จอมนักรบอหังการ - บทที่ 1 เจ้ายมบาลชิงตี้ เย่อู๋เทียน
จอมนักรบอหังการ บทที่ 1 เจ้ายมบาลชิงตี้ เย่อู๋เทียน!
ณ ดินแดนส่วนลึกของเทือกเขาหิมาลัย ที่มีอากาศหนาวเย็นเป็นอย่างมาก
มีโลหะปราสาทหลังหนึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณระหว่างภูเขาหิมะทั้งสี่ลูก
สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า เรือนสั่งสอน
ซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นโดยองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างสุดความสามารถ
วัตถุประสงค์ของการชื่อดังกล่าวนี้ ก็เพื่อกล่อมเกลาลูกศิษย์ที่อายุยังน้อย โดยแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้คือคุกที่ใช้สำหรับคุมขังยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในใต้หล้า
หากจะเลือกชี้ตัวไปยังคนใดคนหนึ่งในจำนวนนี้แล้ว ก็ล้วนแต่จะเป็นสิงห์ร้ายอันธพาลที่เคยฆ่าผู้คนและสร้างความโกลาหลวุ่นวายขึ้นบนโลกทั้งนั้น!
บริเวณโดยรอบของปราสาทในระยะประมาณสามร้อยลี้ ล้วนถูกหิมะปกคลุมขาวโพลนไปทั้งหมด ไม่มีแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าอะไรเลย
บนภูเขาหิมะสี่ลูกยังมีเสามังกรขนาดใหญ่จำนวนสิบสองต้นที่สูงดุจดั่งตึกอาคารตั้งตระหง่านอยู่
โดยบนเสามังกรนั้นมีโซ่รัดพันอยู่อย่างแน่นหนา ด้านบนมีพลังงานประกายไฟฟ้าเชื่อมโยง ต่อตรงไปถึงปราสาทโดยรอบทั้งสี่ทิศ ก็เพื่อควบคุมตัวปราสาทให้อยู่ภายใต้พลังงานประกายไฟฟ้าดังกล่าวอย่างแน่นหนา
ไม่ว่าอย่างไร หากถูกคุมขังอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว ก็จะต้องตายลงไปทั้งหมด
แต่ วันนี้กลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมากันถึงสิบสามคน
โดยแต่ละคนต่างก็มีท่าทางที่องอาจน่าเกรงขาม สวมใส่ชุดเกราะ และหมวกเกราะราวกับเทพราวกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น!
คนที่เป็นผู้นำนั้น สวมใส่ชุดเกราะสีแดง และหมวกเกราะสีเงิน มีชื่อรหัสลับว่าซิวหลัว!
พวกเขาล้วนถือกำเนิดขึ้นที่นี่ แต่ท้ายที่สุดก็ทนความหนาวเหน็บของสถานที่แห่งนี้ไม่ไหว จึงตัดสินใจไปเข้าร่วมอยู่กับวิหารจอมเทพ!
วันนี้ไม่ได้กลับมาเพื่อเยี่ยมเยือนบ้านเกิด
แต่กลับมาเพราะเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีสมญานามว่า “เจ้ายมบาลชิงตี้” !
พวกเขามุ่งตรงเข้าไปด้านในปราสาทโดยเร็ว สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของของคุกใต้ดินแห่งหนึ่ง
เวลานี้เด็กหนุ่มที่อยู่ภายในคุกใต้ดินนั้นมีท่าทางที่เฉยชา กำลังโยนก้อนหินทองทีละก้อนทีละก้อนเข้าไปยังกระถางที่มีเปลวไฟลุกไหม้ เพื่อให้ความอบอุ่น!
