จอมนักรบอหังการ - บทที่ 177 ไม่พูดพร่ำทำเพลง โจมตีด้วยหมัดเดียว!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 177 ไม่พูดพร่ำทำเพลง โจมตีด้วยหมัดเดียว!
ในขณะนี้ อารมณ์ของโล่หวางพลุ่งพล่านถึงขีดสุด
เธอคิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเธอ จะเป็นเย่อู๋เทียน!
นั่นก็หมายความว่า เมื่อครู่ที่เขาทำร้ายถังว่านฉาว ต่อหน้าของคนที่อยู่ด้านนอก ล้วนเป็นเพราะตนเอง!
เย่อู๋เทียนเห็นโล่หวางท่าทางตื้นตันเช่นนี้ จึงถามว่า“ทำไมเธอถึงได้ปรากฏตัวอยู่ข้างกายถังว่านฉาวล่ะ?”
โล่หวางอยากจะตอบกลับ แต่จู่ๆหยางเฟยเอ๋อร์ก็วิ่งออกมาจากทางเดินระหว่างหลังเวทีกับจุดจัดแสดงด้านหน้า ด้วยความประหม่า“ด้านหน้ามีคนกำลังเดินเข้ามา เจี่ยนโล่จู๋กับหัวเฉียนคุน!พวกเขาพาผู้ชายชุดดำเข้ามาด้วยสามคน!”
โล่หวางได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็ตึงเครียดทันที
แต่เมื่อนึกถึงความสามารถของเย่อู๋เทียนก่อนหน้านี้ เธอก็โล่งอกอย่างสบายใจ
แต่โล่หวางยังคงเอ่ยเตือนเย่อู๋เทียน“อาจารย์คะ ถึงแม้ว่าจะสามารถฆ่าถังว่านฉาวได้อย่างง่ายดาย แต่ยังคงต้องระวังอยู่ดีนะคะ เพราะในโถงชุนชิวแห่งนี้มีผู้แข็งแกร่งรวมตัวอยู่นับร้อยคน หากพวกเขาล้อมวงเข้ามาโจมตีอาจารย์ คงจะ……”
ยังไม่ทันที่โล่หวางจะพูดจบ เย่อู๋เทียนก็พูดตัดบทว่า“ไม่เป็นไร!”
โล่หวางผงะเล็กน้อย มองไปทางสายตาของเย่อู๋เทียน เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ยากที่เข้าใจว่า ความสามารถของเย่อู๋เทียน ตกลงมันน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน!
ในขณะนี้ หัวเฉียนคุนหัวเราะอย่างเปิดเผย เสียงได้ดังลอดเข้ามา
“กระผมฮัวเฉียคุน แห่งหลังภูเขาเอ๋อเหมย ยินดีที่ได้พบเจอคุณเย่ครับ !”
เย่อู๋เทียนมองไปอย่างเฉยเมย
เป็นไปตามคาด
ด้านหลังของหัวเฉียนคุน มีแค่คนสี่คนเท่านั้น นอกจากเจี่ยนโล่จู๋ที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับโล่หวาง ยังมีชายฉกรรจ์สวมชุดดำอีกสามคน
ชายฉกรรจ์สามคนนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกดดันคนอื่น
แต่ทว่า นี่เป็นแค่สำหรับโล่หวางกับหยางเฟยเอ๋อร์เท่านั้น
สำหรับเย่อู๋เทียนแล้ว
แน่นอนว่าไม่ต้องเอ่ยถึง
เมื่อคำนึงถึงก่อนหน้าที่หัวเฉียนคุนอยู่ในโถงรับแขก จะร่วมมือกับผู้กล้าคนอื่นๆ เพื่อใช้วิธีล้อมโจมตี สังหารตนเอง
สายตาที่เย่อู๋เทียนมองหัวเฉียนคุน จึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ใบหน้าของหัวเฉียนคุน ยังคงมีรอยยิ้มไม่จางหาย ไม่มีใครรู้สึกว่าคนผู้นี้แสดงท่าทีเป็นศัตรูต่อเย่อู๋เทียนแม้แต่น้อย
เวลานี้เอง ฮัวเฉียนอยู่ห่างจากเย่อู๋เทียน เพียงแค่เจ็ดก้าว
ฮัวฉียนคุนเห็นว่าเย่อู๋เทียนไม่พูดอะไร จึงหัวเราะหึๆ“คุณเย่ครับ ที่กระผมมา ไม่ได้มาด้วยความประสงค์ร้าย แต่มาเพื่อเจรจากับคุณ!”
