จอมนักรบอหังการ - บทที่ 159
บทที่ 159 นายกำลังทำให้ฉันอับอาย? หรือว่ากำลังตั้งใจทำให้ฉันอับอายอยู่กันแน่? ขณะที่พูดคำนี้ออกมานั้น ถังเสี่ยวไป๋ก็แสดงท่าทางที่สงบนิ่งและเฉยชาอย่างมาก
จอมนักรบอหังการ บทที่ 159 นายกำลังทำให้ฉันอับอาย? หรือว่ากำลังตั้งใจทำให้ฉันอับอายอยู่กันแน่? ขณะที่พูดคำนี้ออกมานั้น ถังเสี่ยวไป๋ก็แสดงท่าทางที่สงบนิ่งและเฉยชาอย่างมาก
แต่เมื่อเขาพูดจบ ท่าทางของเขา กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านหน้าของเขานอกจากเย่อู๋เทียนแล้ว ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
แสงสีขาวเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง
อีกทั้ง นอกจากเย่อู๋เทียนแล้ว ไม่ว่าใครก็คงจะมองไม่เห็นว่าถังเสี่ยวไป๋นั้นชักกระบี่ออกมาอย่างไร
กระบี่เล่มที่ถังเสี่ยวไป๋ใช้นี้ มีชื่อว่ารุ้งขาว!
ไม่ใช่กระบี่ที่มีชื่อเสียงอะไร แต่เป็นเพราะถังเสี่ยวไป๋มีชื่อเสียงที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากในยุทธภพ ดังนั้นกระบี่รุ้งขาวของเขา ถึงได้เหมือนกับชื่อของเขา ที่ผู้คนได้ยินแล้วต่างก็พากันหวาดกลัว
ขณะที่ชักกระบี่รุ้งขาวออกจากด้าม
โต๊ะที่ทำขึ้นมาจากหยกขาวที่อยู่ด้านหน้าของถังเสี่ยวไป๋นั้น ก็พลันปรากฏเส้นรอยแยกขึ้นมาตรงใจกลาง อีกทั้งภาชนะที่ใส่อาหารอยู่บนโต๊ะ ก็แตกหักออกเป็นสองซีก
ทุกคน ต่างก็ตกตะลึงกันทั้งหมด!
นี่ก็คือชี่กระบี่ที่ล่ำลือกันอย่างนั้นเหรอ?
ทุกจุดที่ชี่กระบี่พ้นผ่าน แม้แต่โต๊ะที่ทำขึ้นมาจากหยกขาวก็ยังแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน ยิ่งไปกว่านั้นชี่กระบี่ยังพุ่งตรงไปที่เย่อู๋เทียนด้วย?
แต่ในขณะที่ถังเสี่ยวไป๋ได้เก็บกระบี่รุ้งขาวลงไปในด้ามนั้น สีหน้าของทุกคน ต่างก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
เพราะเห็นว่า……
เย่อู๋เทียน ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย!
ถังเสี่ยวไป๋เองก็เพิ่งจะสังเกตเห็นท่าทางของเย่อู๋เทียนในเวลานี้
ก็ตกใจขึ้นเล็กน้อย
เพราะว่าในขณะที่เขากำลังชักกระบี่ออกมานั้น ก็เห็นแค่ว่าเย่อู๋เทียนสะบัดตะเกียบในมือของเขาขึ้นเล็กน้อย
ในขณะนั้น ถังเสี่ยวไป๋ไม่ได้แปลกใจกับท่าทางการสะบัดตะเกียบของเย่อู๋เทียนเลย
ถังเสี่ยวไป๋คิดว่า ตะเกียบในมือของเย่อู๋เทียนนั้น ก็คงจะเหมือนกับโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าของตนเอง ที่ต้องแตกหักออกเป็นสองซีก
โดยเย่อู๋เทียนเองก็คงจะเหมือนกับโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าของตนเองเหมือนกัน ถูกฟันแยกออกเป็นสองส่วน อีกทั้ง ไม่ว่าจะเป็นศีรษะของเขา หรือร่างกายของเขา ก็จะต้องถูกฟันแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วย
แต่ตอนนี้……
เย่อู๋เทียนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย?
และในขณะนั้นเอง โต๊ะด้านหน้าของถังเสี่ยวไป๋นั้น ก็พลันตกหล่นลงมา
โครมมมม!
เหล้าอาหารบนโต๊ะนั้น ก็ร่วงตกลงมาทั้งหมด
เย่อู๋เทียนเองก็ยังคงชูตะเกียบอยู่อย่างนั้น
ตะเกียบคู่นั้นในมือของเขา แม้ว่าจะมีราคาแพง แต่ก็เป็นเพียงแค่ตะเกียบไม้คู่หนึ่งเท่านั้น
ถังเสี่ยวไป๋มองดูเหตุกาณ์นี้อย่างตกตะลึง ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
หรือจะพูดว่า เมื่อครู่เย่อู๋เทียนเพียงแค่ใช้ตะเกียบไม้คู่นั้นในมือของเขา สกัดกั้นพลังดาบที่ฟาดฟันของตนเอง?