ผู้นำที่ชื่อว่าซิวหลัวที่สวมใส่ชุดเกราะสีแดงนั้นได้พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า:
“เย่อู๋เทียน จากคำตัดสินของผู้อาวุโสวิหารจอมเทพ เพียงแค่นายเต็มใจยอมที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา และควบคุมปกครองฝ่ายปีศาจสีทอง ก็จะตัดสินให้นายไร้ความผิด และสามารถออกไปจากที่นี่ได้! ”
เย่อู๋เทียนยังคงมีสีหน้าท่าทางเฉยชา พร้อมกับส่งเสียงฮึขึ้น
“ฉันไม่คิดแบบนั้นเลยว่า ในตอนนั้นที่ฉันมุ่งหน้าเข้าไปในวิหารจอมเทพ และสังหารพวกไอ้แก่ทั้งสิบสองคนที่เรียกขานตนเองว่าเทพนั้น จะเป็นการกระทำความผิด! ตรงกันข้าม ในอดีตตอนที่พวกเขาไล่ล่าสังหารฉัน พลั้งมือทำร้ายคู่หมั้นของฉันจนบาดเจ็บ ทำให้เธอสลบไปโดยที่ไม่ฟื้นคืนสตินั้นต่างหาก ถึงจะเรียกว่ากระทำความผิด! ”
ซิวหลัวถอนหายใจ
“เย่อู๋เทียน นายยังคงหลงระเริงอยู่ไม่เปลี่ยน นายต้องรู้ไว้นะว่า ผ่านมาแล้วตั้งเจ็ดปี หากนายยังไม่ยอมรับความผิด ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีสิทธิที่จะสังหารนาย แต่คุกใต้ดินแห่งนี้มีความหนาวเหน็บตลอดทั้งปี นายก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว! ”
“ซิวหลัว ฉันว่า นายคงจะเข้าใจผิดอะไรอยู่เรื่องหนึ่ง! ”
เย่อู๋เทียนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาเผยถึงความเย็นชาออกมา
“นั่นก็คือ……คนอย่างฉันเย่อู๋เทียนไม่ได้ถูกวิหารจอมเทพคุมขังตัวสักหน่อย แต่ว่า ฉันเองต่างหากที่คิดอยากจะอยู่ต่อก็อยู่ต่อ อยากจะไป ก็ไปได้ทันที! ”
เมื่อพูดจบ เย่อู๋เทียนก็หมุนตัวขึ้นโดยพลัน
ตูมมม!
ทันใดนั้นคุกใต้ดินทั้งหลังพร้อมกับชั้นน้ำแข็งด้านล่างนับพันเมตรก็พลันหมุนวนอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายร่างเป็นมังกรน้ำแข็งขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ซึ่งยังไม่ทันที่ซิวหลัวจะตื่นตกใจ!
เรือนสั่งสอนก็ถูกเสามังกรทั้งสิบสองต้นบนภูเขาหิมะทั้งสี่ลูกนั้น หล่นทับใส่ลงมาในทันที!
เทือกเขาถล่มพื้นดินทลาย พลังงานประกายไฟฟ้าลอยปลิวว่อน จนทำให้การเชื่อมต่อของโซ่ไฟฟ้านั้นพังทลายลง!
คุกใต้ดินที่มีน้ำแข็งเกาะติดมาอย่างนับไม่ถ้วน ยังคงที่จะพุ่งทะยานสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนเลยพ้นบริเวณโดยรอบของภูเขาหิมะทั้งสี่ลูกนั้น!
ต่อมา คุกใต้ดินที่เป็นเหมือนกับตาข่ายจับปลา ก็แตกสลายลงเป็นชั้น ๆ!
เย่อู๋เทียนเพียงแค่ชี้นิ้วไปเบา ๆ คุกใต้ดินก็ระเบิดแหลกสลายทันที ชิ้นส่วนกำแพงของคุกที่แฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวจำนวนนับไม่ถ้วน ก็พุ่งกระจายไปยังภูเขาหิมะทั้งสี่ลูกนั้น!
โดยจุดบริเวณที่ตกลงไป ล้วนเกิดการระเบิดสั่นสะเทือนไปทั้งหมด!
กลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัว ทำให้ผู้คนหมดสิ้นความหวัง ทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้น ต่างก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นอย่างที่สุด!
เย่อู๋เทียนมาอยู่ตรงเบื้องหน้าของซิวหลัวที่เพิ่งจะกระแทกกับภูเขาหิมะไปเมื่อครู่นี้ พร้อมกับยิ้มเยาะขึ้นที่มุมปาก: “ตอนนี้ นายยังคิดว่าฉันหลงระเริงอยู่อีกไหมล่ะ? ”
หมวกเกราะสีเงินของซิวหลัวแตกละเอียด ชุดเกราะบนร่างกายก็แตกหักพังทลายลง และมีเลือดไหลออกมาจากอวัยวะสำคัญทั้งห้า อยู่ในสภาพตกตะลึงอย่างถึงที่สุด!
เขามองไปยังภาพเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นเวลานานกว่าที่จะสงบจิตสงบใจลงได้!
“แก……แกกล้าที่จะต่อต้านวิหารจอมเทพอย่างเปิดเผย! ต้อง……ตายลงสถานเดียวเท่านั้น! ”
ผ่านไปชั่วครู่ ซิวหลัวถึงได้เอ่ยพูดคำของผู้พ่ายแพ้ด้วยความโมโหแค้นเคืองอย่างที่สุด
“ต่อต้าน? ” พวกนายวิหารจอมเทพ มันคู่ควรด้วยอย่างนั้นเหรอ?
เย่อู๋เทียนพลันยื่นนิ้วมือออกมา แตะไปที่ทรวงอกของซิวหลัว
กระแสพลังอันรุนแรง ได้พุ่งทะลุเข้าไปในอวัยวะภายในร่างกายของซิวหลัวอย่างรวดเร็ว จนกระดูกซี่โครงเปิดออก และระเบิดแตกหักอย่างต่อเนื่อง!
