จอมนักรบอหังการ - บทที่ 153 นักแสดงแถวที่สิบแปดที่ชื่อว่าเสิ่นรั่วชิง
จอมนักรบอหังการ บทที่ 153 นักแสดงแถวที่สิบแปดที่ชื่อว่าเสิ่นรั่วชิง!
ผิงเสี่ยวหลิงเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน มีคนจำนวนน้อยมากที่จะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับฉาวซิง
หลังจากที่มาถึงคฤหาสน์ตระกูลฉาว แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะเข้าไปด้านในงาน กลับเลือกที่จะยืนรออยู่ที่หน้าประตูนั้น ก็เป็นเพราะได้ทราบจากฉาวซิงมาก่อนหน้าแล้วว่า วันนี้เย่อู๋เทียนจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วย
ในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าผิงเสี่ยวหลิงจะต้องรอให้เย่อู๋เทียนมาถึงแล้ว จึงจะเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉาว
ที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากในชีวิตที่จะได้พบเจอกับเย่อู๋เทียน แน่นอนว่าเขาจะต้องหวงแหนมันให้มากที่สุด
เย่อู๋เทียนก็หันมองมาที่ผิงเสี่ยวหลิง และถามขึ้นว่า: “นายมาได้อย่างไรกัน? ”
ผิงเสี่ยวหลิงตอบกลับอย่างเคารพว่า: “ฉันกับฉาวซิง เป็นเพื่อนกัน”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า โดยที่ไม่ได้พูดอะไรมาก และยิ่งไม่ได้ไปให้ความสนใจอะไรกับผิงเสี่ยวหลิง
ผิงเสี่ยวหลิงก็มองไปยังเสิ่นรั่วชิง และพูดขึ้นอย่างเคารพว่า: “ผิงเสี่ยวหลิง คารวะภรรยาของท่านเจ้าหอ”
แม้ว่าเสิ่นรั่วชิงจะยังไม่ค่อยเคยชินกับสถานะที่มากมายของตัวเองในเวลานี้ แต่ก็ยิ้มรับอย่างมีมารยาท ถือว่าเป็นการทักทายกับผิงเสี่ยวหลิง
ขณะเดียวกัน เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิง ก็กลายเป็นจุดสนใจของภายในงานทั้งหมดไปแล้ว พวกนักธุรกิจใหญ่ทั้งหลายที่มาอวยพรแสดงความยินดีกับฉาวซิงนั้น ต่างก็กำลังคาดเดากันว่า พวกเขาสองคนนี้มีสถานะอะไรกันแน่!
เพราะเฉิงโม่หนงที่เป็นถึงผู้บริหารสูงสุดเทียนจวิน กรุ๊ป ยังต้องเดินตามหลังพวกสองคนนี้ด้วย
แม้ว่าเฉิงโม่หนงจะไม่รู้สึกว่าการเดินตามหลังเย่อู๋เทียนนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แต่การที่เดินตามหลังเสิ่นรั่วชิงนั้นมันจะยังไงชอบกล เหมือนกับว่าตัวเองกลายมาเป็นคนที่สร้างความโดดเด่นเสริมให้กับหล่อนไปอีก!
เฉิงโม่หนงมองไปยังใบหน้าของผู้คนที่คุ้นเคยจำนวนไม่น้อยในคฤหาสน์ตระกูลฉาว ซึ่งเป็นถึงพวกนักธุรกิจใหญ่ที่มาจากแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ จึงได้พูดกระซิบกับเย่อู๋เทียนว่า: “ฉันพบเห็นคนรู้จักจำนวนหนึ่ง ขอตัวไปพูดคุยทักทายกับพวกเขาก่อน”
เย่อู๋เทียนพูดว่า: “ได้สิ คุณไปเถอะ”
จากนั้น เฉิงโม่หนงก็เดินอย่างสะโอดสะองเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉาว ในทุกท่วงท่า ต่างก็แสดงออกถึงลักษณะท่าทางของนักธุรกิจหญิงแกร่ง ตลอดทางที่เดินผ่านไป ก็สร้างบรรยากาศคึกคักขึ้นเป็นอย่างมาก
ก็เพื่อต้องการให้เสิ่นรั่วชิงเห็นว่า ในวงการธุรกิจแห่งประเทศหลงนั้น เธอเฉิงโม่หนงมีสถานะที่สูงส่งมากขนาดไหน!
ผู้คนที่กำลังพบปะทักทายกันภายในงาน ต่างก็เป็นพวกนักธุรกิจใหญ่ที่ดูแลครอบครองในแต่ละพื้นที่!
สายตาของเสิ่นรั่วชิงที่มองไปยังเฉิงโม่หนงนั้น ก็เกิดความอิจฉาอยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งเมื่อไรล่ะ ที่ตัวเองจะสามารถมีลักษณะท่วงท่าที่โดดเด่นอย่างนี้บ้าง?
