จอมนักรบอหังการ - บทที่ 149 ริมฝีปากแดงเรื่อสั่นเครือ ใบหน้างามขาวดุจหิมะ!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 149 ริมฝีปากแดงเรื่อสั่นเครือ ใบหน้างามขาวดุจหิมะ!
คนที่โดนถามชื่อหม่าจวิ้น เป็นผู้จัดการแผนกหนึ่งของบริษัทลูกของเทียนจวินกรุ๊ป
เห็นได้ชัดว่า เขาเป็นชายวัยกลางคนที่คล่องแคล่วมากคนหนึ่ง เขารีบตอบเย่อู๋เทียนทันทีว่า “เรียนประธานเย่ ดาดฟ้ามีกล้องวงจรปิดครับ ผมจะไปห้องควบคุม เอาวิดีโอของกล้องวงจรปิดที่ดาดฟ้ามานะครับ”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า “ส่งไปที่ห้องทำงานCEO เอาแค่ช่วงเวลาสองชั่วโมงนี้ก็พอ”
หม่าจวิ้นพูดอย่างเคารพว่า “ครับ ประธานเย่”
พอพูดจบ หม่าจวิ้นก็วิ่งไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดของอาคารเทียนจวินทันที
เสิ่นรั่วชิงมองเย่อู๋เทียนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ จึงถามอย่างสงสัยว่า “อยู่ดีๆ เช็คกล้องวงจรปิดทำไม?”
เย่อู๋เทียนบอก “ดาดฟ้ามีคน น่าจะ…เป็นผู้หญิง”
เสิ่นรั่วชิงยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าเดิม
ในตอนนี้เองบนดาดฟ้าของอาคารเทียนจวิน
ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในชุดคลุมสีดำค่อยๆเดินมาที่ขอบดาดฟ้า ดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่งกลับไร้ซึ่งความผันผวนแปรปรวน และเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็กระโดดลงมา!
ชิ้ง!
จุดที่ขาแตะพื้น กลับเป็นดาดฟ้าของอาคารที่อยู่อาศัยอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับถนนด้านหลังอาคารเทียนจวิน
กระโดดลงมาจากที่สูงขนาดนั้น กลับเบาหวิวประดุจขนนกสีดำเท่านั้น
มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ที่ห้องทำงานCEOของอาคารเทียนจวิน
เย่อู๋เทียนได้เอาวิดีโอกล้องวงจรปิดของดาดฟ้าที่หม่าจวิ้นส่งมาให้มาดูแล้วสองรอบ
ก่อนหน้านี้หม่าจวิ้นได้ดูวิดีโอนี้แล้วเหมือนกัน
มันช่างทำมุมมองโลกของเขากลับตาลปัตรจริงๆ
ไม่เข้าใจจริงๆ บนโลกนี้มียอดฝีมือวิทยายุทธ์เหลือเชื่ออยู่มากมายขนาดนี้เลย!
พอเห็นสีหน้าเย่อู๋เทียนเคร่งเครียดอย่างน่าประหลาด…
หม่าจวิ้นก็ไม่กล้าส่งเสียงอะไร เขายืนอยู่ข้างๆ ยืนรอเย่อู๋เทียนสั่งการเขาเงียบๆ
เย่อู๋เทียนกดปุ่มบนจอคอมพิวเตอร์
วิดีโอกล้องวงจรปิดบนหน้าจอชะงักลงที่ใบหน้าโดยตรงของผู้หญิงชุดคลุมดำทันที
พอขยายใหญ่ เย่อู๋เทียนจ้องมองดวงตาเรียวยาวของผู้หญิงคนนี้อย่างตาไม่กะพริบ
สีหน้าเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ
เพราะไม่รู้ทำไม…
ต่อให้ผู้หญิงคนนี้ใส่ผ้าคลุมหน้าไว้ชั้นหนึ่ง แต่ยังคงทำให้เย่อู๋เทียนรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน!
และความรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนนี่ ไม่ใช่ธรรมดาเลย
เพราะดูจากส่วนสูงของผู้หญิงคนนี้แล้ว เธอเหมือนคนๆหนึ่งมาก
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของเธอ!
ดูแล้วเหมือนเย่อู๋เทียนอยู่หลายส่วน
พูดอีกอย่าง เย่อู๋เทียนเหมือนผู้หญิงคนนี้อยู่หลายส่วน
เย่อู๋เทียนเริ่มสงสัยว่า ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องกับแม่ตนหรือเปล่า
แม่ตนหานหว่านเอ๋อร์ ยังมีพี่สาวหรือน้องสาวแท้ๆอีกคน?
