จอมนักรบอหังการ - บทที่ 15 อาจารย์ของกั๋วเหล่า เป็นใครกัน
จอมนักรบอหังการ บทที่ 15 อาจารย์ของกั๋วเหล่า เป็นใครกัน?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสิ่นจูนอี๋ก็สดชื่นขึ้นมาในทันที
หลังจากที่ลุกขึ้นมา มองไปทางที่ชั้นสองอย่างอาฆาตแค้น ก็ราวกับพร้อมลุย และเดินไปที่ข้างนอก
เมื่อเดินผ่านเสิ่นชิงเฟิง เสิ่นจูนอี๋ก็ตวาดเขาอย่างเยือกเย็น
“เศษสวะจริงๆ อยู่ตรงหน้าของเย่อู๋เทียน ไม่นึกเลยว่าแกจะไม่มีความกล้าแม้แต่จะลงมือ!”
ใบหน้าของเสิ่นชิงเฟิงเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่กลับหมดคำพูดที่จะหักล้างได้
เสิ่นจูนอี๋ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอีก เมื่อมองไปรอบๆห้องโถงใหญ่ของปราสาทตระกูลเย่ อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกตกใจ และพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“พ่อบุญธรรมของฉันมาถึงเมืองเจียงไห่แล้ว แต่ห้ามให้เขามาที่ตระกูลเย่เด็ดขาด เห็นฉากที่ทรุดโทรมแบบนี้ ฉันจะโทรศัพท์ให้เขาเปลี่ยนเส้นทางไปตระกูลเสิ่นเดี๋ยวนี้ แกรีบกลับไปจัดการซะ ต้องเตรียมต้อนรับด้วยรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!”
เสิ่นชิงเฟิงตกตะลึงสักพัก
แต่ทันใดนั้นกลับนึกถึงสิ่งที่เย่อู๋เทียนพูดกับเสิ่นจูนอี๋ ก่อนที่จะขึ้นไปชั้นสอง
“เหวินเติงเจิน มาที่เมืองเจียงไห่วันนี้ ถึงเวลานั้นฉันจะถามเขาดูว่า ตาของเขา บอดหรือเปล่า ถึงได้ยอมรับเธอเป็นลูกสาวบุญธรรม!”
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ เสิ่นชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะเตือนเสิ่นจูนอี๋
“เย่อู๋เทียน เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่ากั๋วเหล่าจะมาเมืองเจียงไห่ ในนั้น จะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า?”
เสิ่นจูนอี๋ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วหรี่ตาลง
“ไม่ว่าในนั้นจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ เป็นไปได้เหรอว่าไอ้ระยำหมาอย่างเย่อู๋เทียนนั้นอยู่ตรงหน้าของกั๋วเหล่า จะหยิ่งผยองเหมือนอย่างเมื่อกี้นี้ได้เหรอ?”
“นอกจากนี้ เขาทำร้ายพี่ชายของฉัน และเย่จินหงได้อย่างสาหัส นี่เป็นความจริงซึ่งเปลี่ยนได้ยาก!”
“ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน โอรสสวรรค์ทำผิดกฎมีโทษเท่าเทียมกับสามัญชน!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เย่อู๋เทียนเป็นแค่หมาตัวหนึ่งที่ไม่มีอำนาจ อยู่ต่อหน้าของเหวินเติงเจิน เขาก็ทำได้แค่กระดิกหางประจบประแจงเอาใจเท่านั้น!”
เสิ่นชิงเฟิงถึงได้ไม่พูดอะไรอีก
เสิ่นจูนอี๋เดินออกจากห้องโถงใหญ่ของปราสาท และสายตาของเธอจับจ้องไปที่สมาชิกหลักของตระกูลเย่และตระกูลเสิ่นที่ไม่ได้จากไป
แม้ว่าในใจจะหวังให้พวกเขาได้ดิบได้ดี แต่กลับออกคำสั่งการกับพวกเขา
บอกกับทุกคน ว่าเหวินเติงเจินมาเมืองเจียงไห่ถึงแล้ว
และสั่งให้หลายคนในนั้น ส่งเย่จินหงไปที่โรงพยาบาลในทันที
ในเวลาเดียวกัน เสิ่นจูนอี๋ให้ผู้คนติดต่อกับหน่วยสืบราชการลับเมืองเจียงไห่ ให้พวกเขามาโดยเร็วที่สุด เพื่อล้อมและปราบปรามไอ้เลวทรามอย่างเย่อู๋เทียน!
