จอมนักรบอหังการ - บทที่ 154 กลายเป็นตัวละครหลักของงานโดยไม่ทันตั้งตัว
จอมนักรบอหังการ บทที่ 154 กลายเป็นตัวละครหลักของงานโดยไม่ทันตั้งตัว!
แต่ฉากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้นั้น ได้ทำให้พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ในประเทศหลงคนนี้ตกตะลึงไปเลยทีเดียว
จากน้ำเสียงที่ตะโกนขับไล่ให้เสิ่นรั่วชิงกับเย่อู๋เทียนรีบเดินหน้าไปให้เร็วขึ้นนั้น ทำให้เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงตกใจ และหันมองไปที่เขาทันที
โดยขณะที่สองคนนี้เบี่ยงหน้าหันไปมองนั้น สองคนที่ตามมาด้านหลังทั้งเผยว่านหลี่กับจางม่านที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก ก็มองเห็นใบหน้าด้านข้างของทั้งสองคนนั้นพอดี
เผยว่านหลี่กับจางม่านตกใจขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะคิดไม่ถึงว่า เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงจะมาร่วมงานฉลองวันเกิดของฉาวซิงด้วย
เผยว่านหลี่รีบผละตัวออกมาจากจางม่าน แล้ววิ่งเหยาะ ๆ ไปข้างหน้า พร้อมกับยกมือแสดงความเคารพต่อเย่อู๋เทียน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสนิทสนม และพูดขึ้นว่า: “คิดไม่ถึงว่าคุณเย่ก็มาร่วมงานด้วย”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าและพูดว่า: “มาทำธุระที่เมืองเจียงหนานเล็กน้อย จึงได้แวะมาร่วมงานนี้ด้วยเลย”
เมื่อพูดอย่างนี้ออกไป พวกนักข่าวที่อยู่บริเวณโดยรอบนั้น รวมถึงพวกปาปารัสซี่ แม้แต่พวกนักธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยบริเวณรอบข้าง ต่างก็พากันเบิกตาโพลง และอยู่ในสภาพที่ตะลึงงันกันไปทั้งหมด
ไอ้หนุ่มคนนี้ ตกลงว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
ทำไมถึงพูดจาหลงระเริงอย่างนี้นัก?
ที่ปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลฉาว เพื่อมาอวยพรแสดงความยินดีในงานวันเกิดต่อท่านฉาวนั้น แค่เป็นการแวะมาหรอกเหรอ?
น่าจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มากแน่เลย ถึงกล้าที่จะไม่ให้เกียรติต่อท่านฉาวแบบนี้?
ต่อให้เป็นเผยว่านหลี่เจ้าบ้านตระกูลเผยที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงและมีเงินทองเทียบเท่าได้กับท่านฉาว ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดด้วยความหลงระเริงแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?
แต่ ทางเผยว่านหลี่กลับไม่รู้สึกอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งจะหนักแน่นขึ้น และหันหน้ามองไปที่เสิ่นรั่วชิง พร้อมกับยกมือแสดงความเคารพอีกครั้ง และพูดว่า: “สวัสดีคุณนายเย่”
เสิ่นรั่วชิงยิ้มและพยักหน้า: “คุณเผย”
ขณะที่เผยว่านหลี่กำลังจะพูดอะไรต่อนั้น จางม่านที่อยู่ด้านหลัง ก็ได้รีบเดินเข้ามา ไปยังบริเวณที่ห่างจากเสิ่นรั่วชิงประมาณหกถึงเจ็ดเมตร พร้อมกับยกมือขึ้น และพูดกับเสิ่นรั่วชิงอย่างเป็นกันเองว่า: “คุณนายเย่ คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะพบเจอกันอีกแล้ว”
เสิ่นรั่วชิงยืนอยู่กับที่ รอให้จางม่านเดินมาที่เบื้องหน้าของเธอ แล้วจึงยื่นมือออกมาจับทักทายกับจางม่าน และพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า: “ครั้งก่อนที่แยกกันที่เมืองเจียงไห่ ฉันก็ยังคิดถึงคุณอยู่เสมอ”
จางม่านยิ้มหน้าบานและพูดว่า: “นี่ถือเป็นเกียรติของสาวน้อยอย่างฉันมากเลย”
พี่ใหญ่ปาปารัสซี่ที่อยู่ออกไปไม่ไกลคนนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็แทบที่จะทรุดตัวล้มลงทีเดียว คิดไม่ถึงอย่างยิ่งว่า เมื่อครู่คนที่ถูกตนเองตะโกนเรียกว่า “นักแสดงกระจอกแถวที่สิบแปด” คนนั้นจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไปได้!