ในตอนที่เย่อู๋เทียนคิดอย่างนี้ โทรศัพท์ดังขึ้น พลันตัดบทความคิดของเขา
พอรับสาย เสียงปลายสายคือเสียงเหยียนมู่จือ “ชิงตี้ มีเรื่องหนึ่ง ข้าน้อยจะรายงานท่านขอรับ”
เย่อู๋เทียนพูดเสียงเรียบ “เรื่องอะไร?”
เหยียนมู่จือบอก “ฉาวซิงแห่งเจียงหนานได้ส่งนักโทษหนักที่ทางการออกหมายจับอันดับต้นๆของเขตฉางซานเจี่ยวจำนวนสิบเจ็ดคนเข้าไปที่หน่วยสืบราชการลับเจียงหนานแล้ว และเขายังส่งลูกน้องคนสนิทห้าคนที่เขาเคยให้ความสำคัญเข้าไปในเรือนจำแปดเหลี่ยมกับมือ!”
เย่อู๋เทียนเลิกคิ้วน้อยๆ แค่นเสียงเยาะบอก “เขารู้ตัวดีนี่” จากนั้นก็ถามขึ้น “นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?”
เหยียนมู่จือทำเสียงอึกอักในสายสักครู่ พลางว่า “ข้าน้อยรู้มาว่า ฉาวซิงได้เอาทรัพย์สมบัติภายใต้ชื่อเขาทั้งหมดโอนย้ายไปเป็นชื่อลูกสาวเขาหยางเฟยเอ๋อร์แล้ว ข้าน้อยสงสัยว่า เขาคิดลักลอบหลบหนี!”
ก่อนหน้านี้ที่เกิดเรื่องที่บริษัทแฟชั่นเฟยฉือ เหยียนมู่จือไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้พูดแบบนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่
เย่อู๋เทียนบอก “คนอย่างฉาวซิง นายไม่ต้องให้ความสนใจมากไปแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอเขาแล้ว ลูกสาวของเขาเป็นเพื่อนนักเรียนของผม อีกอย่างหลายปีก่อนฉาวซิงถือว่ามีความดีความชอบต่อประเทศหลง ตอนนี้ในเมื่อเขากลับตัวเป็นคนดีแล้ว ปล่อยเขาไปก่อน”
เหยียนมู่จือที่อยู่ในสายอึ้งเล็กน้อย ก่อนบอก “ขอรับ ชิงตี้”
พอวางสาย เย่อู๋เทียหันมองผู้หญิงหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง พลางคิดๆ และสั่งการหม่าจวิ้นต่อว่า “ไปเอาวิดีโอวงจรปิดรอบๆอาคารเทียนจวินมาด้วย ดูสิว่าผู้หญิงคนนี้มายังอาคารเทียนจวินได้ยังไง ทางที่ดีที่สุดสามารถสืบใบหน้าที่แท้จริงของเธอออกมาได้”
หม่าจวิ้นรับคำว่า “ครับ ประธานเย่!”
พูดจบ หม่าจวิ้นหมุนตัวจากไป
และเขาพึ่งเดินออกไป เฉิงโม่หนงก็เข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด และในมือเธอก็ยังถือเอกสารมาด้วย เธอก้าวเข้ามายืนตรงหน้าเย่อู๋เทียน พูดอย่างเปิดอกว่า “หานซื่อกรุ๊ปทำการซื้อมาเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นสัญญารับซื้อ!”
เย่อู๋เทียนมองเอกสารแวบเดียว ไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ พลางถามว่า “หานเฟิ่งอี๋ล่ะ?”
เฉิงโม่หนงบอก “ไปแล้ว”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาถาม “ไปไหน?”
เฉิงโม่หนงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก พลางบอก “เจียงหนาน! เท่าที่ฉันรู้ เธอจะไปร่วมงานประมูลสินค้าที่เจียงหนาน แต่เป็นไปได้มากว่าจะไปหาคนมาช่วย!”
เย่อู๋เทียนยิ้มขันถาม “คนมาช่วยอะไร?”
เฉิงโม่หนงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ลูกชายเธอ ถังเลี่ยน!”