ไม่ ไม่ใช่สกัดกั้น!
แต่เป็น……
การทำลาย!
ในห้องโถงจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ นอกจากโต๊ะของเย่อู๋เทียนนี้แล้ว ที่จริงก็ยังมีผู้คนอยู่กันอีกไม่น้อย
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงกันอย่างที่สุด
ราวกับว่าลืมหายใจไปชั่วขณะ
ทุกคนต่างก็ส่งสายตามองมาที่ใบหน้าของเย่อู๋เทียนทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น
เป็นที่เหลือเชื่ออย่างมากว่า ไอ้หนุ่มคนนี้ทำไมถึงได้เก่งกาจมากขนาดนี้ ทั้งที่ถังเสี่ยวไป๋ลงมือ แต่เขากลับไม่ตาย!
เสิ่นรั่วชิงที่อยู่ด้านข้างของเย่อู๋เทียนกลับไม่แปลกใจอะไรเลย เพราะว่า เธอนั้นเคยเห็นความเก่งกาจของสามีของเธอมาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบนเตียง หรือว่าเรื่องล่างเตียง ต่างก็เก่งกาจทั้งนั้น และยังจะมีท่วงท่าสง่างามด้วย……
แม้ว่าเฉิงโม่หนงจะแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับแปลกใจมากนัก
เฉียนจิ้งคุนและภรรยารวมถึงเผยว่านหลี่ก็ยิ่งไม่แปลกใจเลย
เพราะต่างก็เคยเห็นความเก่งกาจของเย่อู๋เทียนมาแล้ว
สำหรับหยางเฟยเอ๋อร์นั้น แปลกใจอย่างมาก เคยคิดว่าเย่อู๋เทียนนั้นเก่งกาจ แต่คิดไม่ถึงว่าเย่อู๋เทียนจะเก่งกาจขนาดนี้!
หลี่จิงหงนั้นอ้าปากค้างแล้วมองไปที่เย่อู๋เทียน ราวกับว่ามองเห็นผีสางอย่างไรอย่างนั้น
ช่างน่าเหลือเชื่ออย่างมากเลยทีเดียว!
แต่ว่า……
หลี่จิงหงไม่ได้เห็นว่าเย่อู๋เทียนนั้นทำลายพลังกระบี่ของถังเสี่ยวไป๋อย่างไร จึงนึกอย่างรวดเร็วว่า ถังเสี่ยวไป๋ออมมือให้กับเย่อู๋เทียนหรือเปล่า?
เวลานี้สภาพจิตใจของฉาวซิงกับหลี่จิงหงแทบจะไม่ต่างกัน ซึ่งก็คิดว่า ถังเสี่ยวไป๋ออมมือให้กับเย่อู๋เทียน
แต่หลังจากนั้น เย่อู๋เทียนกลับพูดขึ้นว่า: “น่าเสียดายอาหารที่น่าทานบนโต๊ะนี้จริงเลย”
ถังเสี่ยวไป๋จ้องเขม็งไปที่เย่อู๋เทียน และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า: “เมื่อครู่นายใช้ตะเกียบคู่หนึ่ง ทำลายชี่กระบี่ของฉันลงได้อย่างไร? ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นฉาวซิง หรือว่าหลี่จิงหง รวมไปถึงผิงเสี่ยวหลิง ต่างก็สูดหายใจลึก!
ทำลาย?
เย่อู๋เทียนใช้ตะเกียบคู่หนึ่ง ก็สามารถทำลายชี่กระบี่เมื่อครู่นั้นของถังเสี่ยวไป๋ลงได้แล้วเหรอ?