ขณะที่เสิ่นรั่วชิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เฉียนเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังก็พลันถามเธอขึ้นว่า: “ซือเนี๊ย ท่านหิวแล้วหรือยัง? เดี๋ยวฉันจะไปนำของกินมาให้ท่าน? ”
เสิ่นรั่วชิงมองไปที่เฉียนเป่ยเฉิน และย้อนถามว่า: “นายหิวแล้วเหรอ? ”
เฉียนเป่ยเฉินพูดขึ้นอย่างเก้อเขินว่า: “ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวแล้วจริง ๆ”
แม้ว่าเสิ่นรั่วชิงจะเป็นซือเนี๊ยของของเฉียนเป่ยเฉิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภายในใจ ได้ถือว่าเฉียนเป่ยเฉินนั้นเป็นน้องชายคนหนึ่ง เมื่อเห็นเขาในสภาพนี้ ก็พูดขึ้นอย่างเอ็นดูว่า: “แล้วทำอย่างไรดีล่ะ? งานเลี้ยงฉลองของตระกูลฉาวคงอีกสักพักถึงจะเริ่มต้นขึ้น ถ้าอย่างนั้นฉันจะสั่งแฮมเบอร์เกอร์มาให้นายทานก่อนดีไหม? ”
เฉียนเป่ยเฉินจึงชี้ไปยังโต๊ะยาวที่จัดวางอาหารบุพเฟ่ต์จำนวนมากภายในคฤหาสน์ด้วยท่าทางเขินอาย และพูดขึ้นว่า: “ฉันไปเอาอาหารจากที่ตรงนั้นก็ได้แล้ว ฉันชอบทานของหวาน”
เสิ่นรั่วชิงมองตามไปยังทิศทางที่เฉียนเป่ยเฉินชี้ไป ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ตกลง งั้นนายไปเถอะ ใช่แล้ว ช่วยดูหน่อยว่าที่นั่นมีทีรามิสุไหม ฉันเองก็ชอบทานเหมือนกัน”
เฉียนเป่ยเฉินหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า: “ได้เลย! ”
ขณะที่พูด เฉียนเป่ยเฉินก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉาว
เวลานี้ พวกนักธุรกิจใหญ่ภายในคฤหาสน์ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเย่อู๋เทียนและเสิ่นรั่วชิงแล้ว เพียงแค่รู้สึกว่า เมื่อครู่เป็นไปได้ที่จะเกิดการเข้าใจผิดอะไรเล็กน้อย
เมื่อสักครู่ที่เฉิงโม่หนงเดินตามพวกเขาสองคนนี้นั้น อาจจะเป็นเพราะรู้จักกัน ไม่ได้มีความหมายอื่นใด
จากนั้น ทางผิงเสี่ยวหลิงก็ได้นำทาง พาเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงเดินกันเข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลฉาว
และในขณะนั้นเอง ด้านหลังของพวกเขา ก็เกิดเสียงดังเฮฮาโห่ร้องกันขึ้น
สายตาของแขกส่วนใหญ่ ได้ถูกภาพเหตุการณ์ด้านหลังของเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงดึงดูดเข้าแล้ว
นั่นก็คือดาราดังชั้นนำแถวที่หนึ่งของประเทศหลง จางม่าน!
เวลานี้ จางม่านเพิ่งจะก้าวลงมาจากซุปเปอร์คาร์สีดำคันหรู เธอมีใบหน้าเรียวงามมีเสน่ห์น่าหลงใหล รูปร่างสะโอดสะอง สวมใส่ชุดเดรสที่สง่างาม ผมยาวสลวย สวยงดงามอย่างไร้ที่ติ!
เมื่อปรากฏตัวขึ้น ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนักข่าวที่ได้มาทำการลงพื้นที่รอคอยอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของคฤหาสน์ตระกูลฉาวมาเป็นเวลานานแล้ว ในขณะที่จางม่านปรากฏตัวขึ้นนั้น ก็มีเสียงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย!
มีบางคน ถึงขนาดที่ตะโกนโห่ร้อง เรียกชื่อของจางม่าน
ชัดเจนว่า แม้ว่าสถานที่แห่งนี้คือคฤหาสน์ของตระกูลฉาว แต่ผู้คนด้านนอกในบริเวณโดยรอบนั้น ก็ยังมีอีกจำนวนมาก
ที่ต่างก็พากันมาชื่นชมพวกนักธุรกิจใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้
โดยในจำนวนนี้แน่นอนว่าก็ยังมีแฟนคลับของดาราดังจางม่านอยู่ด้วย!
นอกจากจางม่านจะมาร่วมงานแล้ว ยังจะมีดาราในวงการบันเทิงอีกมากมาย ที่ต่างก็มาร่วมอวยพรแสดงความยินดีกับฉาวซิง
เพราะว่าหลายปีมานี้ฉาวซิงได้ลงทุนด้านภาพยนตร์ไปเป็นจำนวนไม่น้อย
ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่เพียงแต่จะมีดาราจำนวนมากของประเทศหลง ต่อให้เป็นผู้กำกับแนวหน้าบางราย รวมถึงดาราดังสากลบางราย ต่างก็มาเข้าร่วมงานอวยพรวันเกิดให้กับฉาวซิงด้วยเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะมีบุคคลยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรที่มาเข้าร่วมงาน ก็ยากที่จะแย่งซีนของจางม่านไปได้
ไม่เพียงแต่เพราะจางม่านเป็นดาราหญิงที่โด่งดังและมีความสามารถมากที่สุดในประเทศหลงเท่านั้น!
