จอมนักรบอหังการ - บทที่ 183 เย่อู๋เทียน ไม่ได้เจอกันหลายปี นายน่าเกรงขามมาก
จอมนักรบอหังการ บทที่ 183 เย่อู๋เทียน ไม่ได้เจอกันหลายปี นายน่าเกรงขามมาก!
ตอนพูดประโยคนี้ออกมา หานเฟิงอี้มีเพียงความรู้สึกเดียว นั่นคือตัวเองโดนเย่อู๋เทียนลงโทษต่อหน้าทุกคน
อีกทั้งวิธีลงโทษแบบนี้ ทำให้หานเฟิงอี้รู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ!
ตอนนี้หานเฟิงอี้เกลียดเย่อู๋เทียนไม่ได้แล้ว
มีเพียงแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น
เธอกลัวว่าอีกเดี๋ยวเย่อู๋เทียนจะไร้ยางอาย จนถึงขั้นที่ทำให้คนบันดาลโทสะสุดขีด!
อย่างเช่น เย่อู๋เทียนให้เธอถอดเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคน……
ถ้าเป็นแบบนั้น……
หานเฟิงอี้ต้องเป็นตัวตลกของคนทั้งโลกแน่นอน!
สิ่งสำคัญกว่านั้น ยังถอดเสื้อผ้าต่อหน้าถังเลี่ยนลูกชายของเธอ
ตอนนี้ในหัวของหานเฟิงอี้ เต็มไปด้วยภาพที่เธอถอดเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคน เหมือนผู้หญิงที่เป็นทุกข์จากอาการหลงผิด
เมื่อลองมองอีกมุม การที่หานเฟิงอี้มีความคิดแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
นอกจากกลัวเย่อู๋เทียนจนถึงขีดสุด
เหตุผลที่แท้จริง……
คือร้อนตัว!
ตอนนั้นหานหว่านเอ๋อร์พาเย่อู๋เทียนมาเยี่ยมญาติตระกูลหานที่ตี้ตู
ตอนนั้นหานเฟิงอี้กำลังลงโทษพ่อของหานหว่านเอ๋อร์ หานหว่านเอ๋อร์ทนไม่ไหว จึง “รับโทษแทนพ่อ” !
สุดท้ายหานเฟิงอี้ให้คนมัดหานหว่านเอ๋อร์ไว้กับต้นไม้ และลงโทษโบยต่อหน้าทุกคน!
สิ่งสำคัญคือ ตอนนั้นเย่อู๋เทียนที่เป็นเด็ก ก็โดนนักบู๊หลายคนกดตัวไว้บนพื้น ทำได้เพียงมองแม่ตัวเองโดนคนโบยซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้!
ปัจจุบันนี้!
เรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน!
ไม่ว่าจะเป็นหานเฟิงอี้หรือถังเลี่ยน ตอนนี้กลายเป็นแค่ “นักโทษ” ของเย่อู๋เทียน!
จะมีจุดจบที่ดีได้อีกเหรอ
หันมองถังเลี่ยนอีกครั้ง
เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ความลับที่หานเฟิงอี้รักษาไว้ จะโดนคนสักไว้บนตัวหานเฟิงอี้
ตอนนี้ถังเลี่ยนก็โมโหสุดขีด
เขารับรู้ถึงความเก่งของเย่อู๋เทียนแล้ว!
ถึงตอนนี้เขาทนไม่ไหวที่แม่ตัวเองโดนเย่อู๋เทียนทำให้อับอาย แต่ก็ไม่มีวิธีอะไรเลย!
เพราะแค่เขาจะทำให้เย่อู๋เทียนพังพินาศไปด้วยกัน ยังไม่สามารถทำได้เลย!
จะพูดเรื่องอื่นอีกทำไม
ทำได้เพียงมองเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นช้าๆ โดยไม่สามารถทำอะไรได้
ไม่มีวิธีอะไรเลย!
มองเย่อู๋เทียนในตอนนี้
สีหน้าเมินเฉย
ในใจรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ความลับที่หานเฟิงอี้พูด โดนคนสักไว้บนตัวเธอ!