เย่อู๋เทียนลุกยืนขึ้น แล้วก็โยนตะเกียบลงไปบนพื้น และเดินตรงไปยังด้านหน้าของถังเสี่ยวไป๋ โดยในขณะที่เดินผ่านพวกเหล้าอาหารที่ตกกองอยู่บนพื้นนั้น ยังจงใจที่จะขยับเท้าก้าวผ่าน ราวกับกลัวว่าจะเปรอะเปื้อนรองเท้าหนังของเขา
และในขณะที่เย่อู๋เทียนเดินตรงไปหาถังเสี่ยวไป๋นั้น……
ถังเสี่ยวไป๋กลับก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
เป็นไปได้ที่ถังเสี่ยวไป๋เองก็คิดไม่ถึงว่า ตนเองจะตกใจกลัวจนถึงขนาดก้าวถอยหลัง ครั้นแล้วก็ชะงักหยุดเล็กน้อย แล้วก็ก้าวเท้าขึ้นมาด้านหน้า รวบรวมความกล้าหาญและจ้องมองไปที่เย่อู๋เทียน พร้อมกับพูดว่า: “อีกสักรอบแล้วกัน! ”
เมื่อพูดจบ ถังเสี่ยวไป๋ก็เตรียมจะชักกระบี่ออกมาอีกครั้ง
แต่ เย่อู๋เทียนกลับก้าวเดินไปถึงที่ด้านหน้าของถังเสี่ยวไป๋ก่อน โดยรวดเร็วกว่าที่ถังเสี่ยวไป๋จะชักกระบี่ออกมาเสียอีก
ต่อจากนั้น เย่อู๋เทียนก็แย่งกระบี่รุ้งขาวมาจากมือของถังเสี่ยวไป๋ และประเมินน้ำหนักของกระบี่รุ้งขาวเล่มนี้ พยักหน้าและพูดขึ้นว่า: “มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบี่มังกรเขียวของฉันเลย อีกทั้งกระบี่ของนายนี้ ชัดเจนว่าหักมาหลายครั้งแล้ว และหลังจากที่หล่อหลอมขึ้นมาใหม่หลายครั้ง จึงทำให้มีพลังอานุภาพแบบในตอนนี้ใช่ไหมล่ะ? ”
พูดถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนก็ส่ายศีรษะ หัวเราะฮึฮึและพูดว่า: “แต่น่าเสียดายที่ กระบี่นั้นเป็นกระบี่ที่ดี แต่เจ้าของกลับไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร แม้แต่กระบี่ก็ยังถือไว้ไม่แน่นเลย แล้วนายยังจะฝึกฝนกระบี่ไปอีกทำไมล่ะ”
เมื่อพูดจบ ไม่เห็นว่าเย่อู๋เทียนจะใช้แรงกำลังอะไร ราวกับว่ากำมือเบา ๆ ทั้งด้ามกระบี่ และตัวกระบี่ ก็แตกหักเป็นผุยผงไปทั้งหมด
ถังเสี่ยวไป๋คู่ดวงตาเบิกโพลง จ้องมองมาที่ภาพเหตุการณ์นี้ และตกตะลึงจนถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก
เพราะว่าระยะเวลาครั้งก่อนที่กระบี่รุ้งขาวแตกหักนั้น มันผ่านมาห้าปีแล้ว ก็เท่ากับว่า ช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้ ถังเสี่ยวไป๋ไม่เคยได้พบเจอกับคู่ต่อกรเลย
กระบี่ที่ดีก็เหมือนกับกระดูกของคน
หลังจากที่หักและได้รับการหลอมขึ้นมาใหม่ เพียงแค่เทคนิคการหล่อหลอมนั้นทรงประสิทธิภาพ ก็เหมือนกับว่าได้ฟื้นคืนชีวิตใหม่ขึ้น!
ทุกครั้งที่แตกหัก และในทุกครั้งที่ได้รับการหล่อหลอมใหม่ ก็ยิ่งจะทำให้กระบี่มีความแหลมคมมากขึ้น!
กระบี่มังกรเขียวเล่มนั้นของเย่อู๋เทียน ก่อนหน้านี้เคยถูกหานจิ่วฉองใช้สองนิ้วบีบจนแตกละเอียด ซึ่งก็เป็นไปตามหลักการเดียวกัน เพียงแต่ว่า เย่อู๋เทียนยังไม่มีเวลานำกระบี่มังกรเขียวไปทำการหล่อหลอมขึ้นใหม่
ถังเสี่ยวไป๋นั้นเป็นถึงปรมาจารย์กระบี่ ซึ่งก็คงจะเข้าใจหลักการนี้เป็นอย่างดีแน่นอน ตอนนี้กลับเห็นกระบี่รุ้งขาวของตนแตกหักละเอียดเต็มพื้นไปหมด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่
ที่น่าดีใจก็คือ หากตนเองสามารถใช้เศษที่แตกหักเหล่านี้นำกลับมาหล่อหลอมเป็นกระบี่รุ้งขาวอีกครั้ง อย่างนั้นพลังอานุภาพของกระบี่รุ้งขาว ก็จะราวกับว่าเป็นนักบู๊ที่ทะลุฝ่าด่าน สำเร็จขึ้นไปอีกขั้น
ที่น่าเสียใจก็คือ……
ชั่วชีวิตของตนเองนี้ ยังจะมีโอกาสอยู่อีกไหม?
ถังเสี่ยวไป๋สูดหายใจลึก และมองไปที่เย่อู๋เทียน และถามว่า: “ฉันสามารถนับถือนายเป็นอาจารย์ได้ไหม? ”
เย่อู๋เทียนตกใจขึ้นเล็กน้อย และพูดว่า: “นายมีหน้าตาที่ธรรมดาแบบนี้ แต่ยังจะมีความคิดที่ชาญฉลาด แต่ว่า……นายสามารถที่จะเป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของฉันได้”
ถังเสี่ยวไป๋ใบหน้ากระตุก และถามขึ้นว่า: “ลูกศิษย์ของนายคือใคร? ”
เย่อู๋เทียนพูดว่า: “นายจะต้องเรียกฉันว่าคุณปู่ก่อน ฉันจึงจะแนะนำศิษย์รักของฉันให้กับนาย”
ถังเสี่ยวไป๋สงบนิ่งไปพักหนึ่ง และถามขึ้นอย่างละเอียดว่า: “นายกำลังทำให้ฉันอับอาย? หรือว่ากำลัง……ตั้งใจทำให้ฉันอับอายอยู่กันแน่? ”