จอมนักรบอหังการ - บทที่ 129 ชิงตี้ คุณคือเจ้ายมบาลชิงตี้......ใช่ไหม ?
จอมนักรบอหังการ บทที่ 129 ชิงตี้ คุณคือเจ้ายมบาลชิงตี้……ใช่ไหม ?
ผู้หญิงที่สวยที่สุดมีอยู่สองประเภท
ประเภทแรกก็เหมือนกับเย่อู๋เทียน ที่ดูแล้วเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนางฟ้า ผู้คนสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล แต่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ยากที่จะมีใจที่ดูหมิ่นหรือเอนเอียง
ส่วนอีกประเภทก็เหมือนกับอิสสา ที่ดูร่าเริง ยั่วยวน สามารถทำให้ผู้ชายทุกคนคลั่งไคล้ได้ในทุกอิริยาบถ คลั่งไคล้จนแทบรอไม่ไหวที่จะคลานไปใต้ฝ่าเท้าของเธอ ทุกสถานที่ ทุกเวลาเพื่อจูบแทบเท้าของเธอ ด้วยมารยาทอันสูงสุด การจูบแทบเท้าของอีกฝ่าย ก็หวังว่าจะได้รับความเมตตาจากอีกฝ่าย
ตอนนี้ไม่เพียงแค่อ้ายเสี่ยวเตี๋ยและเสิ่นรั่วชิงเท่านั้นที่ตกใจกับการกระทำของอิสสา แม้แต่เหล่าแขกผู้ชายที่เฝ้ามองอิสสามาโดยตลอดและต้องการที่จะเอาชนะหัวใจของเธอก็ถูกการโจมตีครั้งนี้ของอิสสาเช่นกัน พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าแขกหนุ่มจำนวนมากให้ความสนใจในตัวของอิสสามาตั้งนานแล้ว และบางคนถึงขั้นมาไดนาสตี้บาร์เพื่อพบเธอโดยเฉพาะ
แต่คนเหล่านี้ไม่คาดคิดเลยว่าสาวต่างชาติที่เพิ่งปรากฏตัวในไดนาสตี้บาร์เมื่อไม่นานมานี้จะเป็นคนริเริ่มพูดคุยกับชายผิวเหลือง !
ปัญหาก็คือ ชายผู้นี้มีแฟนอยู่แล้ว แถมยังมีถึงสองคน
หรือว่าสาวต่างชาติผู้นี้ชอบแย่งของคนอื่น ?
หลายคนรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดกับเรื่องนี้
แต่ว่ามันก็ดี ถ้าเธอสามารถริเริ่มที่จะพูดคุยกับชายผิวเหลือง นั่นก็แสดงว่าเธอกินไม่เลือก
ตราบใดที่แสดงความแข็งแกร่งของตัวตนที่เพียงพอต่อหน้าเธอ รวมถึงจำนวนเงินที่มากพอ ยากมากที่เธอจะปฏิเสธ เชื่อว่าการจับหัวใจของเธอคงไม่ใช่เรื่องยาก !
และต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ คนที่ทำให้ผู้ชายจำนวนมากคลั่งไคล้ การแสดงออกของเย่อู๋เทียนทำให้หลายคนต้องผิดหวัง เขาจ้องมองใบหน้าของอิสสาเพียงชั่วขณะ จากนั้นก็เบนหน้าหนี
สุดลูกหูลูกตา มีที่นั่งหรูหราอยู่บนชั้นสอง
ที่นั่นมีชายหนุ่มผู้ดูดีคนหนึ่งกำลังพูดคุยกับชายวัยกลางคนอีก คนหนึ่งชื่อหานหยุนเฉ่า ส่วนอีกคนชื่อหลินฟู่เซิง
อิสสาเห็นว่าเย่อู๋เทียนไม่เห็นตนเองอยู่ในสายตา เธอไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด ดื่มค็อกเทลในมืออย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อดื่มจนหมด มองมาที่เย่อู๋เทียนด้วยความขุ่นเคืองพร้อมพูดว่า “ดูจากท่าทางแล้ว นายท่านคงไม่ชอบอิสสา”
เย่อู๋เทียนถามกลับไปอย่างเฉยเมย “ทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ?”