อีกทั้งยังเป็นยันต์มังกรด้วย!
แล้วมันคือยันต์มังกรอะไรกันแน่
ขณะที่เย่อู๋เทียนกำลังสงสัยอยู่
จู่ๆ หานเฟิงอี้สติแตก จ้องเย่อู๋เทียนแล้วพูดอย่างบ้าคลั่ง “เย่อู๋เทียน! นายทำแบบนี้กับฉันไม่ได้! ถ้านายกล้าทำให้ฉันอับอายต่อหน้าทุกคน ฉันจะตาย!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หานเฟิงอี้มองคนในที่นี้ทุกคน ตะโกนเสียงดังอย่างเสียสติ
“พวกนายตาบอดเหรอ เป็นคนที่อยู่ในวิถีบู๊เหมือนกัน จะมองสองแม่ลูกอย่างฉันกับถังเลี่ยน โดนเย่อู๋เทียนรังแกดูหมิ่นแบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ”
“เจี่ยนโล่จู๋หลังภูเขาเอ๋อเหมยเพื่อนของเขา เอาแก่นเหรียญม่วงปลอมออกมาหลอกพวกนาย อย่าบอกนะว่าพวกนายไม่มีความกล้าแม้แต่จะแตะต้องเขา”
“พวกนายมันคนขี้ขลาดท่าดีทีเหลว! พวกนายมันพวกกากเดน!”
ตั้งแต่เด็กจนโตหานเฟิงอี้ ไม่เคยเสียสติขนาดนี้มาก่อน
เหตุผลที่แท้จริง
ก็คงมีเพียงแค่สองคำเท่านั้น!
หวาดกลัว!
หลังจากที่หวาดกลัวถึงขั้นสุด ก็จะเป็นความโกรธ!
ความโกรธ……
ส่วนใหญ่เกิดจากความไร้ความสามารถ!
มองหานเฟิงอี้ที่โดนบีบจนบ้าไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งในที่นี้เงียบเสียงกันหมด!
อารมณ์ของทุกคนล้วนสับสนมาก ไม่มีใครผิดแปลกไปจากนี้เลย
หานเฟิงอี้พูดถูก
พวกเขาคือคนขี้ขลาด คือกากเดนจริงๆ
อยู่ต่อหน้าเย่อู๋เทียน อย่าว่าแต่ลงมือเลย ขนาดพูดสักคำยังไม่กล้าเลย!
ทุกคนในนี้ ในมุมมองของคนนอก ล้วนเป็นบุคคลระดับปรมาจารย์
ประโยคที่ว่ามิอาจดูถูกปรมาจารย์ เผยแพร่ไปทั่ว
แต่ดูเหมือนตอนนี้
ประโยคนี้……
เหมือนกลายเป็นเพียงลมปากเท่านั้น!?
ขณะนั้นเย่อู๋เทียนหัวเราะ มองหานเฟิงอี้แล้วพูดว่า “เธอคิดว่าฉันจะให้เธอถอดเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคนเหรอ”
หานเฟิงอี้เหมือนโดนฟ้าผ่า!
นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่เหรอ
อีกทั้งฉันยังเข้าใจว่า
วันนี้ถ้าคนอย่างเย่อู๋เทียนไม่ให้หานเฟิงอี้ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคน ฉันจะตบปากตัวเองจนฉีกเลย!
เย่อู๋เทียนยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เธอให้ความสำคัญเนื้อเน่าๆ ของเธอเกินไปแล้ว!”
ตู้ม!
หานเฟิงอี้สมองขาวโพลน!
แต่ต่อมา หานเฟิงอี้รู้สึกดีใจมาก
แค่เย่อู๋เทียนไม่ให้เธอถอดเสื้อต่อหน้าทุกคน เธอก็วางใจแล้ว
แต่ทว่า……
ประโยคถัดมาของเย่อู๋เทียน ทำให้หานเฟิงอี้รู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง
“โล่หวาง เอาผู้หญิงคนนี้ไปหลังเวที ถ่ายรูปยันต์มังกรบนตัวเธอก่อน หลังจากนั้นค่อยทำลายทิ้ง!”
