จอมนักรบอหังการ - บทที่ 162 ทาสสามแซ่ ถังเลี่ยน
จอมนักรบอหังการ บทที่ 162 ทาสสามแซ่ ถังเลี่ยน!
เย่อู๋เทียนถึงงานประมูลชุนชิลในวันนี้ และแน่นอนว่าต้องมาหลังจากที่ปลอมตัว
นอกจากหน้าที่แต่งเอฟเฟคแล้ว รูปร่างก็เปลี่ยนไปด้วย
ในสายตาของคนอื่น เย่อู๋เทียนในตอนนี้เป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง
และคนที่มาพร้อมกันกับเย่อู๋เทียน ยังมีหยางเฟยเอ๋ออีกคน
แม้ว่าฉาวซิงได้รับปากว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สินของพิพิธภัณฑ์ชุนชิลไปเป็นชื่อของเย่อู๋เทียน แต่เรื่องการเปลี่ยนชื่อสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สิน จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันถึงจะมีผลบังคับใช้
แต่ก่อนที่จะถึง สิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สินของพิพิธภัณฑ์ชุนชิล ก็ยังคงอยู่ในชื่อของหยางเฟยเอ๋อร์
ถึงแม้ว่าเย่อู๋เทียนจะปรากฎตัวที่พิพิธภัณฑ์ชุนชิล โดยปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดของหยางเฟยเอ๋อร์ แต่หยางเฟยเอ๋อที่อยู่ข้างกายเขา ยังคงมองเย่อู่เทียนด้วยทีท่าที่หลงไหล และบางครังยังใช้แขนเสียดสีกับวงแขนของเย่อู๋เทียนเป็นครั้งคราวอีกด้วย
ทำจนเย่อู๋เทียนทำตัวไม่ถูก
เย่อู๋เทียนพูดตักเตือนกับหยางเฟยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์:”รักษาระยะหว่างด้วย ขอบคุณ”
หยางเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งเลยเถิดมาจับแขนของเย่อู๋เทียนไว้จนแน่ พูดอย่างออดอ้อนว่า:”ภรรยาของคุณไม่อยู่สักหน่อย จะกลัวอะไร!”
“……”
เย่อู๋เทียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปที่ห้องโถงต้อนรับแขกผู้มีเกีรยติขนาดใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ชุนชิล
สายตาของหยางเฟยเอ๋อ์ไม่ได้อยู่บนใบหน้าของเยย่อู๋เทียนอีกต่อไป แต่ตกใจกับภาพที่อยู่ตรหน้าอย่างสิ้นเชิง
สไตล์สถาปัตยกรรมของที่นี่ งามและแปลกแบบโบราณ
ในห้องโถงต้อนรับแขกขนาดใหญ่ พรมแดงและเก้ากี้ทองคำ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมนุษย์ทองคำขนาดใหญ่สิบสององค์ตั้งอยู่ทั้งสองข้างของห้องโถงอีกด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ หยางเฟยเอ๋อร์ก็อดไม่ได้สูดลมหายใจเย็นเยือกหนึ่งที และพูดโพล่งออกมาว่า:”มนุษย์ทองคำสิบสององค์สมัยราชวงศ์ฉินเหรอ? ที่หายสาบสูญไปนับพันปี มนุษย์ทองคำสิบสององค์สมัยราชวงศ์ฉินอย่างนั้นหรอ?”
เย่อู๋เทียนเหลือบมองมนุษย์ทองคำทั้งสิบสองนั้นอีกครั้ง และพูดว่า:”เป็นของปลอม แต่ดูรูปร่างและรูปลักษณ์ภายนอกมันก็ค่อนข้างคล้ายกับมนุษย์ทองคำสิบสององค์สมัยราชวงส์ฉินเหมือนกัน”
หยางเฟยเอ๋อร์มองไปยังมนุษย์ทองคำองค์หนึ่ง พูดกระซิบขึ้นว่า:”สร้างด้วยทองทำทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?”
เย่อู๋เทียนกล่าวว่า:”ไม่ใช่ วัสดุหลักคือเหล็กอย่างดีและทองสัมฤทธิ์ มีผิวด้านนอกเท่านั้นถึงจะเป็นวัสดุทองคำแท้”
หยางเฟยเอ๋อพูดอย่างตื่นเต้นว่า:”นี่ก็น่าเหลือเชื่อมากแล้ว ความสูงเฉลี่ยของมนุษย์ทองคำเหล่านี้ก็มีสิบเมตรกว่าแล้ว และจากการวัดด้วยสายตาของฉัน มนุษย์ทองคำองค์ที่รูปทรงเล็กที่สุดก็มีน้ำหนักเกือบร้อยตันแล้ว!”