อิสสามีความสุขมากเมื่อได้ยินคำพูดนั้น รอยยิ้มที่หัวใจเต้นแรงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ จากนั้นพูดออกมาอย่างไม่รีบร้อนว่า “ตอนงานประชุมสุดอำนาจ มันเป็นเกมที่คุณสร้างขึ้น กวาดล้างผู้นำต่างชาติและชนชั้นสูงจากต่างประเทศจำนวนมาก รวมถึงฉัน ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคุณ อิสสา ! ต้องบอกเลยว่าคุณเป็นคนที่เข้าใจยากเป็นอย่างมาก ขนาดผู้หญิงอย่างฉันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของคุณ อีกอย่าง ฉันถูกคุณทำให้หิวมาเป็นเวลาเจ็ดวันเต็ม ! ในสถานที่แห่งความมืดมิด ทนหิวเป็นระยะเวลาเจ็ดวันเต็ม !”
เย่อู๋เทียนตอบกลับไปว่า “นี่เธอกำลังหลีกเลี่ยงคำถามของฉัน”
อิสสาจ้องมองไปยังเย่อู๋เทียนครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าและพูดว่า “ฉันจำเป็นต้องระบายความทุกข์กับคุณก่อน และฉันคิดว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะระบายความทุกข์กับคุณ เนื่องจากหลังงานประชุมสุดอำนาจ คนส่วนใหญ่ยังตกอยู่ในความโง่เขลา พวกเขาต่างคิดว่า สิบสองผู้พิทักษ์แห่งวิหารจอมเทพให้ความช่วยเหลือประเทศหลง ปีศาจแดงตายไปตั้งแต่เนิ่น ๆ วันนั้นคุณเป็นคนปลอมตัวเป็นปีศาจแดง ! คุณเล่นสนุกกับการแกล้งทุกคน !”
เย่อู๋เทียนมองอิสสา เขาถามออกไปว่า “แล้วหลังจากนั้น ? เธอต้องการแสดงออกถึงอะไร ?”
อิสสาพูดออกมาว่า “สิ่งที่ฉันอยากจะแสดงออกมาก็คือ ฉันสามารถเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคุณได้ การที่ได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับฉัน ! เหตุผลที่ฉันปรากฏตัวที่นี่ก็เพราะฉันได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้กับเหยียนมู่จือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาอนุญาตให้ฉันทำอะไรก็ได้ในประเทศหลง ขอแค่ไม่ไม่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของประเทศหลงก็พอแล้ว ! แต่ คุณคิดว่าแบบนี้มันจะไม่เป็นการสูญเปล่าไปหน่อยเหรอ ? ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำในสิ่งที่สมกับคุณค่าของตัวฉันได้ !”
พูดถึงตรงนี้อิสสาก็หันไปหาเสิ่นรั่วชิง ยิ้มและพูดออกมาว่า “อีกอย่างเมื่อสักครู่ฉันก็ได้ยินมาว่า คุณผู้หญิงที่งดงามท่านนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นภรรยาของคุณ และเธอต้องการให้ฉันไปที่คฤหาสน์เพื่อเป็นพนักงานใน ฉันคิดว่า ฉันคงไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจขนาดนี้ได้ !”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ท่าทางของเสิ่นรั่วชิงก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเองก็ผงะมากกว่าเดิม
เนื่องจากตอนที่เย่อู๋เทียนและอิสสาพูดคุยกัน เธอได้ยินถึงเบาะแสบางอย่าง
ข้อมูลสำคัญประการหนึ่งก็คือ เย่อู๋เทียนได้เข้าร่วมงานประชุมสุดอำนาจที่เจียงไห่ก่อนหน้านี้ แถมยังเล่นกลกับบุคคลสำคัญระดับโลกอีกมากมายด้วย !
โดยเฉพาะคนที่อิสสาพูดถึง เหยียนมู่จือ
เหยียนมู่จือคือใคร เท่าที่อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเคยได้ยินมา เขาคือนายพลที่มีชื่อเสียงของประเทศลงที่ประจำการอยู่ในเจียงไห่ !
เขาคือผู้หญิงใหญ่ที่อยู่เหนือคนนับล้าน
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยมองมายังเย่อู๋เทียนด้วยความประหลาดใจ สมองของเธอหยุดนิ่ง เธอนึกไม่ออกว่าเย่อู๋เทียนมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนอยู่กันแน่ !
และในตอนนี้นี้ ชายร่างใหญ่ในชุดเครื่องแบบทหารคนหนึ่งเดินมาจากประตูบาร์ ร่างของเขาตรงราวกับดาบ และข้างหลังเขามีทหารชั้นยอดอาวุธครบมืออีกจำนวนมาก
ไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหนก็เกิดความโกลาหล
คนที่อยู่ในบาร์จำนวนมากนั้นไม่อยากเชื่อ ทำไมคนของกรมทหารถึงได้มาที่ไดนาสตี้บาร์อย่างกะทันหัน ?