ใครจะไปคิด เมื่อสิ้นเสียง จู่ๆเย่อู๋เทียนก็หายไปจากที่ยืนอยู่
มาถึงข้างหน้าของหัวเฉียนคุน ความเร็วดุจดั่งสายฟ้า โดยที่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล่อยหมัดออกไปทันที!
อีกทั้งตำแหน่งที่จู่โจมคือจุดตันเถียนของหัวเฉียนคุนอีกด้วย
สิ่งที่มากกว่านั้นคือ หมัดของเย่อู๋เทียน รวมรวมพลังเป็นเกลียว ถึงแท้จะดูน่าสะพรึงกลัวมาก แต่เมื่อหลังจากที่ลงตรงจุดตันเถียนของหัวเฉียนคุน เขากลับไม่ได้ถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าว!
เจี่ยนโล่จู๋ที่อยู่ด้านหลังของฮีวเฉียนคุน และชายชุดดำอีกสามคน ต่างตกใจจนหน้าถอดสี
แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจไม่ใช่ว่าหัวเฉียนคุนไม่ได้ถอยหลังหลังจากการโจมตีอย่างกะทันหันของเย่อู๋เทียน แต่กลับตกใจกับวิธีการอันน่าสะพรึงกลัวของเย่อู๋เทียนในเวลานี้!
หมัดที่เย่อู๋เทียนปล่อยออกไป หากสามารถต่อยหัวเฉียนคุนกระเด็นไปไกล ยังดีหน่อย
อย่างน้อย ระหว่างที่หัวเฉียนคุนกระเด็นออกไป ยังพอที่จะสามารถกำจัดพลังบางส่วนของหมัดเย่อู๋เทียนออกไปได้บ้าง
แต่ดูตอนนี้สิ?
หมัดของเย่อู๋เทียน สำหรับหัวเฉียนคุนแล้ว มันราวกับคุกจองจำ!
ทำให้หัวเฉียนคุนที่ฉลาดเป็นกรดผู้นี้ ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่กับที่ รับพลังหมัดของเย่อู๋เทียนไว้ทั้งหมด
ในชั่วพริบตาเดียว หัวเฉียนคุนรู้สึกเพียงว่าอวัยวะภายในของเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และพลังอันน่าสะพรึงกลัวของหมัดก็กระแทกเข้ากับร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทั้งร่างกายของเขาราวกับได้กลืนดินปืนเข้าไป!
ความน่าเกรงขามทั้งหมด เขาต้องเป็นคนสลายไปเอง
ผ่านไปไม่นาน สีหน้าของหัวเฉียนคุนก็ม่วงช้ำ ไม่ว่าจะเป็นลำคอ หรือขมับ เส้นเลือดปูดโปนทั้งหมด ดวงตาของเขาเบิกกว้างเหมือนระฆังทองแดง และสีหน้าที่เหมือนตายตาไม่หลับ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจเข้าใจได้
หลังจากที่เขามาถึงหลังเวที ในสายตาของ‘เย่จุ้นหลิน’เขาไปทำอะไรที่ทำให้รำคาญใจรึเปล่า ?
ไม่มี!
อีกฝ่ายเพียงแค่เข้ามาทักทายเท่านั้น!
คนผู้นี้……
ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!
ฉันแค่ทักทายคุณ ถามสารทุกข์สุกดิบ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือหมัดของคุณเนี่ยนะ?
เวลานี้เอง ใบหน้าของหัวเฉียนคุน บิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ กระทั่งมีเลือดไหลออกจากปากและจมูกของเขา อย่างน่าอนาถ!
หลังจากที่เย่อู๋เทียนชักกำปั้นกลับมา หัวเฉียนคุนก็ล้มลงกับพื้นทันที!
สำหรับเจี่ยนโล่จู๋กับชายชุดดำทั้งสามคน ตกใจเหมือนกับกระต่ายตื่นตูมตัวหนึ่ง ไปหลบอยู่ข้างๆ
โดยเฉพาะเจี่ยนโล่จู๋
เธอสวมชุดกี่เพ้าสีดำ กระโดดขึ้นไปบนคานหลังเวที
มองดูสายตาของเย่อู๋เทียน ราวกับกำลังดูคนบ้าอยู่
เธอไม่เข้าใจเลย
หัวเฉียนคุนไปทำอะไรให้เขา?