ซิวหลัวกระอักเลือดสีดำออกมาในทันที พร้อมกับมองไปที่เย่อู๋เทียนด้วยความหวาดกลัวอย่างมาก
แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า เย่อู๋เทียนที่ถูกความหนาวเหน็บในคุกใต้ดินนี้ทำร้ายทรมานร่างกายมานานเจ็ดปี พลังความสามารถกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลยแต่ยังจะก้าวหน้ามากขึ้นอีก!
เย่อู๋เทียนเหมือนจะมองทะลุถึงความสงสัยที่เกิดขึ้นของซิวหลัว จึงได้พูดอธิบายขึ้น
“ฉันมีร่างกายที่ธาตุหยางบริสุทธิ์ และในโชคชะตามีพิภัยเพลิงไฟส่วนที่ฉันให้ความสำคัญนั้น ก็คือตำแหน่งที่ตั้งของคุกใต้ดินแห่งนี้ ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา ฉันก็แค่ใช้ประโยชน์จากความหนาวเหน็บที่ทรมานของที่นี่ ฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของตน! ”
“ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ฉันได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่แห่งนี้ ทำให้คู่หมั้นของฉันได้สติฟื้นขึ้นมาได้! ”
“อะไรนะ? ” นาย……คิดไม่ถึงว่านายจะมีร่างกายที่แกร่งกล้าบริสุทธิ์? ” ซิวหลัวตกใจอย่างที่สุด พร้อมกับตะโกนขึ้นอย่างสิ้นหวัง:
“คือพวกกลุ่มคนในโลกนี้……ที่มีความคาดหวังมากที่สุดในการทะลุขั้นพลังตันอย่างนั้นเหรอ? ”
วิทยาศาสตร์ได้มีพัฒนาการมาจวบจนทุกวันนี้ ซึ่งได้ค้นพบว่าขีดจำกัดสูงสุดวิชาบู๊ของมนุษย์ นั่นก็คือพลังตัน
แต่ หากว่าเป็นมนุษย์ ก็ไม่สามารถที่จะทะลุขั้นแดนนี้ไปได้ ต่อให้เป็นร่างกายที่แกร่งกล้าบริสุทธิ์หนึ่งในล้าน ก็ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!
“พลังตันขั้นสูงสุด? ” เย่อู๋เทียนยิ้มเยาะอย่างเมินเฉยอีกครั้ง: “ฉันเองเคยบรรลุถึงขั้นแดนนั้นมาแล้ว แต่ว่า……นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน”
ซิวหลัวถึงกับเบิกตาโพลง
“เจ็ดปีก่อน……ก็บรรลุถึงพลังตันขั้นสูงสุดแล้ว……”
เขาพูดบ่นคำนี้อย่างเงียบ ๆ
สายตาท่าทาง หมดสิ้นความหวังอย่างที่สุด
แต่ในตอนท้ายขณะที่ได้มองดูทิวทัศน์บริเวณโดยรอบนี้ ใบหน้าที่โหดร้าย ก็ได้แสดงรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย!
“ก่อนตายสามารถที่จะได้พบเห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ที่จริงแล้ว ต่อให้ตายไปก็คงจะไม่เสียใจภายหลัง! อีกทั้ง……สามารถที่จะตายลงไปภายใต้น้ำมือของผู้ที่เก่งกาจไร้เทียมทานอย่างเย่อู๋เทียนนี้! ถือได้ว่าเป็นเกียรติ! เพียงพอแล้วที่จะมีชื่อเสียงตราตรึงไปตราบนานเท่านาน! ”
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ซิวหลัวพูดคำสั่งเสียจบ และผ่านไปอีกสักครู่หนึ่งนั้น กลับไม่โดนเย่อู๋เทียนลงมือสังหาร
เย่อู๋เทียนพูดขึ้นว่า: “นับตั้งแต่วิหารจอมเทพได้ก่อตั้งขึ้นเป็นต้นมา ก็ได้เสาะแสวงหาเด็กน้อยผู้ที่มีพรสวรรค์ในวิชาบู๊ไปทั่วทุกหนทุกแห่งมาโดยตลอด เมื่อพบเจอตัวแล้ว ก็ให้กินยาพิษต้องห้ามและอบรมเลี้ยงดูอย่างกับทาส เร่งรัดพัฒนาการให้สำเร็จโดยไม่คำนึงผลกระทบ ซึ่งขัดต่อศีลธรรมจรรยาบรรณของความเป็นมนุษย์! ”
“นิ้วดรรชนีของฉันเมื่อครู่นี้ แม้ว่าจะทำลายพลังวิชาของนายแล้ว แต่ก็ได้ขจัดยาพิษที่สะสมในร่างกายของนายมานานหลายปีทิ้งไปอย่างหมดจด! เดิมทีนายยังมีเวลาใช้ชีวิตเหลืออยู่อีกเพียงสองปี แต่หากว่าต่อไปนายได้ฝึกฝนวิชาบู๊อีกครั้ง ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหกสิบปีเลย! ”
“กี่ปีมานี้ ก็ต้องขอบคุณพวกนายอย่างมากด้วย ที่ปกติจะขนนำก้อนหินทองมาส่งในคุกแห่งนี้ แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรกับฉัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเมตตาของพวกนายต้องเสียแรงเปล่า! ”
ก็เหมือนกับที่เย่อู๋เทียนพูดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นซิวหลัว หรือว่าพวกชุดเกราะสีดำสิบสองคนนั้น ต่างก็แค่ถูกเลี้ยงดูอย่างกับทาสเอาไว้ในวิหารจอมเทพก็เท่านั้น หากมีการต่อต้านขัดขืน ก็จะต้องตายทั้งเป็น!
