จอมนักรบอหังการ - บทที่ 141 ดูไม่ค่อยเหมือนพวกเห็บหมัดเท่าไหร่!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 141 ดูไม่ค่อยเหมือนพวกเห็บหมัดเท่าไหร่!
เย่อู๋เทียนหันไปมอง คนที่พูดไม่ใช่หานจื่อหยวนแล้วจะเป็นใคร?
หานจื่อหยวนมองเย่อู๋เทียนอย่างประชด ก่อนจะสำทับอีกคำว่า “เย่อู๋เทียน นายรู้ไหมว่าในโลกนี้มีคำพูดหนึ่งว่าไว้? ถ้าทำเกินไปไม่ระวังให้ดี โอหังมากเกินไปก็จะทำให้เกิดมหันตภัยได้!”
เย่อู๋เทียนขี้เกียจแม้แต่จะตอบหานจื่อหยวน เขามองถังจิ่วเชียนที่อยู่ตรงหน้า ยิ้มบอกว่า “เมื่อกี้ผมไม่ได้ล้อเล่น”
หานจื่อหยวนเห็นเย่อู๋เทียนโอหังขนาดนี้ก็กัดฟันกรอด บอกถังจิ่วเชียนว่า “รับปากเขา ก็แค่จับมือกับเขาเท่านั้นเอง ให้ดีที่สุดบีบมือเขาให้แตกไปเลย!”
ถังจิ่วเชียนมองหานจื่อหยวนพลางว่า “ที่นี่เธอไม่มีสิทธิ์พูด”
หานจื่อหยวนอึ้งตะลึง
ไม่คิดเลยว่า ถังจิ่วเชียนจะไม่ไว้หน้าตนต่อหน้าหานเฟิ่งอี๋อย่างนี้
แต่พอคิดถึงฝีมือถังจิ่วเชียน….
อันที่จริงหานจื่อหยวนไม่กล้าแม้แต่จะอายจนโกรธด้วยซ้ำ
ถังจิ่วเชียนเบนสายตากลับไปที่หานเฟิ่งอี๋อีก เหมือนจะรอให้หานเฟิ่งอี๋พูดอะไร
เวลานี้เฉิงโม่หนงและหานหยุนเซียวต้องตามมาอยู่แล้ว ทั้งคู่ได้ยินคำพูดโอหังเมื่อกี้ของเย่อู๋เทียนเหมือนกัน และก็แอบคิดว่า เย่อู๋เทียนบ้าไปแล้วหรือเปล่า? กล้าหือกับถังจิ่วเชียน!
โดยเฉพาะเฉิงโม่หนง พอได้ยินเย่อู๋เทียนบอกว่าจะยกเทียนจวินกรุ๊ปให้หานเฟิ่งอี๋ เธอรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที
บางทีเย่อู๋เทียนจะสามารถสู้กับถังจิ่วเชียนสิบกว่ากระบวนท่าได้จริงๆ มันก็สมเหตุสมผลอยู่ เพราะถึงเฉิงโม่หนงจะไม่เคยเห็นฝืมือที่แท้จริงของเย่อู๋เทียนมาก่อน แต่ก็เคยเห็นฝีมือเฉียนเป่ยเฉินลูกศิษย์ของเขามาแล้ว
ลูกศิษย์ยังร้ายกาจขนาดนั้น แล้วอาจารย์ล่ะ?
แต่ตอนนี้เย่อู๋เทียนเผชิญหน้ากับใครอยู่ล่ะ?
หินลับมีดตั้งแต่เล็กจนโตของถังเลี่ยน ถังจิ่วเชียนนะ!
เมื่อกี้เย่อู๋เทียนพูดอะไรนะ?
จะให้ถังจิ่วเชียนมาจับมือกับเขา ขอเพียงถังจิ่วเชียนสามารถสะบัดมือหลุดจากการเกาะกุมของเขาได้ เขาก็จะยกเทียนจวินกรุ๊ปรวมถึงธุรกิจภายใต้ชื่อเขา หรือกระทั่งอำนาจทั้งหมดให้กับหานเฟิ่งอี๋หรอ?
นี่มันเท่ากับให้ฟรีชัดๆ!
แต่ภายใต้สายตาคนมากมาย เฉิงโม่หนงจะทำยังไงได้?
จะทำหน้าหนาไปบอกหานเฟิ่งอี๋และถังจิ่วเชียนว่า พวกคุณอย่าถือสาเย่อู๋เทียนเลย เขาโง่ เขาพูดเล่นหรอ?
เป็นไปไม่ได้หรอก!