ทุกคนได้ยินว่าเหวินเติงเจินได้มาถึงเมืองเจียงไห่แล้ว มีคนหนึ่งนับคนหนึ่ง ทั้งหมดต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา!
อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้!
หลังจากที่จัดการทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว เสิ่นจูนอี๋ถึงได้โทรศัพท์หาเหวินเติงเจิน
ประโยคเดียว
“ปราสาทตระกูลเย่กำลังซ่อมแซมอยู่ เชิญพ่อบุญธรรมไปที่ตระกูลเสิ่นดีกว่าค่ะ!”
หลังจากที่เหวินเติงเจิน ก็ไม่ได้ใส่ใจ ก็ให้คนเปลี่ยนเส้นทาง มุ่งหน้าไปที่ตระกูลเสิ่น
เหวินเติงเจินคิดในใจ ตระกูลเย่กับตระกูลเสิ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมา เย่อู๋เทียน น่าจะอยู่ที่ตระกูลเสิ่น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เหวินเติงเจินก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นอีก ในสมองเต็มไปด้วยท่วงท่าดูดีที่ไม่มีใครเทียบได้ของเย่อู๋เทียน
ไม่รู้ว่าผ่านไปเจ็ดปี“เจ้ายมบาลชิงตี้”ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง!
และเหวินเติงเจินพร้อมด้วยคนใหญ่คนโตทั้งหมดในเมืองเจียงไห่ มุ่งหน้าไปที่ตระกูลเสิ่น เย่อู๋เทียน กลับต้องเผชิญหน้ากับเย่จินหลิงอีก
ในเวลาที่เหมาะสม เย่จินหงกำลังนอนอยู่บนเตียง
สีหน้าเทียบกับเมื่อวานนี้ ค่อนข้างดีขึ้นมาบ้าง
แต่สายตาที่มองเย่อู๋เทียน สีหน้ากลับดูสดใสขึ้นก่อนที่จะตาย
ถ้าไม่ลงมือช่วยเหลือ จะไม่สามารถอยู่รอดได้ในคืนนี้
เย่จินหลิงกลับยังไม่กล้าสบตากับเย่อู๋เทียน
เป็นเพราะว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนฉวยโอกาสตอนที่เย่อู๋เทียนถูกวิหารจอมเทพจับตัวไป ไม่คำนึงถึงศีลธรรม และครอบครองผู้หญิงที่ตอนแรกเป็นของเย่อู๋เทียน
พ่อลูกประจันหน้ากัน เงียบอยู่นาน
เย่อู๋เทียนไม่สนใจเย่จินหลิง และในที่สุดก็พูดขึ้นมา
“คุณ ก็ไม่มีอะไรจะพูดกับผมเลยเหรอ?”
เย่จินหลิงลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก พิงอยู่หัวเตียง ถึงได้ตอบโต้
“มันถึงเวลาตายของฉันแล้ว หรือว่า แกยังต้องการให้ฉันที่เป็นพ่อคนนี้ ก้มหน้ายอมรับผิดกับแกงั้นเหรอ?”
เย่อู๋เทียนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องยอมรับผิดกับผม แต่ว่า คุณทำให้แม่ของผมผิดหวัง คุณต้องยอมรับผิดกับเธอ!”
เย่จินหลิงแสยะยิ้ม
“แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง! ฉันแต่งงานกับหล่อนในปีนั้น แค่เพราะว่าสถานการณ์ในตอนนั้น ฉันจำเป็นต้องกลับจากบ้านนอกมาที่เมืองเจียงไห่! นอกจากนี้ ฉันก็ไม่ได้คิดว่าฉันทำให้หล่อนผิดหวัง ถ้าไม่ใช่ฉัน หล่อนก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวเข้าสู่ตระกูลเย่แม้แค่ก้าวเดียว!”
“หลังจากที่หล่อนมาที่ตระกูลเย่ อยู่ดีกินดี ไม่เคยทนทุกข์ทรมานเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าร่างกายของหล่อนไม่ได้เรื่อง จากไปก่อน!”
เย่อู๋เทียน เส้นเลือดปูดโปน
“ดูเหมือนว่า คุณก็ยังไม่รู้จักสำนึกผิด!”