เย่อู๋เทียนยักไหล่บอก “งั้นก็ดี อย่ารอเธอพาถังเลี่ยนมาเจียงไห่เลย ผมไปเจียงหนานด้วยตัวเองสักครั้งดีกว่า จะได้ไปเจอถังเลี่ยนนี่ด้วย!”
เฉิงโม่หนงอ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะพูดอะไร
เย่อู๋เทียนบอก “เธอจะพูดอะไร พูดมาได้เลย”
เฉิงโม่หนงกัดริมฝีปากพลางว่า “ถังเลี่ยนไม่ใช่ถังจิ่วเชียน และไม่ใช่หานฟางอวี้ ยิ่งไม่ใช่อาจารย์หลวงหาน เขาคือถังเลี่ยน ถังเลี่ยนที่กำลังจะกลายเป็นศิษย์หลังเขาง้อไบ๊!”
เย่อู๋เทียนหัวเราะบอก “งั้นผมยิ่งต้องไปเจอเลยล่ะ ครั้งก่อนที่ถังเจิ้งเฟิงพ่อเขามาเจียงไห่ คิดก่อกบฏ เห็นได้ชัดว่า อำนาจใหญ่อย่างหลังเขาง้อไบ๊นี่ไม่ได้ดีเด่อะไร!”
พูดมาถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนพลันยืนขึ้นมา เดินไปตรงหน้าเฉิงโม่หนง จู่ๆก็ยื่นมือไปวางบนแก้มสวยงามของเธอ นิ้วมือลากผ่านลักยิ้มของเธอ ไปถึงคิ้ว จมูก กระทั่งปาก จนถึงคาง…
การกระทำที่ไม่รู้ที่มาของเย่อู๋เทียนนี้ทำเอาเฉิงโม่หนงเหมือนโดนสายฟ้าฟาด ทั้งร่างตั้งแต่เส้นผมจนถึงปลายเท้าเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่าน จนชาขึ้นมาเลยทีเดียว
เฉิงโม่หนงในชุดทันสมัย ผู้หญิงแกร่งขั้นสุดในสายตาคนอื่น วินาทีนี้สีหน้าแดงก่ำเหมือนไปดื่มเหล้ามา ไหล่บางสั่นเล็กน้อย ขนตายาวกะพริบเบาๆ
พูดได้ว่า สัญญาหมั้นหมายของเธอกับเย่อู๋เทียนตอนนั้น ถึงจะเป็นเพราะหานเฟิ่งอี๋บังคับเธอเซ็นสัญญา แต่ในใจส่วนลึกของเธอแล้ว ก็ได้ถือว่าตนเองเป็นคนของเย่อู๋เทียนไปนานแล้ว
วันนั้นที่บางครั้งเฉิงโม่หนงฝันถึงมาถึงแล้วจริงๆรึ?
ริมฝีปากแดงสั่นเครือ ใบหน้างามขาวดุจหิมะ!
เฉิงโม่หนงกลืนน้ำลายอย่างกระดากอาย พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “ประตู…ประตูยังไม่ได้ปิดเลย ฉัน…ฉันไปปิดประตูก่อนนะ จริงสิ นายโทรหาเสิ่นรั่วชิง ให้เธอไปที่อื่นก่อน เธออยู่ที่นี่ ฉัน…ฉันไม่สบายใจ แล้ว…ไปโรงแรมไม่ได้หรอ? กลางวันแสกๆแบบนี้ ในห้องทำงานเลยหรอ?”
“?”
เย่อู๋เทียนสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
เขาอึ้งตะลึงไปแล้ว
ตนเองแค่อยากตรวจสอบใบหน้าเฉิงโม่หนง ว่าจะสามารถปลอมแปลงใบหน้าเป็นถังชิงเกอแห่งตระกูงถังได้ไหม จากนั้นจะได้ไปร่วมงานประมูลชุนชิวที่เจียงหนานกับตน…
ตอนนี้…
เฉิงโม่หนงคิดไปถึงไหนเนี่น
ยังไม่ทันรอเย่อู๋เทียนอธิบาย เฉิงโม่หนงก็หมุนตัวไปปิดประตูแล้ว และหลังจากปิดประตู ก็หมุนตัวกลับมาเตะรองเท้าส้นสูงหลุดจากเท้าออกไป พูดด้วยท่าทีร้อนใจว่า “ช่างเถอะ อย่าโทรหาเสิ่นรั่วชิงเลย เธออยู่ก็อยู่แล้วกัน ฉันไม่แคร์!”