เย่อู๋เทียนพูดมันออกไปแล้ว เฉิงโม่หนงคงจะหักหน้าเย่อู๋เทียนต่อหน้าทุกคนไม่ได้หรอกจริงไหม? เฉิงโม่หนงกัดฟันกรอด แอบคิดในใจว่า “เทียนจวินกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ จะบอกยกให้คนอื่นง่ายๆได้ยังไงกัน? นี่คิดว่าเล่นขายของอยู่หรอ? ช่างเถอะ ยังไงซะก็เป็นคำพูดปากเปล่าเท่านั้น และระดับผู้บริหารของเทียนจวินกรุ๊ปก็คือตนเอง ถึงเวลานั้น เธอไม่ถือเป็นจริงจังก็พอแล้ว!”
แต่ในตอนที่เฉิงโม่หนงกำลังคิดอย่างนี้ หานเฟิ่งอี๋หรี่ตามองมาทางเย่อู๋เทียน ยิ้มถามว่า “ถ้าฟังไม่ผิด คำพูดที่แกพูดกับถังจิ่วเชียน คือกำลังพูดข้อตกลงการเดิมพันรึ?”
เย่อู๋เทียนยักไหล่บอก “คุณจะเข้าใจแบบนี้ก็ได้”
หานเฟิ่งอี๋ดีใจพลางว่า “พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน!”
เย่อู๋เทียนยิ้มบอก “ทัศนคติของคุณเล็กเกินไป คนอย่างผมเย่อู๋เทียนเคยโกหกเมื่อไหร่กัน?”
สายตาหานเฟิ่งอี๋ทอประกายเย็นเยียบ พยักหน้าบอกว่า “ดี นับวันยิ่งน่าสนใจมากขึ้นแล้ว งั้นก็ทำตามที่แกบอก ถ้าแกแพ้ เทียนจวินกรุ๊ปรวมถึงธุรกิจทั้งหมดภายใต้ชื่อแกจะตกเป็นของฉันหานเฟิ่งอี๋ แน่นอน หอจักรพรรดิเซียนของแกด้วย!”
เย่อู๋เทียนยักไหล่ถามว่า “คุณพูดนี่เชื่อถือได้ไหม? เมื่อครู่ถังจิ่วเชียนบอกแล้วว่า ชาตินี้เขาฟังคำพูดของถังเลี่ยนคนเดียว”
หานเฟิ่งอี๋พูดอย่างไม่ทำคนตกใจไม่เลิกรา บอกว่า “ฉันคลอดถังเลี่ยนออกมาเอง แกว่าคำพูดฉันต่อหน้าคนรับใช้ของลูกชายฉันนี่เชื่อถือได้ไหม?”
พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนตกใจมาก
ถังเลี่ยน….
เป็นลูกชายของหานเฟิ่งอี๋?
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว
เฉิงโม่หนงกับหานหยุนเซียวตกตะลึงอ้าปากค้าง
ใครก็ไม่คิดว่า ถังเลี่ยนจะเป็นลูกชายของหานเฟิ่งอี๋!
หมายความว่า ข่าวลือพวกนั้นในวงการของตี้ตูเป็นเรื่องไม่มีมูลเหตุจริงๆ?
และก็หมายความว่า หานเฟิ่งอี๋มีสัมพันธ์กับถังเจิ้งเฟิงที่เป็นผู้บัญชาปกครองชายแดนแห่งประเทศหลง?
หานเฟิ่งอี๋เมินเฉยคนอื่น มองเย่อู๋เทียนต่อไป พลางยิ้มบางบอก “ตระกูลสูงที่แท้จริง มักจะต้องเผชิญกับเสียงซุบซิบเล่าอ้างมากมายนัก ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า มีคนปรักปรำว่าฉันกับถังเลี่ยนเป็นคู่รักกัน เหอะเหอะ พวกมันล้วนสมควรตาย!”
เย่อู๋เทียนบอก “ทำให้ผมแปลกใจอยู่เหมือนกัน”
หานเฟิ่งอี๋พูดเสียงเย็นชาว่า “ถ้าลูกชายฉันอยู่ที่นี่ ก็คงไม่เสียเวลาพล่ามกับแกให้มากความแน่ เอาแค่ที่แกเห็นผู้ใหญ่อย่างฉันแล้วยังไม่ยอมคุกเข่า เขาก็สามารถกำจัดแกได้แล้ว! แน่นอน ถ้าฉันออกปาก ถังจิ่วเชียนก็กำจัดแกได้เหมือนกัน! แต่ว่าเห็นแก่ที่เมื่อก่อนแม่แกหานหว่านเอ๋อร์พอมีสายสัมพันธ์กับฉันอยู่บ้าง ฉันจะปล่อยแกไปก็ได้!”
