จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 737 ข้อเท็จจริงที่ยอมรับไม่ได้
ณ. ตระกูลติง ตึกสำนักงาน
ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องประธานกรรมการภายในสำนักงานเวลานี้ คือประธานกรรมการคนใหม่—-ติงหงเหย้า
เขาพลิกดูแฟ้มรายชื่อคนชุดใหม่ล่าสุด ทำการขับไล่ทุกคนที่เคยเป็นมือเป็นขาให้ติงจ้ง ประธานกรรมการคนเก่าออกไปจนหมด แล้วแทนที่ด้วยคนในบอร์ดบริหารที่เป็นฝ่ายของเขา
อันดับแรกคือกำจัดผู้ไม่เห็นด้วย แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนธุรกิจหลักของบริษัท เขาต้องการให้บริษัทติงหรงกลายเป็น ‘เครื่องมือ’ อย่างหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับตัวเขาเอง
เมื่อคิดไปถึงจุดที่ทำให้เขามีความสุข ติงหงเหย้าก็อดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้
ในขณะที่เขากำลังมีความสุขนั่นเอง จู่ๆ ประตูสำนักงานก็ถูกผลักเปิดออก แล้วติงจื่อยวี่ก็เดินผลุนผลันเข้ามาอย่างรีบร้อน
ติงหงเหย้ารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ทำไมถึงได้ไม่รู้จักกฎเกณฑ์แบบนี้นะ?
แม้ว่าจะเป็นน้องสาวของตัวเอง แต่ก็ไม่ควรปล่อยปละให้ทำตามอำเภอใจแบบนี้หรอกมั้ง?
แต่ไม่รอให้เขาทันได้เอ่ยปากกล่าวโทษ ติงจื่อยวี่ก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่า: “พี่ชาย ไม่ดีแล้วล่ะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!”
“เรื่องใหญ่? เรื่องใหญ่อะไร?”
ติงจื่อยวี่พูดด้วยอาการฉุนเฉียวว่า “ไม่ใช่ว่าพี่ให้ฉันไปแข่งประมูลรึไง ? มันล้มเหลวแล้วน่ะสิ!”
ติงหงเหย้าถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
แผนที่พวกเขาเตรียมไว้กับซองแดงนั้นไม่มีปัญหาแน่ ระดับความแข็งแกร่งของพวกเขา ก็นับได้ว่าเป็นชั้นหนึ่งไม่แพ้ใคร ว่ากันตามเหตุผลเหล่านี้ พวกเขาไม่ควรจะล้มเหลวได้สิ
แต่ในตลาดการค้าก็เหมือนสนามรบ ไม่มีใครจะชนะเสมอไป
ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ เป็นสิ่งที่นักสู้ล้วนต้องพบเจอ
เขากลับไม่ได้เอามาใส่ใจมากนัก พูดอย่างใจเย็นว่า “ล้มเหลวก็ล้มเหลวไปสิ คนที่มาแข่งประมูลรายอื่นๆ ก็ไม่ใช่พ่อพระที่ไหน มีแต่พวกเขี้ยวลากดินทั้งนั้น คงจะมีคนที่ใส่ซองแดงมากกว่าเรา ไม่ก็แผนการทำได้ดีกว่าเราใช่มั้ยล่ะ?”
ติงจื่อยวี่ส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ผู้ชนะการประมูลไม่ได้ให้เงินแม้แต่บาทเดียว”
“ไม่รู้ว่าทำไม เจ้าหน้าที่ของเซสชั่นนี้จู่ๆ ก็เปลี่ยนนิสัยกันไปหมด กลายเป็นคนซื่อสัตย์ไม่รับใต้โต๊ะ ทึ้งทุกคนที่ให้ซองแดงจนหน้าแหกไม่มีเหลือเลย”
ติงหงเหย้าหัวเราะ “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? หายากมากเลยนะเนี่ย”
ติงจื่อยวี่พูดต่อ: “พี่ชาย พี่รู้ไหมว่าใครชนะการประมูล?”
“ใคร?”
“พี่ เตรียมจิตเตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะ ฉันกลัวว่าถ้าพูดออกมา จะทำพี่ตกใจจนช็อกน่ะสิ”
“โอ๋? บอกมาสิ ใครมันจะทำให้ฉันตกใจได้ขนาดนั้น”
“เป็น… ติงเฟิงเฉิง!”
จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบลงกะทันหัน รอบด้านเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนสุดขีด
ในตอนแรก ติงหงเหย้ายังไม่ได้จริงจังอะไรกับมันนัก แต่หลังจากได้ยินคำว่า “ติงเฟิงเฉิง” สามคำนี้ เขาก็นั่งไม่ติดขึ้นมาแล้ว สีหน้าสลับสับเปลี่ยนไปมาเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว ไฟโทสะพวยพุ่งขึ้นมาจนหัวสมองแทบเดือดปุดๆ
“ติงเฟิงเฉิง? ทำไมไอ้ขยะนั่นถึงชนะการประมูลได้?”
ติงจื่อยวี่จึงบรรยายฉากเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างละเอียด การเปลี่ยนแปลงของติงเฟิงเฉิงนั้นทำให้เขาตกใจมาก
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ติงเฟิงเฉิงก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วครุ่นคิดเงียบๆ
ติงจื่อยวี่พูดความกังวลของเธอออกมาจนหมด : “เจ้าติงเฟิงเฉิงคนนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นคนที่เก่งกาจได้ขนาดนี้ เหมือนกับว่ามันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ไม่รู้ว่ามันถูกผีตัวไหนเข้าสิงไปแล้วหรือเปล่า”
ติงหงเหย้าพ่นลมหายใจดัง “พรืด”ออกจมูก
” ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนหรอก แล้วก็ยิ่งไม่ใช่โดนผีเข้าสิงด้วย ”
“ถ้างั้นเพราะอะไร??”
