จอมนักรบอหังการ - บทที่ 150 ละครฉากหนึ่งของผู้หญิงสี่คน!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 150 ละครฉากหนึ่งของผู้หญิงสี่คน!
บนขาน้อยๆที่สวมถุงน่องสีเนื้อเบาบางดุจปีกจักจั่นของเฉิงโม่หนงนั้น รองเท้าส้นสูงบนขาได้ถูกเธอเตะกระเด็นไปอีกข้างหนึ่ง จากนั้นก็เหยียบลงบนพรมราคาแพงในห้องทำงานCEOแบบนี้ เธอในชุดทันสมัยค่อยๆนวยนาดเข้าหาเย่อู๋เทียน
ดูท่าไม่ว่าผู้ชายคนไหน ก็ไม่อาจต้านทานผู้หญิงอย่างเฉิงโม่หนงได้ล่ะมั้ง เพราะเธอไม่เพียงสวยงาม อีกทั้งยังเป็นCEOของเทียนจวินกรุ๊ป กระทั่งยังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเฉิงแห่งตี้ตูอีก ทุกฐานะนี้ล้วนช่วยทำให้เธอเฉิดฉายจนหาใครเทียมไม่ได้!
แต่ทว่า…
พอผู้หญิงแบบนี้มายืนต่อหน้าเย่อู๋เทียน เย่อู๋เทียนกลับยกมือขึ้นห้ามไว้ พลางว่า “เธอน่าจะเข้าใจความหมายผมผิดละ”
เฉิงโม่หนงอึ้งเล็กน้อยก่อนบอก “ไม่ชอบที่ฉันเริ่มก่อนหรอ?”
“…”
เย่อู๋เทียนหน่ายใจพูดไม่ออก
เฉิงโม่หนงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อยว่า “ฉันยอมรับว่าฉันหลุดการควบคุมไปหน่อย และก็ดูจะจู่โจมไปหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันไปเอาเหล้ามาไหม? ดื่มเหล้ามงคลกันสักแก้วก่อน? ยังไงซะพิธีการก็ต้องมี”
เย่อู๋เทียนบอก “ที่ผมลูบหน้าเธอเมื่อกี้ เพื่อตรวจดูโครงหน้าเธอ เพราะผมอยากไปร่วมงานประมูลชุนชิวที่เจียงหนาน แต่ผมมีแค่เทียบเชิญของถังชิงเกอ ผมเลยคิดแบบนี้ ผมแปลงโฉมเธอจนเป็นถังชิงเกอ จากนั้น…ผมปลอมเป็นผู้ติดตามเธอ แอบเข้าไปในสถานที่จัดงานประมูล ตอนนี้ผมพูดแบบนี้ เธอเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
เฉิงโม่หนงเหมือนโดนสายฟ้าฟาดเข้าอย่างจัง!
นี่..
มั่วซั่วมากเกินไปแล้ว!
เธอมองไอ้คนทุเรศเย่อู๋เทียนอย่างตะลึง วินาทีนี้เฉิงโม่หนงอยากบีบคอเขาตายคามือนัก!
ก่อนลูบหน้าฉัน ทำไมไม่พูดให้มันชัดเจนก่อน?
ลูบไปแล้ว พึ่งจะมาบอกเอาตอนนี้?
เย่อู๋เทียนเหมือนมองออกถึงความคิดเฉิงโม่หนง เลยอธิบายอย่างกระดากว่า “ตอนเด็กที่ผมเรียนวิชาปลอมแปลงใบหน้า ก็เอาหน้าเธอทดลองบ่อยๆไม่ใช่หรอ ผมคิดว่าเธอจะรู้ซะอีก!”
เฉิงโม่หนงโกรธจนแทบตาเหลือก กัดฟันกรอดพลางว่า “เย่อู๋เทียน นายคิดว่านายทำแบบนี้ มีมารยาทหรือไงกัน? ตอนเด็กคือตอนเด็ก ตอนเด็กฉันไม่รู้ประสา ฉันให้นายทำปู้ยี่ปู้ยำหน้าฉันได้ ตอนนี้ฉันสามสิบแล้ว นายคิดว่าในฐานะผู้ชายโตเต็มวัย มาลูบใบหน้าผู้หญิงเต็มวัยอย่างฉัน มันมีมารยาทหรอไงกัน?”
เย่อู๋เทียนบอก “ไม่มี”
เฉิงโม่หนงกัดฟันบอก “อันที่จริงนายจะไม่มีมารยาทมากกว่านี้ก็ได้
เย่อู๋เทียนตะลึงบอก “ผมคิดว่า ผมไม่มีมารยาทพอแล้ว ผมขอโทษกับการกระทำของผมเมื่อครู่ ผมควรจะบอกเธอก่อน อันที่จริงแค่รู้สึกว่าพวกเราสนิทกันมาก รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ผมเลยคิดว่า…”
ไม่รอเย่อู๋เทียนพูดจบ เฉิงโม่หนงตัดบทว่า “เรื่องที่นายรู้สึกก็เป็นเรื่องที่นายรู้สึก? เรื่องที่นายคิดนายก็คิดเอาเอง? ตอนนี้ไม่มีมารยาทกับฉัน รีบหน่อย ไม่งั้นฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะ!”