จางม่านดาราเบอร์หนึ่งแห่งวงการบันเทิงในประเทศหลง เมื่ออยู่ต่อหน้าของผู้หญิงคนนี้ กลับเรียกขานตัวเองว่าสาวน้อย?
เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่?
พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ถึงกับงุนงงไปหมด
ขณะนั้น ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี!
เมื่อครู่ตอนที่เขาตะโกนเรียกเสิ่นรั่วชิงนั้น ก็ถูกผู้คนรอบข้างได้ยินกันทั้งหมดแล้ว ในจำนวนนี้ยังจะมีเพื่อนร่วมสายงานเดียวกันจำนวนมากด้วย และรวมไปถึงสปอนเซอร์หลักของเขา!
คำพูดที่ผิดพลาด และการดูถูกเหยียดหยามคนในชั่วขณะหนึ่ง เป็นไปได้ที่อาจจะทำให้อาชีพการงานของเขาถึงจุดสิ้นสุดลงได้เลยทีเดียว!
หมดหนทาง!
ในวงการบันเทิง ในสถานที่ที่เน้นแต่ชื่อเสียงและผลประโยชน์เป็นหลักนั้น ก็จะมีสภาพความเป็นจริงที่โหดร้ายแบบนี้!
แม้ว่าเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่จางม่านแค่มองดูไปที่เขาเล็กน้อย เขาก็รับรู้แล้วว่า……
ต้องจบเห่แล้วแน่เลย!
เพียงเพราะคำพูดเดียวของตนเอง ก็ทำลายอาชีพการงานในอนาคตของตนเองลงอย่างราบคาบ!
ในวงการบันเทิงนั้นจางม่านมีสถานะระดับไหน?
เพียงแค่เธอพูดออกไป หรือเพียงแค่เธอพูดกับพวกผู้มีอิทธิพลบางคนในวงการบันเทิงเพียงคำเดียวว่า เธอไม่ชอบตัวเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ตัวเขาเองก็คงจะต้องยุติอาชีพในวงการบันเทิงนี้ลงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ด้วยสายตาของจางม่านที่จ้องมองมาที่ตัวเขานั้น เขาที่เป็นพี่ใหญ่แห่งปาปารัสซี่ ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า สายตาของเพื่อนร่วมอาชีพรอบข้างที่มองมาที่ตัวเขานั้น ก็เต็มไปด้วยความน่าเห็นอกเห็นใจกันมากเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงขนาดที่ว่ายังมีสายตาที่มองตาด้วยความดีใจเมื่อเห็นคนอื่นเป็นทุกข์ด้วย
เมื่อสำนึกรู้ตัวขึ้นได้ พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ก็รีบจะตรงเข้าไปหา เพื่อแสดงความขอโทษต่อเสิ่นรั่วชิง แต่ภาพเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น กลับทำให้เขาเกิดสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จนอยากที่จะร้องไห้ออกมาเลย
เมื่อเห็นว่า จางซินหร่านลูกสาวของจางเสี่ยวชวนผู้จัดการธนาคารสำนักงานใหญ่แห่งประเทศ พลันปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มคน แล้วก็เดินตรงเข้าไปหาเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิง
เฉียนจิ้งคุนและภรรยา ผู้ที่มีอิทธิพลแห่งวงการเหมืองแร่ที่เพิ่งจะมาถึงด้านหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลฉาว รวมถึงเฉินเมิ่งเฉี่ยนเจ้าของเฉินซื่อเพชรพลอยแห่งเมืองหนานกั่ง ต่างก็พากันเดินเข้ามาหาเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังจะมีม้ามืดในวงการนักธุรกิจอย่าง ซุนอีหมิงผู้รับผิดชอบใหญ่ของเทียนจวิน กรุ๊ปสาขาเมืองเจียงไห่ ก็ยังวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหาเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงด้วย
รวมไปถึงบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่มักจะเห็นกันประจำตามหน้าโทรทัศน์บางราย ต่างก็พากันเข้าไปหา ถึงแม้จะเป็นพวกนักธุรกิจใหญ่ระดับเฉียนจิ้งคุนที่กำลังสนทนากับเฉิงโม่หนงอยู่นั้น ต่างก็พากันกรูเข้ามาหาด้วย
เพราะว่านักธุรกิจหลายรายที่เพิ่งจะพูดคุยกับเฉิงโม่หนงเมื่อครู่นี้ ไม่เว้นแม้แต่รายเดียวนั้น ต่างก็เป็นเพราะคำพูดของเฉิงโม่หนงเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้รับรู้ถึงสถานะของเย่อู๋เทียน!