เย่อู่เทียนกล่าวขึ้นว่า:”นี่แสดงให้เห็นว่าตอนั้นพ่อของคุณทำเรือพนันในทะเลหลวง ก็ทำเงินได้ไม่น้อยเหมือนกัน”
หยางเฟยเอ๋อดีใจจนแทบจะร้องไห้ โดยพูดขึ้นว่า:”ตอนนี้กรูจะรวยเกินไปแล้วนะ!แต่ว่า……หลังจากที่ร่างกายของพ่อฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เขาคงไม่เอาทรัพย์สินทั้งหมดของเขากลับคืนไปใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็กลับมาจนเหมือนเดิมอีกน่ะสิ!”
เย่อู๋เทียนพูดด้วยความเฉยชา:”นี่เป็นเรื่องของครอบครัวคุณ ไม่เกี่ยวกับผม!”
หยางเฟยเอ๋อรีบพูดสวนขึ้น:”นี่จะไม่เกี่ยวกับคุณได้ยังไง คุณคิดดูนะ ฉันเป็นของคุณแล้ว ทรัพย์สินของฉันก็คือทรัพย์สินร่วมของเราทั้งหมดอยู่แล้ว ดังนั้น กลับไปแล้วคุณต้องช่วยฉัน ไม่ว่ายังไงอย่าให้พ่อของฉันเอาทรัพย์สินเหล่านั้นของเขากลับไปเด็ดขาด!”
เย่อู๋เทียนพูดด้วใบหน้าเคร่งขรึม:”เวลาพูดใช้สองคิดหน่อย คุณเป็นคนของผมตั้งแต่เมื่อไหร่!หยางเฟยเอ๋อ ผมเตือนคุณไว้เลย คุณอย่ามาได้คืบแล้วจะเอาศอก!”
หยางเฟยเอ๋อทำหน้าบึ้งและพูดว่า:”ได้ทุกเมื่อ เป็นคนของคุณได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว อีกอย่าง เมื่อคืนมันมากเกินไปที่คุณกับภรรยาอยู่ในห้องของเค้าแบบนั้น นี่เห็นได้ชัดเจนว่าภรรยาของคุณกำลังแสดงความเป็นเจ้าของด้วยวิธีแบบนี้ ตอนนั้นเค้าแอบดูและแอบฟังอยู่ข้างๆ เสียใจมากนะรู้ไหม คุณต้องชดเชยให้เค้านะ!”
สีหน้าของเย่อู๋เทียนบูดบึ้งไปหมด
ถ้าเสน่ห์ของเสิ่นรั่วชิงลดลงอีกนิดแม้เพียงเล็กน้อย เมื่อคืนเขาก็คงไม่ตามใจเสิ่นรั่วชิงแบบนั้น!
เสียใจด้วย!……
เสิ่นรั่วชิงตอนนี้เรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีแล้ว
เสิ่นรั่วชิงในวันนี้ ไม่ใช่เสิ่นรั่วชิงก่อนหน้านั้นแล้ว
แค่เสิ่นรั่วชิงนอนอยู่บนเตียง แล้วกระดิกนิ้วให้เย่อู๋เทียน เย่อู๋เทียนก็ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที โดยเย่อู๋เทียนจงใจรักษาระยะห่างจากหยางเฟยเอ๋อร์
ในขณะเดียวกันก็ส่งสายตามองไปที่อื่น
และมีผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันภายในห้องโถงรับแขกขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้เย่อู๋เทียนรู้สึกไม่คุ้นเคย และ……
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ทุกอิริยาบถล้วนแผ่ออร่าของนักรบผู้ทรงอำนาจที่แตกต่างกัน!
อาจกล่าวได้ว่า นอกจากหยางเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายแล้ว ความแข็งแกร่งไม่ว่าใครก็ตามได้ไปถึงจุดที่ทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการได้!
โดยเฉลี่ยนหลายร้อยคนที่อยู่ในสนาม อย่างน้อยต้องมีสักคนเป็นพลังตัน!
งานที่อลังการแบบนี้ แม้แต่เย่อู๋เทียน ก็พึ่งเห็นเป็นครั้งแรกเช่นกัน
มันคล้ายกับงานเข้าร่วมชมศิลปะการต่อสู้สมัยใหม่อย่างมาก
แต่นี่เป็นวงการศิลปะการต่อสู้ของจริง
ในใจกลางของห้องโถงรับแขก มีเต่ายักษ์ทองคำตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเนื้อแท้จะเป็นอย่างไร แต่วัสดุหนังด้านนอกเป็นเต่ายักษ์สีทอง
บนหลังของเต่ายักษ์ทองคำยังแบกกะถังทองคำสี่ขาไว้หนึ่งรูปอีกด้วย
ด้านบนของกะถังยักษ์ ถูกแกะสลักด้วยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หลายชนิด และภายในมีศิลาจารึกหินทองคำขนาดใหญ่ตั้งอยู่!