เย่อู๋เทียนยกมือกุมขมับ ก่อนเดินไปด้านหลังเฉิงโม่หนง ย่อเอวลงไปหยิบรองเท้าส้นสูงของเธอขึ้นมา และยอมอ่อนข้อให้อย่างหาได้ยากยิ่ง “พี่ อย่าโกรธเลย ใส่รองเท้าก่อนนะ เด๋วผมช่วยใส่ให้เอง!”
เฉิงโม่หนงเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างโกรธ เธอนั่งลงด้วยสีหน้าแดงก่ำแทบเป็นสีเลือด ทั้งโกรธทั้งอาย รู้สึกว่านี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ!
เย่อู๋เทียนต้องการการร่วมมือของเฉิงโม่หนง ถึงจะสามาถเข้าไปในงานประมูลชุนชิวอย่างเงียบเชียบได้
ถึงจะไม่มีการร่วมมือของเฉิงโม่หนง เย่อู๋เทียนก็เข้าไปในงานประมูลชุนชิวได้ แต่แบบนั้นดูจะเอิกเกริกไปหน่อย เพราะสำหรับยุทธภพของประเทศหลงในตอนนี้ เย่อู๋เทียนไม่แน่ใจนัก
ถ้าเกิดในงานประมูลชุนชิว ดันเจอยอดฝีมือที่มีฝีมือทัดเทียมกับตนล่ะ?
เย่อู๋เทียนโอหังอยู่บ้าง แต่สำหรับบางเรื่อง เขายังมีจิตใจเคารพยำเกรงระดับหนึ่งอยู่!
เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่สัมผัสได้ถึงผู้หญิงคนนั้นบนดาดฟ้าของอาคารเทียนจวิน ตอนนั้นที่เย่อู๋เทียนไม่ได้ไปพบหน้าเธอทันทีทันใด ก็เพราะเย่อู๋เทียนมีลางสังหรณ์ที่แรงกล้าอย่างหนึ่งว่า
ตบะของผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ด้อยไปกว่าเย่อู๋เทียนเลย!
นักสู้ที่พอถึงระดับเย่อู๋เทียนแล้ว ปกติเชื่อเรื่องลางสังหรณ์ของตนอยู่ หรือไม่ลองถอยก้าวหนึ่งดู ต่อให้เป็นรุ่นถังจิ่วเชียน ก่อนหน้าที่อันตรายจะมาเยือน ก็ยังมีจิตรับรู้ได้
งั้นเย่อู๋เทียนล่ะ?
ดังนั้นเย่อู๋เทียนเชื่อในการตัดสินใจของตนเอง
ที่สำคัญที่สุดตอนนี้……
คงได้แต่เกลี้ยกล่อมเอาใจเฉิงโม่หนงละ
จากนั้นเย่อู๋เทียนหิ้วรองเท้าส้นสูง เดินมายืนหน้าเฉิงโม่หนงอีกครั้ง เขาย่อตัวลงไป ยกเท้าเล็กของเธอขึ้นมาวางบนขาใหญ่ของตน
แต่…
เย่อู๋เทียนกำลังจะใส่รองเท้าให้เฉิงโม่หนง ประตูห้องของห้องทำงานCEOก็พลันเปิดออก และคนที่ก้าวเข้ามากลับเป็นเกาเยว่หรู!
เกาเยว่หรูรู้แล้วว่า หานซื่อกรุ๊ปแห่งตี้ตูได้โดนเทียนจวินกรุ๊ปรับซื้อแล้ว ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เทียนจวินกรุ๊ปย่อมต้องรับไม้ต่อเรื่องหุ้นของหานซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในหวงซื่อกรุ๊ปด้วย!
ก่อนผลักประตูเข้ามา เกาเยว่หรูยืนครุ่นคิดอยู่ข้างนอกนานมาก สุดท้ายตัดสินใจ ไม่สู้ยอมเอาหุ้นของหวงซื่อกรุ๊ปมายกให้เทียนจวินกรุ๊ปดีกว่า พูดให้ชัดๆคือ โอนมาใต้ชื่อเย่อู๋เทียน
แบบนี้ หวงซื่อกรุ๊ปก็จะมีแบ็คจริงๆ ดีเยี่ยมไม่มีข้อเสียเลย!