โดยไม่เพียงแต่จะเป็นเจ้ายมบาลชิงตี้แห่งประเทศหลง ยังจะเป็นเจ้าของเบื้องหลังตัวจริงของเทียนจวิน กรุ๊ปด้วย!
ต่อให้พวกนักธุรกิจต่างประเทศบางราย เมื่อเห็นเย่อู๋เทียนปรากฏตัวขึ้น ต่างก็พากันเข้ามาแสดงความเคารพ
เวลาเพียงไม่นาน เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงก็ถูกพวกนักธุรกิจแต่ละสาขาวงการโอบล้อมเอาไว้ ที่สำคัญก็คือ เผยว่านหลี่ยังเป็นผู้นำ จัดการให้ทุกคนได้ทยอยถ่ายรูปร่วมกับเย่อู๋เทียนด้วย……
เหตุการณ์แบบนี้ มันช่างน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมากเลย!
เมื่อเจ้าของบริษัทที่มีมูลค่าทรัพย์สินหลักสิบล้านร้อนล้านที่อยู่รอบข้างเหล่านั้นเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างก็แทบจะสิ้นลมหายใจ ทุกคนต่างก็คาดเดาว่า เย่อู๋เทียนคนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่!
นี่มัน……
เป็นการแย่งซีนของเจ้าภาพงานโดยสิ้นเชิง!
เมื่อปรากฏตัวขึ้น ก็ดึงดูดให้พวกนักธุรกิจและผู้มีอิทธิพลของแต่ละพื้นที่เข้ามาจับมือทักทายอย่างเป็นกันเอง
แม้ว่าจะเป็นท่านฉาวเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้ ก็คงจะไม่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นคับคั่งเช่นนี้หรอก?
เมื่อมองไปยังพวกดาราแถวหนึ่งแถวสองเหล่านั้นที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ รวมไปถึงผู้กำกับชื่อดัง ผู้ผลิตภาพยนตร์ชื่อดัง ผู้ควบคุมการผลิตภาพยนตร์ชื่อดังจากแต่ละพื้นที่ ต่างก็ตะลึงงันกันไปหมด
ชายคนที่สวมใส่ชุดสูทเรียบง่ายผู้นี้ ตกลงเป็นใครกันแน่?
วงการอะไร?
หน่วยงานอะไร?
ทำไมถึงได้มีผู้คนชื่นชอบและได้รับการต้อนรับที่ดีมากขนาดนี้!
แต่ไม่ว่าอย่างไร เผยว่านหลี่ที่เป็นผู้นำของพวกนักธุรกิจใหญ่เหล่านั้นต่างก็เข้าไปจับมือทักทายกับเขาอย่างคุ้นเคย……
พวกเขาที่เป็นแขกผู้คุ้นเคยในงานที่เน้นชื่อเสียงและผลประโยชน์เป็นหลักนั้น แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะพลาดโอกาสในการแสดงตนแบบนี้
โดยที่ไม่สนหรอกว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ขอแค่เข้าไปถ่ายรูปกับเขาผู้นั้นก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ไม่นานนัก บริเวณโดยรอบของทั้งสองคน ที่มีเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงเป็นจุดศูนย์กลาง ซึ่งมีถึงสามชั้นวงในและสามชั้นวงนอก ไม่ว่าจะเป็นใครที่ยืนออกมา อย่างน้อยจะต้องเป็นดาราแถวที่หนึ่ง อย่างน้อยก็จะต้องเป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงของในแต่ละวงการทั้งนั้น!