เย่จินหลิงมองไปทางเย่อู๋เทียนอย่างเยือกเย็น
“แกก็ไม่ต้องมาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันจะตายอยู่แล้ว เพียงแค่อยากพูดความจริงไม่กี่คำเท่านั้นเอง!”
“ไม่ต้องพูดถึงแม่ของแก ต่อให้เป็นเสิ่นจูนอี๋ ฉันก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ แค่เสื้อผ้าชิ้นหนึ่งที่ฉันหลอกใช้เท่านั้นเอง!”
“เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ฉันมีเพียงความทะเยอทะยาน ไม่ได้รับมอบหมายงานสำคัญในตระกูลเย่ บังเอิญว่า เสิ่นจูนอี๋ก็โลภมากในทรัพย์สินของตระกูลเย่ ดังนั้นฉันสองคนร่วมมือกัน ฉันถึงได้เป็นผู้นำของตระกูลเย่อย่างมั่นคง!”
“ไม่เช่นนั้น…….”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่จินหลิงก็มองไปทางโบราณวัตถุที่หายากในห้องของเขาอีกครั้ง และพูดต่อว่า: “ไม่เช่นนั้น…….ฉันจะสั่งสมความมั่งคั่งที่มีมากมายมหาศาลแบบนี้ได้เหรอ?”
เย่อู๋เทียนแสยะยิ้มต่อเนื่อง
“คุณคิดว่าสิ่งที่เหล่านี้ที่เรียกว่าสมบัติในห้องของคุณ เป็นของคุณเองเหรอ?”
ในดวงตาของเย่จินหลิงประกายสะท้อนด้วยความโลภมาก
“เข้ามาในตระกูลเย่ของฉัน ก็ย่อมเป็นสมบัติตระกูลเย่ของฉัน!”
“สิ่งของเหล่านี้ในห้องนอนของฉัน เอามาชิ้นหนึ่ง ทั้งโลกต้องตะลึง สิ่งล้ำค่าสุดที่จะประเมินค่าได้!”
“เจ็ดปีที่แกจากไป ฉันได้เสวยสุขกับชีวิตที่สิบชาติก็ไม่มีใครสามารถเสวยสุขได้ ลุ่มหลงในชีวิตฟุ้งเฟ้อสำรวย รายล้อมไปด้วยคนสวยๆ แม้ว่าจะถูกหลอกล่อไปหมดตัว ชาตินี้ กลับไม่ได้เสียเปรียบ!”
“กลับเป็นแก เจ็ดปีก่อนมีอำนาจมากมายแล้วยังไง สุดท้ายก็ยังลงเอยด้วยชีวิตที่ยากลำบากไม่ใช่เหรอ เป็นคนโง่จริงๆ!”
“เอาล่ะ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็ไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับแกไปมากกว่านี้ แกจำเอาไว้ หลังจากที่ฉันตาย แกจะต้องฝังสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ในห้องของฉันไปพร้อมกับฉัน นอกจากนี้ แกก็ต้องปกป้องเสิ่นจูนอี๋แม่เลี้ยงของแก และน้องสาวของแกให้ดีด้วย!”
“ฉันให้แกทำแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อเสิ่นจูนอี๋ แต่เพื่อน้องสาวของแก และแกด้วย!”
“ตอนนี้เสิ่นจูนอี๋เป็นลูกสาวบุญธรรมของกั๋วเหล่าเติงเจิน ดูถูกไม่ได้ ในอนาคต ตระกูลเย่ยังต้องพึ่งพาหล่อนก้าวหน้าไปอีกขั้น!”
“หลังจากที่หลอกใช้เสร็จ ผู้หญิงอย่างเสิ่นจูนอี๋ จัดการตามใจแกเลย ยังไงซะฉันก็ตายไปแล้ว ตาไม่เห็นก็นับว่าสะอาด(ตาไม่เห็นก็นับสะอาดหมายถึงเรื่องอะไรที่เรารู้ว่าเห็นแล้วจะมารบกวนสายตาและจิตใจ ก็อย่าไปมอง) แต่ความรุ่งโรจน์ของตระกูลเย่ สุดท้ายยังต้องพึ่งพาอำนาจความมั่งคั่ง ก็จะมากมายขึ้นมา!”
“เรื่องนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดกาล!”
