศบริษัทที่ชนะการประมูล”
ในที่สุดก็ถึงประเด็นสำคัญสักที
จิงจื่อยวี่ก็เดินไปถึงหน้าประตูพอดี เธอจงใจหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่ง แล้วหันหน้ากลับมามองในห้องประชุม
จางถงเหวินกล่าวต่อหน้าทุกคน: “ตอนนี้ฉันจะขอประกาศว่า บริษัทที่ชนะการประมูลโครงการที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองในครั้งนี้คือ—-บริษัทร่วมทุนที่นำทีมหลักโดยบริษัทติงเหอ เสริมด้วยบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง กับบริษัทหวาเทียน!”
หลังจากประโยคนี้ถูกประกาศออกมา ฝูงชนทั้งหลายต่างก็วุ่นวายโกลาหล
“เป็นไปได้ยังไง?”