ความสูงของศิลาจารึกหินทองขนาดใหญ่นั้น มันสูงกว่ามนุษย์หินทองคำสิบสององค์ที่อยู่รอบๆ ด้วยซ้ำ!
บนแผ่นศิลาจารึกมีตัวอักษรขนาดใหญ่อยู่สองตัว
“ชุนชิล!”
เย่อู๋เทียนมองดูรูปลักษณ์ของเต่ายักษ์ตัวนี้ที่แบกกะถังและศิลาจารึก ก็อดไม่ได้ที่จะแอบตกใจ
พึ่งมาเข้าใจตอนนี้ว่า……
อาศัยแค่ทรัพยากรทางการเงินของฉาวซิง เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดสถานที่งานประมูลชุนชิลได้ยิ่งใหญ่มโหฬารเช่นนี้ได้
มีความเป็นไปได้แค่ทางเดียวเท่านั้น
ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังงานประมูลชุนชิล ซึ่งก็คือเขาเอ๋อเหมย
เย่อู๋เทียนเบี่ยงเบนสายตามองไปที่อื่นอีกแล้ว สัมผัสแห่งความประหลาดใจฉายชัดอยู่ในสายตาเขาเป็นครั้งคราว
การตกแต่งของที่นี่ ทำได้อย่างน่าตกใจ
ตอนนี้ดูเหมือนว่า……
สาเหตุที่เจ้าภาพผู้จัดงานประมูลชุนชิลค้างชำระค่าเช่าของฉาวซิงนั้น ที่จริงแล้วไม่ได้จงใจค้างชำระเลย
แต่ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ต่างหาก เพราะแค่เอาวัตถุโบราณมาจัดแสดงโชว์เพียงไม่กี่ชิ้น ที่จริงก็จ่ายค่าเช่าได้หมดแล้ว!
ในขณะที่เย่อู๋เทียนกำลังคำนวณการตกแต่งของสถานที่อยู่นั้น หานเฟิงอี้และถังเลี่ยนก็ได้นั่งลงไปแล้ว และตำแหน่งที่นั่งนั้น กลับเป็นสองตำแหน่งที่ใกล้กับประตูสถานที่หลักของงานประมูลชุนชิลที่สุด
กล่าวได้ว่า สองแม่ลูกนี้ เป็นแขกรับเชิญพิเศษของงานประมูลชุนชิลของวันนี้นั่นเอง
เย่อู๋เทียนสงสัยเหลือเกินว่า ความแข็งแกร่งที่มีอยู่ของถังเลี่ยนเป็นอย่างไรกันแน่
แต่เนื่องจากมีคนในงานจำนวนมาก……
และระยะห่างของเย่อู๋เทียนกับถังเลี่ยนอยู่กันไกลเกินไป จนไม่สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้
ในเวลานี้เอง ภายนอกห้องโถงรับแขก
ได้มีชายสวมชุดจีนสวยหรูทั้งตัวเดินเข้ามา โดยใบหน้านั้นเหมือนกับกับมงกุฎหยก
ด้านหลังของชายคนนี้ ยังมีหญิงสาวรูปงามอย่างไม่มีที่ติสวมชุดกังฟูทั้งตัวเดินตามมาด้วย และมีชายร่างสูงใหญ่สวมใส่ชุดโบราณสมัยราชวงศ์ถัง ที่มีความสูงเฉลี่ยประมาณสองเมตรอีกสองแถว
ทันทีที่กลุ่มคนนี้เขาไปในงาน ก็เป็นที่ดึงดูดสายของคนที่อยู่ในงานทั้งหมด
จนเกิดความภายในห้องโถงรับแขก
“นั่นไม่ใช่จูเก่ออิ่นหลิงแห่งเขาเซวียนอู่หรอกหรือ? และเขาคือคนของสำนักยาแห่งเขาเซวียนอู่ คาดไม่ถึงว่าเขาจะมาด้วย!”
“ยาล้างไขกระดูก ขุมทรัพย์ชิ้นเอกของงานประมูลชุนชิล ดูเหมือนจะมีเจ้าของแล้ว”
“คำพูดนี้ดูจะประมาทไปหน่อย มีถังเลี่ยนลูกศิษย์จากหลังเขาเอ๋อเหมยอยู่ ใครจะกล้าประมูลยาล้างไขกระดูก!”