ที่จริงแล้วคนส่วนมากนั้น แม้แต่ชื่อของเย่อู๋เทียนก็ยังไม่รู้จักเลย แต่ในเมื่อเผยว่านหลี่กับเฉียนจิ้งคุนต่างก็เรียกเขาว่าคุณเย่ และเรียกหญิงสาวสวยข้างกายคุณเย่ว่าคุณนายเย่ ดังนั้นพวกเขาจึงพากันเรียกคุณเย่คุณนายเย่ตามกันไปหมด
ผู้กำกับเฝิง
ผู้กำกับจาง
พี่ใหญ่ฝาง
ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเพื่อที่จะพูดคุย จับมือ ถ่ายรูปร่วมกันกับเย่อู๋เทียน!
เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้……
เย่อู๋เทียนเองก็พูดอะไรไม่ออก แต่เมื่อเห็นว่าเสิ่นรั่วชิงดูเหมือนจะชื่นชอบในบรรยากาศแบบนี้ เขาจึงไม่พูดอะไร
เสิ่นรั่วชิงยิ้มและจับมือทักทายกับพวกผู้มีอิทธิพลในแต่ละวงการ พร้อมกับกระซิบพูดกับเฉิงโม่หนงที่อยู่ข้างกายที่เพิ่งจะเดินเข้ามาหาว่า: “พี่สาว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันเองก็ไม่อยากที่จะเป็นแบบนี้เลย”
เฉิงโม่หนงเข้าใจได้ทันทีว่าความหมายที่เสิ่นรั่วชิงพูดนั้นมันคืออะไร นั่นก็คือความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี จึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า: “เธอจะมาทำเป็นอวดดีอะไร? ทุกคนก็แค่ให้เกียรติกับผู้ชายของเธอก็เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกคนนี้จะรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร? ”
และในขณะนั้นเอง โล่เชียนฟานจากตระกูลโล่แห่งตี้ตูก็มาถึง
นี่เป็นถึงระดับคุณชายแห่งราชวงศ์เลยทีเดียว ต่อให้เป็นเจียงอู่ฟูจากตระกูลเจียงแห่งเมืองเจียงไห่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ก็ยังต้องอยู่ในลักษณะท่าทางที่เคารพเชื่อฟัง
นอกจากเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิง คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในที่แห่งนี้เมื่อเห็นสองคนนั้นมาถึงแล้ว ต่างก็พากันสูดหายใจลึก ซึ่งคาดคิดไม่ถึงว่า ท่านฉาวแห่งเมืองเจียงหนานนี้ จะมีเกียรติที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยทีเดียว!
แค่งานเลี้ยงฉลองวันเกิด ขนาดตระกูลโล่แห่งตี้ตูยังต้องส่งคนมาเข้าร่วมด้วย
แม้ว่าโล่เชียนฟานจะเป็นเพียงลูกหลานในสาขาหนึ่งของตระกูลโล่แห่งตี้ตู แต่ตระกูลโล่แห่งตี้ตูนี้มีสถานะสูงถึงระดับไหนกัน?
ฝ่าบาทผู้สูงส่ง ต่างก็แซ่โล่ทั้งนั้น!
พูดได้ว่า แม้โล่เชียนฟานจะเป็นเพียงลูกหลานในสาขาหนึ่งของตระกูลโล่ แต่เมื่ออยู่ด้านนอก ก็จะมีสถานะเหนือกว่าคนอื่นทั่วไป นี่ต่างหากจึงจะเรียกว่าตระกูลยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!
เมื่อโล่เชียนฟานมาถึงแล้ว ก็เกิดความสงสัยว่า เบื้องหน้านั้นเกิดเหตุการณ์อะไรกันแน่?
มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนไหนที่มาถึงอย่างนั้นเหรอ?
ถึงได้มีความโกลาหลวุ่นวายกันขนาดนี้?
โล่เชียนฟานกับเจียงอู่ฟูเดินเข้าไปในงานพร้อมกัน ตลอดทางที่เดินผ่าน ไม่มีใครกล้าจะมาขัดขวาง ต่อให้เป็นพวกนักข่าวและพวกปาปารัสซี่เหล่านั้น เวลานี้ต่างก็ไม่กล้าที่จะถ่ายรูปแล้ว
เพราะว่า โล่เชียนฟานเป็นคนของตระกูลโล่แห่งตี้ตู
ไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรืออย่างไร?