ล่วงเกินเขาหรอ?
เขาแค่พูดไปประโยคเดียวเท่านั้น!
แค่ประโยคเดียว!
เอ๋?
ไม่สิ!
หลังจากที่เข้ามา ก็พูดไปสองประโยค!
ประโยคหนึ่งถามสารทุกข์สุกดิบ อีกประโยคคือพูดถึงจุดประสงค์ที่เข้ามา!
และเมื่อเขาแสดงเจตจำนงก็แสดงเจตนาชัดเจนว่ามาอย่างเป็นมิตร ในเมื่อมาอย่างเป็นมิตร ทำไมถึงยังถูกทำร้ายอยู่?
โล่หวางกับหยางเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังของเย่อู๋เทียน สีหน้าตกใจไม่ต่างกัน
พวกเธอไม่สามารถเข้าใจได้ เหตุใดจู่ๆเย่อู๋เทียนจึงทำร้ายคนอื่นล่ะ!
ทำร้ายคนอื่นมันสะใจงั้นหรอ?
ถึงจะสะใจอย่างไร ก็ต้องมีเหตุอันควรให้กระทำ?
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ทำร้ายคนอื่นจนหมดสภาพแบบนี้ นี่มันเผด็จการเกินไปแล้ว ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!
เย่อู๋เทียนมองดูหัวเฉียนคุนที่อยู่ตรงพื้นด้วยความเฉยเมย“คุณเป็นมิตรกับผม ไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นมิตรกับคุณ เมื่อครู่ตอนที่อยู่ด้านนอก คุณอยากร่วมมือกับพวกเศษสวะพวกนั้น มาฆ่าผมไม่ใช่รึไง?”
ปึ้ง!
สมองของฮัวเฉียนเหมือนกับระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆยังไงอย่างงั้น
เขาคาดคิดไม่ถึงเลย
“เย่จุ้นหลิน” ในสายตาของเขา จะรู้เรื่องแผนการของเขา!
หัวเฉียนคุนอ้าปากพะงาบๆ
พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เลือดไหลออกจากปากของเขาไม่หยุด
ทั่วทั้งร่างกายไม่มีแรงแม้แต่น้อย
เย่อู๋เทียนพูดขึ้นมาอีกว่า“คุณคิดว่า คุณกับเศษสวะพวกนั้นร่วมมือกัน จะสามารถทำให้ผมออกจากที่นี่ไม่ได้งั้นหรอ?”
หัวเฉียนคุนร้องไห้
อีกทั้งสิ่งที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขา มันคือเลือด!
เขาพึ่งรู้ตัวว่า แผนการชั่วร้ายทั้งหมด เป็นสิ่งไร้ค่าทั้งหมด เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่อยู่ตรงหน้า!
ทันใดนั้น เย่อู๋เทียนก็ไม่สนใจหัวเฉียนคุนอีก แต่มองไปที่เจี่ยนโล่จู๋ที่หลบอยู่บนคาน
วินาทีนี้ เจี่ยนโล่จู๋เหมือนลูกนกที่กำลังตกใจ
เธอรู้สึกเสียใจมาก
สิ่งที่ไม่สมควรทำที่สุด ไม่ควรฟังคำพูดใส่ร้ายของหัวเฉียนคุน เดินมาหลังเวทีกับเขา
เย่อู๋เทียนพูดกับเจี่ยนโล่จู๋อย่างเรียบเฉย“ลงมา”
เจี่ยนโล่จู๋ไม่กล้า
เย่อู๋เทียนมองไปทางอื่น แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“คุณสวมกี่เพ้าอยู่ ไปหลบอยู่ด้านบนคานนั่น มันจะเห็นข้างล่างของคุณหมดนะ”
เจี่ยนโล่จู๋หน้าแดงก่ำทันที
เห็นหมดจะกลัวอะไร?
ชีวิตสำคัญที่สุด
เจี่ยนโล่จู๋รู้สึกประหม่าจนขีดสุด สมองสั่งการอย่างรวดเร็ว ตนเองจะหนีออกจากที่นี่ไปได้อย่างไร
แต่ในเวลานี้เอง เย่อู๋ทียนพูดอีกประโยคหนึ่งที่ทำให้เจี่ยนโล่จู๋รู้สึกอับอายจนขีดสุด
“ถ้ายังไม่ลงมาอีก ผมจะฉีกชุดคุณเป็นชิ้นๆเลย!”