ตอนนี้ เย่อู๋เทียนเพียงแค่ชี้นิ้วออกไปเบา ๆ ก็ทำให้ความปรารถนาในหลายปีมานี้ของซิวหลัวสำเร็จลุล่วงแล้ว!
ซิวหลัวทั้งตื่นเต้นและดีใจ แล้วก็รีบตรวจสอบตนเองดูอีกครั้ง และพูดขึ้นว่า: “จริงด้วย เป็นไปตามนั้นจริงด้วย! ”
โดยพลันนึกคิดขึ้นได้อย่างฉับพลันถึงสมญานามของเย่อู๋เทียนที่ว่า: “เจ้ายมบาลชิงตี้” นั่นเป็นเพราะว่าในร่างกายของเขานอกจากจะมีท่าทางของเจ้ายมบาลที่ดุดันเด็ดขาดแล้ว ยังจะมีลักษณะท่าทางพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ก็คือวันใดวันหนึ่งหากเขามีอิทธิพลอำนาจขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เขาก็จะกำหนดและปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ขึ้นใหม่!
คนอื่นต่างก็เรียกขานเย๋อู๋เทียนว่าเทพสังหาร แต่ใครจะไปรู้ว่า เขาเคยสังหารคนดีมีคุณธรรมบ้างหรือไม่? ซึ่งเขาก็เพียงแต่จะอาศัยพลังความสามารถของตนเอง ต่อต้านและแบกรับภาระความกดดันที่วุ่นวายหนักหนาบนโลกใบนี้!
นิ้วเดียว สามารถทำให้บรรดาคนชั่วร้ายตายลงไป นิ้วเดียว ก็สามารถที่จะช่วยให้คนใกล้ตายฟื้นคืนชีวิตขึ้น!
ในเมื่อเย่อู๋เทียนบอกว่าหากซิวหลัวฝึนฝนวิชาบู๊ขึ้นอีกครั้ง ก็จะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกหกสิบปี ก็จะเป็นไปตามนั้นอย่างแน่นอน!
“บุญคุณที่ชิงตี้ได้ช่วยชีวิตเอาไว้ ซิวหลัวไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไร! แต่วางใจเถอะว่า เรื่องราวในวันนี้ ซิวหลัวจะคิดหาวิธีรายงานต่อเบื้องบน! เพื่อไม่ให้พวกเขามาหาเรื่องสร้างความวุ่นวายกับชิงตี้อีกแน่นอน! ”
ซิวหลัวคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อก้มกราบต่อเย่อู๋เทียนด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง ยอมศิโรราบแต่โดยดี
เย่อู๋เทียนได้กวัดแกว่งมือเขียนใบสั่งยาหนึ่งแผ่น และพูดขึ้นว่า: “ใช้ยาตามใบสั่งยานี้เพื่อบำรุงร่างกาย ไม่ว่าจะทั้งนาย หรือรวมถึงพวกชุดเกราะสีดำทั้งสิบสองคนนั้นด้วย จะต้องกำจัดยาพิษนั้นให้หมดสิ้นไปจากร่างกาย!”
เมื่อพูดจบ เย่อู๋เทียนก็หันหลังเพื่อจะเดินจากไป
ในขณะนั้นเอง ซิวหลัวก็พูดขึ้นว่า: “ช้าก่อนชิงตี้! มีเรื่องหนึ่ง ที่ฉันจะรายงานให้ท่านรับทราบ!ฉันสงสัยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น ผู้ที่พลาดถูกทำร้ายจนบาดเจ็บนั้น ไม่ใช่คู่หมั้นของท่าน……”
“อะไรนะ? ”
เย่อู๋เทียนที่เดิมทีสงบนิ่งนั้น กลับส่งเสียงดังขึ้นด้วยความตกใจ
นี่มัน……
เป็นไปได้อย่างไร? !