จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 946 หญ้าที่เอนตามลมล้มไปทั้งสองฝั่ง
ในเวลาแบบนี้ ถ้ายังดึงดันที่จะอยู่ฝั่งติงหงเหย้าต่อไป เกิดถูกตำรวจเห็นว่าเป็นพวกเดียวกันขึ้นมา จุดจบไม่คิดก็รู้ ตัดขาดสัมพันธ์ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
เพราะคนที่คบกันด้วยผลประโยชน์ สุดท้ายก็ต้องแยกกันเพราะผลประโยชน์อยู่ดี
ติงเมิ่งเหยนยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ หญ้าที่เอนตามลมพวกนี้ เห็นแล้วช่างน่าขยะแขยงซะจริง
ติงจ้งมองไปที่เหล่าคณะกรรมการอีกครั้ง
คนอื่นผมไม่สน แต่ดูเหมือนคนในงานประชุมคณะกรรมการนั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับติงหงเหย้ามากเลยนะ!
ก็จริง การที่พวกคุณสนับสนุนติงหงเหย้าถึงขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับติงหงเหย้าอย่างแน่นอน
ไม่แน่เรื่องการลอบสังหารผู้บริหารระดับสูงพวกคุณก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังก็ได้
แล้วตัวแทนของคณะกรรมการก็ได้ลุกพรวดขึ้นมา พูดอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า นะ นายท่าน อย่าพูดมั่วๆ อย่าพูดมั่วๆ นะ! ถึงเราจะมีสัมพันธ์ ที่ดีกับติงหงเหย้า แต่เรื่องการลอบสังหารผู้บริหารระดับสูงนั้น เราไม่มีส่วนกะ เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน!
ติงจ้งได้ขำออกมา จะเกี่ยวข้องรึเปล่าคุณไม่ได้เป็นคนกำหนด ตอนนี้ผมจะแจ้งตำรวจทันที ให้ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดคุณก็จะได้รู้แล้ว
ตัวแทนของคณะกรรมการตกใจจนหน้าถอดสี
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมการลอบสังหาร แต่เขาก็ได้ทำเรื่องชั่วๆ เป็นการส่วนตัวกับติงหงเหย้าไปไว้เยอะ จะปล่อยให้โดนตรวจสอบไม่ได้!
ทันใดนั้น คณะกรรมการคนอื่นๆ ต่างพากันลุกพรวดขึ้นมา
คือนายท่านครับ ความจริงคณะกรรมการไม่ได้สนับสนุนติงหงเหย้าเลยนะครับ
ถูกต้อง เขาคนเดียวที่เป็นตัวแทนของเรา ความจริงเราไม่ได้เห็นด้วยกับติงหงเหย้าเลยสักนิด
เรานั้นคิดถึงช่วงเวลาที่นายท่านรับตำแหน่งเจ้าบ้านมากเลยนะครับ
คนพวกนี้เพื่อปกป้องตัวเองแล้ว ไม่ลังเลที่จะหักหลังตัวแทนของคณะกรรมการเลย คนพวกนี้ไม่มี ‘ใจที่เป็นหนึ่ง’ เลยสักนิด ต่างก็คิดถึงแค่ตัวเองเท่านั้น
เพื่อเอาตัวรอด กับคนที่เมื่อกี้ยังเป็นเพื่อนกันแท้ๆ บทหักหลังก็หักเลย
งั้นก็แสดงว่าพวกเขาตกใจจนหน้าซีดแล้ว
ปกติทุกคนนั้นเป็นเหมือนมดที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน สนับสนุนติงหงเหย้าไปด้วยกัน ทำไมตอนนี้ถึงป้ายความผิดให้เขาคนเดียวล่ะ? ไม่ใจดำเกินไปหน่อยเหรอ?
ตัวแทนคนนั้นแทบอยากจะร้องไห้
คือว่า นายท่าน เมื่อกี้ผมใจร้อนไปหน่อย
คุณอย่าแจ้งตำรวจเลยนะ ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว ติงหงเหย้าเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่เห็นหัวคนอื่น ผมรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าบ้านตั้งนานแล้ว
ผมคิดว่า การที่นายท่านรับตำแหน่งเจ้าบ้านก็ยังดูเหมาะกว่าอยู่ดีครับ
คนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคา ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะก้มหน้า!
ติงจ้งที่ได้ฟังก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เขาเอามือถือลง และไม่แจ้งความแล้ว ชี้ไปที่พวกคณะกรรมการแล้วพูดว่า พวกคุณนี่นะ เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ รักตัวกลัวตาย ทำไมเมื่อก่อนผมถึงมองความต่ำทรามของพวกคุณไม่ออกนะ? มีแต่พวกต่ำช้าทั้งนั้น!
การพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าทุกคน มันดูรุนแรงเกินไปแล้ว
แต่ด้วยนิสัยอย่างติงจ้ง เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด
เหล่าคณะกรรมการก็ไม่กล้าตอบโต้อะไร พวกเขานั้นรักตัวกลัวตายจริง ในเมื่ออีกฝ่ายถือความได้เปรียบอยู่ในมือ ถ้าติงจ้งเกิดโมโหแล้วแจ้งความขึ้นมา พวกเขาได้ซวยกันหมดแน่นอน
ช่างเถอะ
ติงจ้งพูดต่อ ติงหงเหย้าทำผิดถึงขนาดนี้ คงออกมาไม่ได้แล้ว แต่จะปล่อยให้ตระกูลติงขาดผู้นำไม่ได้ เจ้าบ้านคนใหม่จำเป็นต้องเลือกคนมารับตำแหน่ง
การที่พวกคุณเลือกผม แต่ผมก็แก่แล้ว ทำอะไรไม่ไหวแล้ว และไม่อยากเป็นเจ้าบ้านแล้วด้วย
ทุกคนต่างเหลือบมองด้วยหางตา
นี่มันก็หมายความว่ายังไง? ติงหงเหย้าถูกจับ ติงจ้งไม่อยากเป็น หรือจะมองดูตระกูลติงล่มสลายไปต่อหน้ารึไง?
ทันใดนั้น ติงจ้งก็ทำลายการคาดเดาของทุกคนไป
เขาพูดขึ้นมาว่า ตรงนี้ ผมของเสนอคนที่จะมารับตำแหน่งเจ้าบ้านรุ่นต่อไป คนคนนี้เป็นคนหนุ่มที่เก่งกาจ ฉลาดและมีความสามารถ เป็นคนที่เหมาะสมในการรับตำแหน่งเจ้าบ้านเป็นที่สุด
พวกคุณก็ไม่ต้องทายแล้ว คนคนนี้ก็คือหลานชายของผม—-ติงเฟิงเฉิง!
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา ในห้องก็วุ่นวายขึ้นมาทันที
เขาเหรอ?
ไม่จริงมั้ง? ให้ติงเฟิงเฉิงมาเป็นเจ้าบ้าน ไม่เท่ากับตระกูลติงจบสิ้นแล้วเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น ติงเฟิงเฉิงในตอนนี้ไม่มีหุ้นในมือเลยสักนิด ยังไงก็ไม่น่าจะเป็นเขาที่ได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้านหรอกมั้ง?
ผมว่านะ สู้ให้เจียงชื่อที่เป็นหลานเขยมาเป็นเจ้าบ้านยังดีกว่าติงเฟิงเฉิงด้วยซ้ำ
ทุกคนไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวติงเฟิงเฉิงเลย ความจริงติงเฟิงเฉิงก็ไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเองเหมือนกัน ในความคิดของเขา ไม่ว่าจะเป็นติงเมิ่งเหยนหรือเจียงชื่อต่างก็เหมาะที่จะเป็นเจ้าบ้านมากกว่าเขาอีก
เขาเคยสร้างปัญหาให้ตระกูลติงตั้งมากมาย ไม่ได้รับความไว้วางใจ ไร้ความสามารถ
เขา ไม่คู่ควร
ติงเฟิงเฉิงที่กำลังดูถูกตัวเอง ได้ก้มหน้าก้มตาภายใต้คำถามมากมายจากผู้คน
ติงจ้งขมวดคิ้วเป็นปม สถานการณ์นี้ดูไม่ดีสักเท่าไหร่
เจ้าบ้านที่ไม่ได้รับความเชื่อใจจากทุกคน มันจะไหวจริงๆ เหรอ?
ทันใดนั้น เจียงชื่อก็ได้ลุกขึ้น ใช้มือตบไปที่ไหล่ของติงเฟิงเฉิง ยิ้มให้กับเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวานว่า ทุกท่านช่วยฟังผมพูดสักสองคำ
ผมรู้ว่าพวกคุณไม่พอใจในตัวเฟิงเฉิงมาก เพราะเขาเคยสร้างปัญหาใหญ่โตให้กับวงศ์ตระกูล และยังเคยผิดพลาดอีกนับครั้งไม่ถ้วน
ความสามารถของเขาก็เป็นที่แคลงใจของทุกคนมาโดยตลอด
พวกคุณมีเหตุผลมากมายที่จะต่อต้านเขา ในจุดนี้ผมเข้าใจดี
แต่ว่า! ประเด็นเปลี่ยนไป เจียงชื่อก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง โบราณพูดไว้ดี คนเราไม่เจอกันนาน มันก็พัฒนากันได้จะมองด้วยสายตาแบบเดิมไม่ได้อีก! ตอนนี้เฟิงเฉิงไม่ใช่คุณชายที่เหลียวแหลกอีกต่อไปแล้ว เขาในตอนนี้ รู้เรื่อง หนักแน่น มีความรับผิดชอบ
ภารกิจที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?