ที่สำคัญกว่าก็คือ วันนี้ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันกับเธอ เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่แห่งภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง ประธานกรรมการของเผยซื่อ กรุ๊ปแห่งเมืองเจียงไห่ ที่ชื่อว่าเผยว่านหลี่!
ทุกคนที่อยู่ภายในงานต่างก็คาดคิดไม่ถึงว่า จางม่านจะมาร่วมงานพร้อมกันกับเผยว่านหลี่
ทราบกันดีว่า ช่วงก่อนหน้านี้ ได้ยินว่าจางม่านเคยได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเฉียนจิ้งคุน แต่เวลานี้กลับปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันกับเผยว่านหลี่แล้ว!
ตกลงว่าจางม่านมีความสัมพันธ์ลับกับพวกนักธุรกิจใหญ่จำนวนกี่รายกันแน่?
ช่างเก่งกาจมีความสามารถเสียจริง!
เธอใช้วิธีจัดการอย่างไรกับพวกนักธุรกิจใหญ่เหล่านี้ ถึงไม่ทำให้พวกเขาเกิดความหึงหวงขึ้น?
ทุกคนยิ่งคิดไม่ถึงว่า ฉาวซิงจะมีเกียรติมีหน้ามีตาที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ขนาดเผยว่านหลี่นักธุรกิจใหญ่แห่งเมืองเจียงไห่ที่มักจะไม่ชอบปรากฏตัว ก็ยังมาร่วมงานอวยพรวันเกิดให้กับเขาด้วยตนเองเลย!
ไม่นานนัก คฤหาสน์ตระกูลฉาวขนาดใหญ่ ก็กลายเป็นสถานที่สังสรรค์ที่เน้นแต่ผลประโยชน์และชื่อเสียงเป็นหลัก ซึ่งนอกจากพวกดาราและผู้กำกับจำนวนมากแล้ว ผู้แทนของตระกูลใหญ่แถวหน้าแห่งประเทศหลงจำนวนมาก ก็ได้ทยอยกันมาถึงในงานแล้ว
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของฉาวซิงที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ชัดเจนว่าได้กลายเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์กันของกลุ่มคนในสังคมชั้นสูงแห่งประเทศหลงไปแล้ว
แฟลชของกล้องถ่ายรูปวับวาวขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด!
ไม่ว่าจะเป็นพวกดาราชาย หรือว่าดาราหญิง ต่างก็พากันโพสท่วงท่าในแต่ละแบบ ถึงขนาดมีดาราหญิงแถวที่สามบางคนที่สวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น จงใจที่จะดึงดูดสายตาของผู้คน เพื่อช่วงชิงความสวยสง่าโดดเด่นบนพรมแดง!
พบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เย่อู๋เทียนเองก็อดที่จะเกิดความแปลกใจขึ้นไม่ได้
สำหรับเสิ่นรั่วชิงนั้น ต่อให้จะมีรูปลักษณ์หน้าตาที่สวยงามเพียงใด แต่ในเวลานี้ ก็ถูกกลบจมมิดอยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน
หมดหนทาง เพราะในสถานที่ที่เน้นแต่ผลประโยชน์และชื่อเสียงเป็นหลักนั้น ความมีชื่อเสียงนำหน้า ผลประโยชน์ตามมาทีหลัง มีชื่อเสียงก็มีเงินทอง ไม่มีชื่อเสียง ก็แค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น
ผู้หญิงแบบเสิ่นรั่วชิงที่ “ไม่มีชื่อเสียง” นี้ จะสามารถไป “เปรียบเทียบทัดเทียม” อะไรกับพวกดาราหญิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างยาวนานเหล่านั้นได้ล่ะ?
ถึงขนาดในตอนที่เสิ่นรั่วชิงควงแขนของเย่อู๋เทียนเดินผ่านพรมแดงนั้น ก็ยังมีเสียงพูดที่ไม่น่าฟัง ดังผ่านเข้ามาว่า: “อะไรกัน ดารากระจอกแถวที่สิบแปดมาจากไหนกันนี่? เธอนึกว่าตัวเองสวยนักหรือไง ฉันถึงจะต้องถ่ายรูปเธอด้วยใช่ไหม? รีบเดินไปโดยเร็วเลย เร็วเข้า เธอบดบังหน้ากล้องของฉันแล้ว! ”
คนที่ตะโกนพูดนี้ คือพี่ใหญ่คนหนึ่งของวงการปาปารัสซี่ในประเทศ ที่มาในงานนี้ ก็เพื่อจะถ่ายรูปของจางม่านโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้จางม่านกำลังเดินมาใกล้จะถึงแล้ว แต่กลับถูก “นักแสดงกระจอก” แถวที่สิบแปดบดบังหน้ากล้องเอาไว้!
มันช่างหน่วงเหนี่ยวเสียเวลาจนทำให้เสียการเสียงานจริง ๆ เลย!