หลินฟู่เซิงและหานหยุนเฉ่าที่อยู่บนชั้นสองก็จ้องมองลงมา
หลินฟู่เซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมเหยียนมู่จือต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่วินาทีถัดมา เขาสังเกตเห็นเย่อู๋เทียนที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ คิ้วของเขาก็ขมวดมากขึ้น
เย่อู๋เทียน ?
ปู่เฉาต้องการให้ตนเองจัดการคนผู้นี้ ?
เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ในใจ หลินฟู่เซิงรีบลุกขึ้นยืน หันไปพูดกับหานหยุนเฉ่าที่อยู่ตรงหน้าว่า “คุณหาน คุณรอตรงนี้สักครู่ ผมขอตัวลงไปดูด้านล่างก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
หานหยุนเฉ่าสังเกตเห็นเย่อู๋เทียนแล้ว ในใจก็เกิดความสงสัยเช่นกัน “เจ้านี่มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขามาที่นี่เพราะรู้การเดินทางของฉันล่วงหน้า ?”
เมื่อเช่นนั้น ความเหลาะแหละก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหานหยุนเฉ่า
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร……
ในเมื่อได้พบกันแบบนี้ พรุ่งนี้ตนเองจะได้ไม่ต้องไปสั่งสอนเย่อู๋เทียนแทนหานเฟิงอี้
หานหยุนเฉ่าเองก็ลุกขึ้นมา เดินตามหลินฟู่เซิงลงไปด้านล่าง
ในตอนนั้น เหยียนมู่จือเดินมาถึงด้านหน้าของเย่อู๋เทียน พูดออกมาด้วยความเคารพ “ชิงตี้”
เย่อู๋เทียนพยักหน้าเบา ๆ
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเธอตึงขึ้นมาทันที
เหยียนมู่จือเรียกเย่อู๋เทียนว่าอะไร ?
ชิงตี้ ?
นี่มัน……
นี่มันเรื่องอะไร ?
อิสสาหันดวงตาที่สวยงามของเธอไปทางเหยียนมู่จือพร้อมกับกล่าวทักทาย “สวัสดีท่านนายพลเหยียน !”
เหยียนมู่จือชำเลืองมองอิสสาแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ขาหันไปมองที่ปากทางขึ้นบันได และเห็นหลินฟู่เซิงกำลังเดินมาทางด้านของเขา
หลินฟู่เซิงเห็นเหยียนมู่จือ รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเต็มใบหน้า รีบเดินเข้ามา ยิ้มและพูดว่า “ยินดีต้อนรับท่านนายพลเหยียน ไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับใช้ ?”
เหยียนมู่จือพูดออกมาว่า “ไปกับฉันหน่อย แล้วก็เจ้าฮัวเสี่ยวหาง ตอนนี้เขาอยู่ไหน ?”
หลินฟู่เซิงตกตะลึงไปชั่วขณะและพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่ท่านนายพลเหยียนหมายความว่าอย่างไร ? ดูเหมือนว่าผมไม่เคยไปทำอะไรให้ท่านนายพลเหยียนขุ่นเคือง ?”
เหยียนมู่จือขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับหลินฟู่เซิง โบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังเขาและพูดว่า “พาตัวไป”
ชายหนุ่มในเครื่องแบบทหารสองสามคนเดินเข้ามาหาหลินฟู่เซิงทันที
หลินฟู่เซิงหรี่ตาลง และตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะเย่อู๋เทียนที่อยู่นั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาไม่มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด ไม่แม้แต่จะหันมามองทางเหยียนมู่จือกับตนเองเลยสักครั้ง
นี่มันปกติงั้นเหรอ ?
และในตอนนี้เอง หานหยุนเฉ่าที่ตามหลังของหลินฟู่เซิงมาโดยตลอดก็ได้พูดออกมา เขายิ้ม หันไปทางเย่อู๋เทียนและพูดออกมาอย่างนุ่มนวลว่า
“เจ้าเด็กตัวน้อยเหยียนมู่จือคนนี้ เป็นคนของนายใช่ไหม ? เฮ้ หลังจากนายกลับมาเจียงไห่ ออกมาดื่มเหล้า ถึงกับต้องการทำบางสิ่งเพื่อฟื้นฟูการดำรงอยู่ที่ต่ำต้อยและน่าสมเพชของนายเลยงั้นเหรอ ? นี่นายจะเอาอำนาจทางการทหารของนายมาใช้มากเกินไปหรือเปล่า ? เฮ้ ใช่แล้ว นายในตอนนี้เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว นายคือเจ้ายมบาลชิงตี้……ใช่ไหม ?”