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า สำหรับเกาเยว่หรูแล้ว การตัดสินใจนี้มันสำคัญมากเกินไปจริงๆ จนทำให้เธอเอาความคิดสติทั้งหมดพุ่งไปที่การพิจารณาคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดก่อนและหลังการตัดสินใจนี้หมด เลยทำให้…
ลืมเคาะประตู!
แบบนี้เป็นการแสดงชัดเลยว่า เกาเยว่หรูตื่นเต้นถึงขีดสุดแล้ว
คนเราน่ะ พอตื่นเต้นเกินไปก็มักจะทำผิดพลาด
พอเกาเยว่หรูผลักประตูเปิดออก ก็เห็นภาพเบื้องหน้าที่ เย่อู๋เทียนกำลังจับข้อเท้าเล็กข้างหนึ่งของเฉิงโม่หนง มันทำให้รู้สึกเหมือนเขามีงานอดิเรกอะไรพิเศษ
เกาเยว่หรูงงเป็นไก่ตาแตกเลย
ไม่คิดมาก่อนเลยว่า คนระดับอย่างเย่อู๋เทียน จะมีด้านที่น้อยคนนักจะรู้ด้วยอย่าง ชอบเท้าผู้หญิง?
ที่สำคัญที่สุดคือ คนที่ถูกเขาจับเท้าไว้นี้ไม่ใช่เสิ่นรั่วชิง แต่เป็นเฉิงโม่หนง?
เกาเยว่หรูทั้งตกใจทั้งดีใจและอึ้งตะลึง
เพราะหลายปีมานี้เธอเองก็คอยทำสปาขามาตลอด ทำให้ขาของเธองดงามดุจปติมากรรมเลยทีเดียว
ในเมื่อเย่อู๋เทียนมีความสนใจด้านนี้ ถ้าอย่างนั้น…
เธอเข้าร่วมด้วย?
ที่แท้ไม่ว่าผู้ชายอย่างเย่อู๋เทียนจะแข็งแกร่งหรือน่ากลัวแค่ไหน อันที่จริงเขาก็ชอบของสวยๆงามๆเหมือนผู้ชายคนอื่น!
หันมามองเย่อู๋เทียนกับเฉิงโม่หนงอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่าประตูห้องทำงานจะโดนคนผลักออก
ถึงเฉิงโม่หนงจะสามารถเผยอารมณ์หลากหลายของเธอออกมาได้อย่างไม่เกรงใจใครต่อหน้าเย่อู๋เทียน แต่ยังมียางอายอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่า จู่ๆเกาเยว่หรูก็เข้ามา เธอรีบดึงขาตัวเองกลับไป
เย่อู๋เทียนกลับบ่นใส่เฉิงโม่หนงว่า “เมื่อครู่ทำไมเธอไม่ล็อคประตูเสียเลยล่ะ?”
คำพูดนี้บอกให้รู้ว่าเย่อู๋เทียนไม่เข้าใจจิตใจผู้หญิงเสียเลย
ล็อค?
ล้อเล่นระดับชาติแล้ว!
ล็อคประตูไป ตอนนี้เสิ่นรั่วชิงที่กำลังทำเรื่องเข้าทำงานที่แผนกบุคคลจะไม่เดินมาห้องทำงานCEOเลยหรือไง? ถ้าเธอไม่มาห้องทำงานCEOนี่ แล้วจะเห็นฐานะของเฉิงโม่หนงเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่อู๋เทียนได้ยังไง?
ตามหลักแล้ว ความคิดนี้ของเฉิงโม่หนงเหมือนผู้หญิงในวังหลังพวกนั้น
เพื่อให้ได้เย่อู๋เทียน เฉิงโม่หนงต่อให้รู้ถึงความร้ายกาจของเสิ่นรั่วชิง ก็ยังอยากจะสู้กับเธอดูสักตั้ง!
เฉิงโม่หนงระดับไหน?
ผู้หญิงแกร่งในหมู่ผู้หญิงแกร่ง อยากได้ผู้ชายคนหนึ่ง มีหรือจะไม่ทำอะไรสักอย่าง รอให้เย่อู๋เทียนเริ่มก่อน?
นั่นไม่ใช่นิสัยของเฉิงโม่หนง!
แต่เฉิงโม่หนงคิดไม่ถึงเลยว่า ประตูห้องทำงานจะถูกคนผลักเปิดออกจริงๆ แต่คนคนนี้กลับไม่ใช่เสิ่นรั่วชิง!
ทำเธอผิดหวังมากจริงๆ!