หานเฟิงอี้ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
รอยสักยันต์มังกรบนตัวเธอ เป็นหลักฐานในการติดต่อกับพวกอำนาจลึกลับนั้น!
ถ้าโดนทำลาย ถังเลี่ยนก็ไม่สามารถได้รับการติดต่อจากอำนาจลึกลับคนนั้นไปตลอดชีวิตน่ะสิ
หานเฟิงอี้พูดขอร้องอีกครั้ง “อย่า อย่าทำแบบนี้!”
เย่อู๋เทียนยิ้มเย็นชาในใจ
อันที่จริงเย่อู๋เทียนเข้าใจแล้วว่ายันต์มังกรบนตัวหานเฟิงอี้ มันคืออะไร
ก็แค่วัตถุมงคลของตระกูลหานแห่งตี้ตูเท่านั้น
ส่วนอำนาจด้านไหนเป็นคนให้วัตถุมงคลกับตระกูลหาน ตอนนี้เย่อู๋เทียนไม่มีอารมณ์ไปสนใจ
เพราะยันต์มังกรของจริง อยู่ในมือเย่อู๋เทียนตั้งนานแล้ว
หลายปีก่อน นอกจากหานตี้ซือจะให้ตราจักรพรรดิหนึ่งด้านกับเย่อู๋เทียน ยังให้ยันต์มังกรกับเย่อู๋เทียนอีกหนึ่งแผ่น
ตอนนี้ยันต์มังกรแผ่นนั้น โดยเย่อู๋เทียนฝังลงไปในด้ามกระบี่มังกรเขียวตั้งนานแล้ว
ส่วนความลับที่ซ่อนอยู่ในยันต์มังกรแผ่นนั้น กับตราจักรพรรดิที่หานตี้ซือมอบให้เขา มีความแตกต่างที่งดงามเหมือนกัน
ด้านบนสลักวิชาการต่อสู้เอาไว้ส่วนหนึ่ง!
เมื่อสิบปีก่อน เย่อู๋เทียนได้บรรลุความลับในนั้นแล้ว
ตอนนี้โล่หวางฟังคำสั่งของเย่อู๋เทียน ลงมาเอาตัวหานเฟิงอี้ออกไป
แต่หานเฟิงอี้กลับตะโกนต่อเหมือนเสียสติ “ฉันถอด! อย่าทำลายยันต์มังกรบนตัวฉัน!”
เย่อู๋เทียนมองหานเฟิงอี้แล้วพูดว่า “วันนี้ไม่ให้เธอถอด แต่ต่อไปก็มีโอกาสนะ ใช่สิ เธออาจไม่รู้ว่ายันต์มังกรบนตัวเธอ มันหมายถึงอะไรกันแน่สินะ ไม่ใช่แค่วัตถุมงคล ด้านบนยังมีวิชาการต่อสู้อยู่ส่วนหนึ่งด้วย ก่อนหน้านี้ที่โรงแรมว่างไห่ การที่ถังเจิ้งเฟิงกล้าขนาดนั้น ก็เพราะฝึกวิชาการต่อสู้บนนี้แหละ น่าเสียดาย ในสายตาของฉัน เขาก็ยังเป็นคนไม่มีประโยชน์อยู่ดี!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนพูดเสริมอีกประโยค “นั่นหมายความว่า ตอนนั้นที่ถังเจิ้งเฟิงนอนกับเธอ เพราะรอยสักยันต์มังกรบนตัวเธอ!”
คำพูดของเย่อู๋เทียน
แทงใจสุดขีด!
หานเฟิงอี้ตะลึงไปหมดแล้ว
ถังเลี่ยนก็ตะลึง
ทุกคนในที่นี้ ได้ยินเย่อู๋เทียนพูดถึงถังเจิ้งเฟิงขึ้นมากะทันหัน ก็ตะลึงกันหมด
แม้ถังเจิ้งเฟิงเป็นผู้บัญชาปกครองชายแดนของประเทศหลง โดยปกติแล้ว ยังไม่อยู่ในสายตาของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกบู๊ แต่คนส่วนใหญ่ในที่นี้ล้วนรู้ว่า กำลังของถังเจิ้งเฟิง เรียกได้ว่าเป็นนักบู๊อันดับต้นๆ เลย!