“เป็นเพราะมีคำแนะนำจากพวกยอดฝีมือ”
“ยอดฝีมือ? ใคร?
“เจียงชื่อ”
ติงจื่อยวี่ตกตะลึงอึ้งค้าง อันที่จริง เธอเองรู้สึกถึงเงาของเจียงชื่อ ที่ซ้อนทับอยู่บนร่างของติงเฟิงเฉิงจริงๆ นั่นแหละ
เธอถามขึ้นว่า: “พี่ชาย พี่กำลังจะบอกว่าเจียงชื่อเป็นคนที่คอยชี้แนะอยู่เบื้องหลังติงเฟิงเฉิง ช่วยให้เขาชนะการประมูลได้งั้นเหรอ?”
“ใช่ ”
” เป็นไปไม่ได้ เจียงชื่อกับติงเฟิงเฉิงเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันนี่ ”
” ถ้าภายใต้สถานการณ์ปกติ มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เจียงชื่อก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะใช้คุณธรรมเอาชนะใจใครขนาดนั้น แต่ติงเมิ่งเหยนจะทำ ”
ติงหงเหย้ามองคนได้ทะลุปรุโปร่งมาก
เขาลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองดูทิวทัศน์ที่ด้านนอกแล้วพูดขึ้นว่า ” เธอควรจะรู้ลักษณะนิสัยของน้องสาวคนเล็กคนนี้ของเราให้ดี ไร้เดียงสาโอบอ้อมอารี เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องเอาไว้ เธอจะเลือกให้อภัยแก่ติงเฟิงเฉิงอย่างแน่นอน”
” เจียงชื่อรักเมิ่งเหยนซะขนาดนั้น เป็นธรรมดาที่เขาจะคล้อยตามมุมมองของเมิ่งเหยนได้ง่ายๆ ”
“ดังนั้น ฉากหน้าคือเจียงชื่อกำลังช่วยติงเฟิงเฉิง แต่แรงผลักดันภายในที่แท้จริง คือติงเมิ่งเหยนต่างหาก”
ไม่พูดไม่ได้จริงๆ ว่า ติงหงเหย้านั้นมองคนได้แม่นยำทะลุปรุโปร่งมาก แค่เพียงครู่เดียว เขาก็สามารถเห็นแก่นแท้ของปัญหาได้อย่างชัดเจนแล้ว
ถ้าด้วยนิสัยใจคอของเจียงชื่อตัวจริง แค่ไม่ฆ่าติงเฟิงเฉิงทิ้งก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว ยังจะไปช่วยเขาได้ยังไงล่ะ ? การกระทำทั้งหมดทั้งมวลของเจียงชื่อ ก็เพื่อติงเมิ่งเหยนคนเดียวเท่านั้น
เขาพูดต่อไปว่า: “แถมคนของฉันเพิ่งมารายงานสองเรื่อง เรื่องแรก เมื่อไม่นานมานี้เจียงชื่อได้มีการสื่อสารพูดคุยบางอย่างกับปู่ในหอบรรพบุรุษ ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน เรื่องที่สอง เจียงชื่อช่วยใช้หนี้ 5 ล้านแทนติงเฟิงเฉิง”
ติงจื่อยวี่ฟังจนรู้สึกชาหนังหัวหนึบไปหมดแล้ว เธอพูดขึ้นว่า “พี่ชาย เรื่องนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้องนะ ถ้าว่ากันภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เท่ากับเจียงชื่อจะช่วยให้ติงเฟิงเฉิงได้ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งเจ้าบ้านชัดๆ !”
เรื่องนี้แม้แต่ติงจื่อยวี่ก็ยังมองออก แล้วมีหรือที่ติงหงเหย้าจะมองไม่ออก?
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าไกลๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า : “เดิมทีฉันคิดว่า เจียงชื่อก็เป็นแค่คนแซ่อื่น ทั้งยังมีความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งกับปู่ การชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลติงของพวกเรา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรโดยตรงกับเขา ตัวเขาคงไม่ยื่นมือเข้ามาสอด”
” ดูเหมือนว่าฉันก็ยังคำนวณพลาด มองผ่านคนอย่างติงเมิ่งเหยนให้เล็ดลอดสายตาไปได้สินะ”
“ช่างเถอะ อะไรจะเกิดจะหยุดจะรั้งยังไงมันก็ห้ามไม่อยู่ เจียงชื่องั้นสินะ? ผู้ชายคนนี้ที่ถูกพวกเธอเรียกขานกันจนแทบจะเป็นตำนานนั่นน่ะ ฉันเองก็อยากจะเห็นกับตาเหมือนกัน ว่าจะร้ายกาจสักแค่ไหน”
โดยไม่รอช้า ติงหงเหย้าสั่งให้คนสนิทของเขามาที่สำนักงานทันที
บริษัทหงยุ่น—-หนิงคุน
“ประธานติง คุณมีธุระจะเรียกใช้ผมเหรอครับ?”
“เจ้านายหนิง ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีมีเรื่องจะรบกวนคุณอีกแล้ว”
“เจ้านายติงเกรงใจเกินไปแล้ว ชีวิตนี้ของผมได้คุณช่วยไว้ มีเรื่องอะไรเชิญสั่งมาได้เต็มที่เลย ถ้าผมทำได้ ผมจะทุ่มเททำอย่างสุดความสามารถแน่นอน!”
ติงหงเหย้าพูดว่า: “ผมอยากให้คุณช่วยตรวจสอบรายละเอียดเบาะแสของคนคนหนึ่งให้หน่อย”
“ใคร?”
“เจียงชื่อ”