“ไม่เช่นนั้น ฉันตายไป ก็ไม่มีทางปล่อยแกไว้!”
หลังจากฟังคำพูดที่ยาวเหยียดของเย่จินหลิง เย่อู๋เทียนก็หัวเราะด้วยความโกรธ
“ไม่รู้จักสำนึกผิด สะท้อนให้เห็นบนตัวของคุณได้อย่างถึงอกถึงใจจริงๆ แต่ว่า คุณรู้มั้ยว่า สมบัติในห้องนอนเหล่านี้ของคุณ อันที่จริงเป็นของปลอม รวมทั้งเย่ซื่อ กรุ๊ป ก็ค่อยๆถูกเสิ่นจูนอี๋ขายชอร์ตไปแล้ว!”
เย่จินหลิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย หัวเราะเยาะ
“เป็นไปไม่ได้”
เย่อู๋เทียนดูเฉยเมย
“เมื่อวานรีบร้อน ผมไม่ได้ดูให้ดีๆ แต่เพิ่งจะกวาดสายมองดูดีๆรอบหนึ่ง เป็นของปลอมจริงๆ ถูกสับเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่จินหลิง ค่อยๆหายไป
เย่อู๋เทียนมองดูเย่จินหลิงอย่างไม่กะพริบตา และพูดอีกครั้ง
“แต่ว่าคุณสบายใจได้ แม้ว่าตอนนี้สภาพร่างกายของคุณจะแย่ถึงขีดจำกัดแล้ว แต่ผมยังสามารถทำให้คุณมีชีวิตยืนยาวขึ้นได้อีกร้อยปี!”
“ต่อไป คุณเกลียดชีวิตแบบไหนมากที่สุด ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ ก็จะมีชีวิตแบบนั้น!”
“คุณไม่คู่ควรที่จะฝังอยู่ด้วยกันกับแม่ของผม”
“คุณ สกปรกเกินไป!”
ทันทีที่เสียงลดลง เย่อู๋เทียนยกมือขึ้นกดจุดไปที่จุดลมปราณสำคัญหลายจุดบนร่างกายของเย่จินหลิง
เย่จินหลิงอยากมีชีวิตอยู่
งั้น ก็ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่!
หลังจากนั้นไม่นาน ภายใต้การรักษาของเย่อู๋เทียน เย่จินหลิงฟื้นคืนเรี่ยวแรงบางส่วนมา แต่กลับเป็นเรี่ยวแรงแค่บางส่วนเท่านั้น
เย่จินหลิงเบิกตาทั้งสองกว้าง
แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ แต่กลับเหมือนตายตาไม่หลับ!
เพราะเห็นว่า หลังจากที่เย่อู๋เทียนลุกขึ้นมา เพียงแค่ยกเท้าลงมา
สมบัติทั้งหมดในห้องนอน ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม ก็ถูกทำลายลงภายใต้เท้าของเย่อู๋เทียน ในชั่วพริบตาเดียว!
ราวกับซากปรักหักพัง!
หลังจากนั้นไม่นาน เย่จินหลิงก็ตะโกนเสียงดัง
“ไอ้ลูกเลว!”
เย่อู๋เทียนเดินออกไปข้างนอก เดินไปถึงที่ประตู และบอกอย่างเย็นชา
“อำนาจ ความมั่งคั่ง เปรียบเสมือนเมฆที่ลอยอยู่ สิ่งที่ผมต้องการ แค่เอื้อมมือไปก็ได้มันมา สิ่งที่ผมไม่ต้องการ ก็ไม่ควรตกไปเป็นของคนอย่างคุณ!”
“ต่อไป คือตระกูลเสิ่น!”
“คุณค่อยดูก็พอ!”
ในเวลาเดียวกัน
ตระกูลเสิ่น
มีคนเยอะแยะมากมายแล้ว
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ล้วนเป็นบุคคลที่มีอำนาจและอิทธิพล โดยไม่เว้นสักคน
ท่ามกลางฝูงชน เหวินเติงเจินเดินเข้าไปในตระกูลเสิ่น แต่ประโยคแรกคือ
“ศิษย์น้องจ้านหยาง อาจารย์ของฉันอยู่ที่ไหน?”
ทุกคนอยู่ในที่นี้ ได้ยินเช่นนี้ ต่างก็มึนงง
อาจารย์ของกั๋วเหล่า เป็นใครกัน?