“ว่ากันว่า ถังจิ่วเชียนที่เติบโตมาพร้อมกับถังเลี่ยน ก่อนหน้านี้ได้ปะทะกับยอดฝีมือระดับสูงที่เจียงไห่ และหานจิ่วฉองของตระกูลหานแห่งตี้ตู ก็ถูกยอดฝีมือระดับสูงคนนั้นตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถังเลี่ยน……จะเก่งกว่าถังจิ่วเชียนและหานจิ่วฉองไปสักเท่าไหร่เชียว? ฉันดูแล้วยาล้างไขกระดูกในคืนนี้ จูเก่ออิ่นหลิงถึงจะเป็นผู้ที่มีสามารถประมูลไปได้!”
“นายคนที่เอาชนะถังจิ่วเชียนและหานจิ่วฉองได้นั้น คงไม่ใช่จูเก่ออิ่นหลิงใช่ไหม? เพราะฉันได้ข่าวมาว่า ไม่กี่วันก่อนเขาก็ที่เจียงไห่ครั้งหนึ่งเหมือนกัน!”
“มีความเป็นไปได้ ว่ากันว่าถังเจิ้งเฟิงพ่อของถังเลี่ยนก่อนหน้านี้ที่ไปเจียงไห่ ก็ถูกคนตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน และหากจูเก่ออิ่นหลิงปรากฏตัวที่เจียงไห่เมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วก็……ก็อาจเป็นไปได้สูงว่าเขาเป็นคนทำจริง เพราะเขาเป็นคุณชายของหลังเขาเซวียนอู่ ที่มีความสารถนี้!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงชายคนที่ชื่อจูเก่ออิ่นหลิง ความสนใจของเย่อู๋เทียนกลับไปอยู่กับใบหน้าของหญิงสาวรูปงามที่อยู่ด้านหลังของจูเก่ออิ่นหลิง
เคยเห็น
หญิงสาวรูปงามอย่างไร้ที่ติ ก็คืออิ่นโม่โฉวนั่นเอง!
เธอมาที่นี่ได้ยังไง?
ในเวลานี้ จูเก่ออิ่นหลิงได้เดินไปยังที่นั่งแถวที่ใกล้ที่สุดกับประตูใหญ่ของสนามเจ้าภาพงานประมูลชุนชิล
และที่นั่งอยู่ตรงนั้น ก็คือสองแม่ลูกหานเฟิงอี้และถังเลี่ยน
นอกจากนี้ ถังจิ่วเชียนที่เคยถูกเย่อู่เทียน”สั่งสอน”ก่อนหน้านี้ ก็ยืนอยู่ข้างหลังของสองแม่ลูกนั่นเอง
สายตาของเยอู๋เทียน หยุดอยู่ที่ร่างของถังจิ่วเชียน
เพราะก่อนหน้านั้นที่ห้างสรรพสินค้าเจียงไห่เมืองเทียนจุน ถังจิ่วเชียนเพียงแค่จับมือกับเย่อู๋เทียนเท่านั้น โรคเก่าบนร่างกายก็หายไปอย่างสิ้นเชิง!
ถังจิ่วเชียนในปัจจุบัน เปลี่ยนไปเป็นคนละคนไปเลย
แม้ว่าอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก
จูเก่ออิ่นหลิงได้เดินมาอยู่ตรงหน้าของถังเลี่ยน ยิ้มอย่างเย็นชา และพูดว่า:”ทาสสามแซ่ ทำไมนายยังมีชีวิตอีก? ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่ฉันไปที่เขาเอ๋อเหมย ได้ทำลายจุดเลือดลมของนายไปแล้วนี่ ทำไมยังฟื้นตัวได้เหมือนเดิม? เหอะ นี่นายไปคุกเข่าต่อหน้าท่านผู้เฒ่าของตระกูลไหนอีกแล้ว และขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยรักษาร่างกายของนายจนหาย!”
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นเงียบกริบกันหมด
จูเก่ออิ่นหลิง……
เคยสู้ชนะถังเลี่ยนจริงเหรอ?
นอกจากนี้ยังทำลายจุดเลือดลมของถังเลี่ยนด้วยอย่างนั้นหรือ?
ถังเลี่ยนผู้ที่กำลังดื่มชาอยู่ มองจูเก่ออิ่นหลิงด้วยสายตาที่เย็นชา และพูดว่า:”เรื่องเมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนนี้เอามาโอ้อวด…..นายคิดว่แบบนี้จะสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของนายดูดีขึ้นได้อย่างนั้นหรอกหรือ?”
พูดถึงเรื่องนี้ ถังเลี่ยนหันหัวเล็กน้อย ชำเลืองมองไปยังถังจิ่วเชียนหนึ่งครั้ง และพูดขึ้นว่า:”อาการป่วยเก่าของนายถูกเย่อู๋เทียนรักษาหายด้วยความโง่เขลาไม่ใช่หรือ ให้ฉันดูผลลัพธ์หน่อย โดยตอนนี้นำไอ้จูเก่ออิ่นหลิงคนนี้…..ไปทำลายเสีย!”