พอคำพูดนี้ออกไป ทุกคนเงียบกริบ
แต่ทุกคนกลับไม่มีใครรู้เลยว่า บนยอดตึกของอาคารเทียนจวิน มีผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำกำลังก้มหน้ามองทุกสิ่งเบื้องล่างนี้จากที่สูงนั่น
ผู้หญิงคนนี้ ดูไม่ออกว่าเธออายุเท่าไหร่ แต่เห็นผมสองข้างสีเทาจางๆ อายุไม่น่าจะน้อยเท่าไหร่ แต่ใบหน้าที่มีผ้าปิดหน้าสีดำปกปิดไว้นั้นกลับมีผิวพรรณเรียบเนียนดุจทารก ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความผันผวนแปรปรวน เป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดมากคนหนึ่ง
ในเวลานี้ สายตาของเธอจับจ้องไปที่เย่อู๋เทียน แววตาเรียบเฉยอย่างน่าประหลาด แต่ในส่วนลึกของความเรียบเฉยนี้กลับแอบซ่อนอารมณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
เย่อู๋เทียนที่อยู่บนพื้นดินสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมองดูเขา หวั่นไหวเล็กน้อย แต่พอเงยหน้ามองดาดฟ้าอาคารเทียนจวิน แต่กลับไม่ค้นพบร่างใครเลย
แต่เย่อู๋เทียนมั่นใจมากว่า
บนดาดฟ้าอาคารเทียนจวินต้องมีคนแน่
หรือว่าจะเป็นผู้ช่วยของหานเฟิ่งอี๋?
และในวินาทีที่เย่อู๋เทียนเหม่อลอยนี้ หานเฟิ่งอี๋ยิ้มเยาะบอก “ทำไม กลัวแล้วรึ?”
เย่อู๋เทียนแค่นเสียงบอก “ในพจนานุกรมของผมไม่มีคำว่ากลัว”
หานเฟิ่งอี๋หันมองถังจิ่วเชียน พลางยิ้มบอก “งั้นก็เริ่มเลยเถอะ จับมือเท่านั้นเอง มีอะไรล่ะ?”
หลังจากถังจิ่วเชียนได้รับการอนุญาตจากหานเฟิ่งอี๋ เขาสูบบุหรี่คำสุดท้ายอย่างสบายอารมณ์ เขามองเย่อู๋เทียนเต็มตา พ่นควันบุหรี่ไปพลางยื่นมือออกมาบอกว่า “มาเถอะ”
ระหว่างพูด ออร่าของถังจิ่วเชียนเพิ่มพูนสูงมาก
มีร่างกายเขาเป็นศูนย์กลาง ในวินาทีที่เขายื่นมือหาเย่อู๋เทียน บรรยากาศดูจะบิดเบี้ยวขึ้นมา เหมือนคลื่นลมร้อนภายใต้กล้อง ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อเลยจริงๆ
หันมองถังจิ่วเชียนอีกที ผมสีแดงของเขาเคลื่อนไหวขึ้นมาเองทั้งที่ไม่มีลม ออร่าทั้งตัวเหนือกว่าความคิดของคนธรรมดาจะนึกได้ เหมือนกับ….
เทพ!
เย่อู๋เทียนกลับไม่ได้รีบร้อนจับมือกับถังจิ่วเชียน เขากลับหันหาหานเฟิ่งอี๋ ถามเพิ่มออกมาว่า “ในเมื่อเป็นการเดิมพัน ทางผมเอาเทียนจวินกรุ๊ปและหอจักรพรรดิเซียนเป็นของเดิมพัน คุณไม่คิดจะให้อะไรหน่อยหรือไง?”
หานเฟิ่งอี๋สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เหมือนคิดไม่ถึงว่า เย่อู๋เทียนจะเรียกร้องอย่างนี้ภายใต้เวลาสำคัญอย่างนี้ ประเด็นคือ เขากลับเมินเฉยต่อท่าทีที่แสดงออกมาของถังจิ่วเชียนในตอนนี้!
ขนาดตัวถังจิ่วเชียนเองยังรู้สึกประหลาดใจ
เย่อู๋เทียนคนนี้ อย่าพึ่งพูดว่าวิทยายุทธ์เขาเป็นยังไง เอาแค่ท่าทีมั่นคงที่เขาแสดงออกมาตอนนี้ก็เหนือความคาดหมายมากแล้ว
ที่แท้ ถังจิ่วเชียนแค่แสดงพลังออกมาเจ็ดส่วนเท่านั้น ตอนนี้เห็นเย่อู๋เทียนเป็นแบบนี้ เขาเลยแสดงพลังออกมาสิบส่วนเลยทีเดียว ทำให้บรรยากาศรอบตัวเกิดเสียงระเบิดของสายฟ้าฟาดขึ้น!