นักข่าวคนใดในที่แห่งนี้ มีใครบ้างล่ะที่กล้าถ่ายรูปของโล่เชียนฟาน?
แต่หลังจากที่กลุ่มคนเริ่มปลีกตัวออก โล่เชียนฟาน ก็มองเห็นเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้น……
โล่เชียนฟานก็ถึงกับตกใจเล็กน้อย
ถึงอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงจะมาอยู่ที่นี่
เจียงอู่ฟูที่อยู่ด้านข้างของโล่เชียนฟาน ยิ่งจะเกิดความสับสนขึ้นอย่างมากที่สุด เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่โรงแรมว่างไห่ เขาถูกหยดน้ำของหลินกู่ฉานพุ่งทะลุทรวงอก ในตอนนั้นหากว่าไม่ได้เย่อู๋เทียนเข้ามาช่วยชีวิตเอาไว้
เจียงอู่ฟู จะต้องตายลงแน่นอน!
พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ที่ตะโกนเรียกเสิ่นรั่วชิงนั้นเมื่อเห็นโล่เชียนฟานกับเจียงอู่ฟูมาถึงแล้ว ก็โล่งใจขึ้นอย่างมาก เพราะว่าเถ้าแก่ของเขา เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมกับโล่เชียนฟาน
แม้ว่าความสัมพันธ์นี้จะไม่ถือว่าใกล้มากนัก
แต่ ถ้าหากว่าได้มีโอกาสพูดคุยกับโล่เชียนฟาน และพูดถึงเถ้าแก่ของตนเองขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรคุณเย่กับคุณนายเย่ที่กำลังเป็นจุดสนใจในตอนนี้นั้นจะมีประวัติความเป็นมาอย่างไร อาชีพการงานของตนเองในอนาคตนั้น อย่างน้อยก็คงจะไม่ย่ำแย่เกินไปนัก!
นอกจากนี้ยังได้ยินมานานแล้วว่าโล่เชียนฟานให้ความสำคัญต่อเกียรติและความมีหน้ามีตาอย่างมาก
ในตอนนี้ เดิมทีที่ควรจะเป็นเวลาการแสดงตัวตน แสดงเกียรติหน้าตาของเขา แต่กลับถูกแย่งชิงไปโดยคุณเย่กับคุณนายเย่ที่ประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด แน่นอนว่าสภาพจิตใจของเขาคงจะไม่ค่อยจะดีนัก
พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่คิดอยู่ในใจว่า หากอีกสักครู่มีโอกาสได้พูดคุยกับโล่เชียนฟานจริง ๆ เพียงแค่พูดถึงเรื่องที่ไม่ดีของคุณเย่ต่อหน้าของเขา ก็เป็นไปได้ที่โล่เชียนฟานอาจจะไม่ให้เกียรติต่อคุณเย่เลย
เพราะว่า โล่เชียนฟานเป็นคนของตระกูลโล่แห่งตี้ตู
ต่อให้จะมีท่านฉาวซิงอยู่ที่นี่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของโล่เชียนฟาน ก็คงจะต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นกัน!
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว พี่ใหญ่แห่งวงการปาปารัสซี่ก็สบายใจขึ้นมาก สีหน้าท่าทางก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
แต่ในเวลานี้ เมื่อโล่เชียนฟานเดินมาถึงด้านหน้าของเย่อู๋เทียน ก็ได้ยกมือแสดงความเคารพต่อเย่อู๋เทียนก่อน แล้วก็ตะโกนเรียกเสิ่นรั่วชิงที่อยู่ด้านข้าง: “สวัสดีคุณอา หลานโล่เชียนฟาน ขอแสดงความเคารพ! ”
นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาจนถึงตาย ส่วนเรื่องที่หนักหนาจนถึงตายอย่างที่สุดก็คือ……
เจียงอู่ฟูผู้มีอิทธิพลและมีชื่อเสียงแห่งวงการหมัดมวยทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่เดินมาถึงด้านหน้าของเย่อู๋เทียน ก็พลันคุกเข่าข้างเดียวลงไปบนพื้น ที่เบื้องหน้าของเย่อู่เทียน และพูดขึ้นด้วยความเคารพว่า: “เจียงอู่ฟู ขอคารวะผู้มีบุญคุณ! ”