ถังเจิ้งเฟิงแพ้คามือเย่อู๋เทียนงั้นเหรอ
คำพูดของเย่อู๋เทียนทำให้คนตกตะลึงอีกแล้ว
“ถ้าถังเจิ้งเฟิงบรรลุวิชาการต่อสู้บนยันต์มังกรนั่นแล้ว คงมีคุณสมบัติทำให้ฉันใช้แรงทั้งหมด แต่น่าเสียดาย เขาบรรลุวิชาการต่อสู้บนยันต์มังกรแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น!”
ตู้ม!
เกิดเสียงฮือฮาไปทั่ว!
ถังเจิ้งเฟิงบรรลุวิชาการต่อสู้บนยันต์มังกรแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ก็เก่งกาจขนาดนี้แล้ว
ภายใต้เงื่อนไขแบบนี้……
วิชาการต่อสู้บนยันต์มังกรแผ่นนั้น ก็เก่งกาจเหมือนวิชาการต่อสู้บนแก่นเหรียญม่วงใช่ไหม
แต่ตอนนี้ยันต์มังกรที่สักบนตัวหานเฟิงอี้ กำลังจะโดนเย่อู๋เทียนทำลายทิ้ง!
นี่……
นี่มันทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจชัดๆ!
จู่ๆ คนส่วนใหญ่ในนี้ พากันมองหานเฟิงอี้ด้วยสายตาที่เหมือนเสือจ้องเหยื่อ
ราวกับว่าตอนนี้หานเฟิงอี้ ไม่ใช่คนในสายตาพวกเขาอีกต่อไป แต่เป็นเตาหม้อใบหนึ่ง!
เป็นเตาหม้อที่สามารถทำให้ทุกคนในที่นี้ มีโอกาสถึงจุดสูงสุดของวิถีบู๊!
เย่อู๋เทียนเห็นดังนั้น จึงหรี่ตาลงพูดว่า “โล่หวาง ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้ว ปล่อยหานเฟิงอี้ ต่อไปใครแย่งหานเฟิงอี้ได้ คนนั้นจะได้ศึกษาวิชาการต่อสู้ที่สักอยู่บนตัวเธอ!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ไม่มีใครรู้ความรู้สึกของหานเฟิงอี้
เย่อู๋เทียนไอ้เลวที่โหดเหี้ยมโดยธรรมชาติ!
เอาเธอมาเป็นเหยื่ออย่างนั้นเหรอ
เหยื่อที่สามารถทำให้ทุกคนในที่นี้ฆ่ากันเองได้
แต่ขณะนั้น ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคอจีนคนหนึ่ง เดินออกมาจากกลุ่มคน สายตาของเขามองไปที่เย่อู๋เทียนทันที ยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า “เย่อู๋เทียน ไม่ได้เจอกันหลายปี นายน่าเกรงขามมาก!”
ทุกคนมองไปที่ชายวัยกลางคนทันที
ไม่มีใครที่ไม่สูดหายใจเฮือก
หัวหน้าผู้อาวุโสของหลังภูเขาเอ๋อเหมย เฉินโป๋เหล่างั้นเหรอ
พวกผู้แข็งแกร่งกลุ่มนั้น ที่มาจากหลังภูเขาเอ๋อเหมย รวมเจี่ยนโล่จู๋อยู่ในนั้นด้วย เมื่อเห็นชายวัยกลางคนคนนี้ ไม่มีใครที่สีหน้าไม่ตึงเครียด หลังจากนั้น……
ทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้น!
นำโดยเจี่ยนโล่จู๋ หมอบกราบชายวัยกลางคนคนนี้ทันที “เจี่ยนโล่จู๋ คารวะผู้อาวุโสเฉิน!”