เสียงนี้ลอยเข้าหูทุกคนที่นั่น นอกจากเย่อู๋เทียนแล้ว แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ต่อให้เป็นหานเฟิ่งอี๋ก็ไม่คิดเลยว่า ถังจิ่วเชียนจะร้ายกาจถึงขนาดนี้!
เย่อู๋เทียนเห็นหานเฟิ่งอี๋ไม่ตอบ เลยเอ่ยเตือน “ผมถามคุณอยู่!”
หานเฟิ่งอี๋มีสีหน้าเย่อหยิ่งหัวเราะบอกว่า “ในเมื่อแกอยากตาย ฉันจะสงเคราะห์ให้ ถ้าแกชนะ หานซื่อกรุ๊ปยกให้แก แต่ถ้าแกแพ้ ที่ฉันต้องการจะไม่ใช่แค่เทียนจวินกรุ๊ปและหอจักรพรรดิเซียน ยังมี….ชีวิตแกด้วย!”
เย่อู๋เทียนส่ายหัวบอก “ไม่คุ้ม”
หานเฟิ่งอี๋บอก “ฉันว่าแกไม่กล้า”
แต่คำพูดต่อมาของเย่อู๋เทียนกลับทำหานเฟิ่งอี๋อ้าปากค้าง
“แบบนี้แล้วกัน ถ้าผมชนะ หานซื่อกรุ๊ปยกให้ผม ในเวลาเดียวคุณก็บอกถังเลี่ยนซะว่า ถังจิ่วเชียนน่ะยกให้ผมเลย ช่วงนี้ผมกำลังเครียดเรื่องหนึ่ง ศิษย์รักของผมขาดคู่ฝึกซ้อม!”
ระหว่างพูด เย่อู๋เทียนหมุนตัวหันไปมองถังจิ่วเชียน พลางยื่นมือไปจับมือเขา
ดูเหมือนอากาศสดใส แต่ในวินาทีที่เย่อู๋เทียนจับมือถังจิ่วเชียน ประหนึ่งเกิดสายฟ้าฟาดไร้เสียงขึ้นมา เห็นแค่พื้นใต้ขาเย่อู๋เทียนแตกร้าวประหนึ่งใยแมงมุม
ในตอนนี้เอง ถังจิ่วเชียนสีหน้าเปลี่ยน แต่ไม่รอเขาออกแรงดึงมือกลับ ก็รู้สึกถึงพลังบ้าคลั่งกลุ่มหนึ่งแล่นพล่านจากฝ่ามือเขาไปชีพจรทั่วร่าง โดยเฉพาะเส้นชีพจรปอด รู้สึกเหมือนประทัดระเบิด ปูดโปนบวมเป่งอย่างน่าประหลาด แต่วินาทีต่อมา ก็เหมือนเส้นชีพจรปอดแช่แข็ง หนาวเหน็บมาก
ทำให้สีหน้าถังจิ่วเชียนเปลี่ยนอีกครั้ง ผิวที่เดิมทีขาวอมชมพูกลับซีดเผือดเหมือนยืนอยู่กลางนรกน้ำแข็งก็ไม่ปาน และในขณะเดียวกันทุกรูขุมขนก็แผ่ซ่านไอเย็นเหมือนหมอกออกมา!
เย่อู๋เทียนมองถังจิ่วเชียนในระดับสายตา ยิ้มน้อยๆว่า “หลายปีมานี้แกยอมเป็นหินลับมีดของถังเลี่ยน แผลเก่าบนตัวมีไม่น้อยเลย แต่อาศัยแค่บุหรี่ทำพิเศษในกระเป๋าเสื้อของแกน่ะ ทำได้แค่ระงับความเจ็บเท่านั้นเอง ไม่มีประโยชน์กับบาดแผลเก่าบนตัวแกเลยสักนิด โชคดีที่แกมาเจอฉันเข้า ฉันชื่นชมท่าทีที่แกมีต่อคนและของมาก ดูไม่เหมือนพวกที่รู้จักแต่กระโดดพล่านไปทั่วอย่างพวกเห็บหมัด”
พอพูดแบบนี้จบ ถังจิ่วเชียนกระอักเลือดคำโตอกมา
เย่อู๋เทียนหลบทัน สุดท้ายเลือดคำโนนั่นพ่นไปที่หน้าหานเฟิ่งอี๋และหานจื่อหยวนเต็มๆ