และเกาเยว่หรูที่อยู่หน้าประตูได้ยินคำพูดนี้ของเย่อู๋เทียน ใบหน้างดงามนั่นกระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่า เธอเข้าใจเย่อู๋เทียนกับเฉิงโม่หนงผิดมากขึ้นกว่าเดิมอีก
แต่เรื่องจับหัวใจผู้ชาย เกาเยว่หรูก็มีประสบการณ์พอตัวอยู่ ถึงจะไม่เคยลงสนามรบจริงๆ แต่ก็ศึกษาวิจัยมาหลายปีเหมือนกัน
จากมุมนี้ ตอนนี้ตนเองทำลายเรื่องของเย่อู๋เทียนกับเฉิงโม่หนง ยังไงซะต่อไปเย่อู๋เทียนก็ต้องทอดสะพานมาทางเธอบ้างล่ะน่ะ?
ยังไงซะเสิ่นรั่วชิงเป็นลูกผู้พี่ของตนเอง ตอนนี้เย่อู๋เทียนแอบลูกผู้พี่เธอมาสนิทสนมชิดเชื้อกับผู้หญิงอื่น เขาจะไม่ต้องหาโอกาสติดต่อน้องเมียอย่างเธอเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองเลยหรือไง?
พอคิดอย่างนี้ เกาเยว่หรูพยายามฝืนยิ้มออกมา พลางว่า “ขอโทษค่ะ รบกวนแล้ว พวกคุณเชิญต่อเลย ฉันจะช่วยพวกคุณเฝ้าประตูอยู่ข้างนอกเอง!”
พูดจบ เกาเยว่หรูหมุนตัวออกไป
เย่อู๋เทียนกลับพูดหน้าตึงว่า “กลับมา!”
พอได้ยินคำนี้ เกาเยว่หรูอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ แต่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจปิดประตูห้องทำงาน และยังล็อคให้ด้วย จากนั้นเดินหน้าแดงมาหาเย่อู๋เทียน พลางถาม “พี่เขย มีอะไรจะสั่งหรือคะ?”
เย่อู๋เทียนโยนรองเท้าส้นสูงของเฉิงโม่หนงลงพื้น ย้อนถามกลับ “มีอะไร?”
เกาเยว่หรูบอกการตัดสินใจของตนเองกับเย่อู๋เทียน จากนั้นสรุปออกมาว่า “พี่เขย ยังไงซะตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เทียนจวินกรุ๊ปไม่ใช่ว่าจะสร้างมหาลัยรัฐที่เจียงไห่หรอไง ฉันคิดว่า… เรื่องโครงการก่อสร้าง หวงซื่อกรุ๊ปมีฝีมือทำได้ดี รับรองไม่ทำให้พี่ขายหน้าแน่!
เย่อู๋เทียนครุ่นคิด พลางว่า “กลับไป เธอก็เอาแผนการพัฒนาของหวงซื่อกรุ๊ปส่งให้แผนกตรวจสอบของเทียนจวินกรุ๊ป ให้พวกเขาตัดสินใจแล้วกัน!”
เกาเยว่หรูได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจนัก ตอบอย่างอ่อนหวานว่า “ขอบคุณพี่เขย!”
เย่อู๋เทียนพูดเสียงเรียบว่า “ได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร เธอออกไปก่อนเถอะ”
เกาเยว่หรูกัดริมฝีปาก ก่อนไปยังชม้อยชม้ายแลตาให้เย่อู๋เทียน แต่พอถึงหน้าประตู พอเปิดประตู ก็เห็นเสิ่นรั่วชิงกับอ้ายเสี่ยวเตี๋ยกำลังเดินมาทางนี้
เกาเยว่หรูใจกระตุกวูบ รีบหมุนตัวหันมาเตือนเย่อู๋เทียนว่า “พี่เขย พี่สาวฉันมาแล้ว!”
เสิ่นรั่วชิงที่อยู่ด้านนอกได้ยินคำนี้ อึ้งเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมเกาเยว่หรูถึงพูดอย่างนี้ แต่อ้ายเสี่ยวเตี๋ยที่อยู่ข้างกายเธอกลับเป็นคนฉลาดตัวเป็นกรด สังเกตถึงความผิดปกติได้จริงๆ
วินาทีต่อมา อ้ายเสี่ยวเตี๋ยวิ่งโร่เข้ามาทันที จะดูว่าในห้องทำงานเกิดอะไรขึ้น ไหนเลยจะคิด เกาเยว่หรูเห็นอย่างนั้นก็ขวางหน้าประตูไว้เลย
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็เห็นภาพในห้องทำงานอยู่ดี เธอเห็นเฉิงโม่หนงยืนขึ้นมาจากโซฟาเขตรับรองในห้องทำงาน กำลังใส่ใส่รองเท้าส้นสูง
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยอึ้งเล็กน้อย และชี้ไปที่เย่อู๋เทียนที่อยู่ข้างๆเฉิงโม่หนงพลางตะโกนดังว่า “ฉันว่าแล้ว ลูกผู้พี่จอมปลอมของนายนี่ต้องไม่ดีแน่ ระหว่างพวกนายต้องมีอะไรกันแน่!”