จอมนักรบอหังการ - บทที่ 186 เฉินโป๋เหล่า คุกเข่าเพื่อขอพบคุณเย่
จอมนักรบอหังการ บทที่ 186 เฉินโป๋เหล่า คุกเข่าเพื่อขอพบคุณเย่!
คนที่พูดคือจูเก่ออิ่นหลิง
เดิมทีเขาไม่รู้ว่าหลังจากเย่อู๋เทียนออกจากอาคารชุนชิว แล้วจะมาที่ตระกูลฉาว
แต่อิ่นโม่โฉวซึ่งเป็นศิษย์น้องของเขา สองสามปีมานี้เธอติดต่อกับพวกตระกูลพ่อค้าที่ “ล่างภูเขา” มาโดยตลอด
จึงเดาว่าเย่อู๋เทียนมีโอกาสปรากฏตัวที่ตระกูลฉาว พร้อมกับหยางเฟยเอ๋อร์ ลูกสาวของฉาวซิง
จูเก่ออิ่นหลิงจึงฟังคำแนะนำของอิ่นโม่โฉว รีบมาที่ตระกูลฉาว
คิดไม่ถึงว่า หน้าคฤหาสน์ตระกูลฉาว……
จะเจอเย่อู๋เทียนจริงๆ
ตอนนี้จูเก่ออิ่นหลิงตึงเครียดถึงขีดสุด
เขารู้ว่าภูมิหลังและพละกำลังของตัวเอง คงไม่มีคุณสมบัติเป็นศิษย์ของเย่อู๋เทียน
แต่……
เขาก็ยังอยากถามด้วยตัวเองสักครั้ง……
เย่อู๋เทียนหันมามองจูเก่ออิ่นหลิง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงโยนยาชำระล้างให้อีกฝ่ายหนึ่งเม็ด
จูเก่ออิ่นหลิงรีบรับไว้
ขณะเดียวกัน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ไม่คิดไม่ฝันเลย เย่อู๋เทียนจะเอาของล้ำค่าอย่างยาชำระล้างให้เขาง่ายๆ แบบนี้
บริจาคทานเหรอ
จูเก่ออิ่นหลิงกำลังจะถามความสงสัยในใจออกมา เย่อู๋เทียนพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า “รักษาอาการบาดเจ็บของนายให้หายดีก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อพูดจบ เย่อู๋เทียนหันหลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉาว
จูเก่ออิ่นหลิงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความงุนงง
“นี่กำลังปฏิเสธทางอ้อม หรือ……ฉันมีโอกาสเป็นศิษย์ของเขาจริงๆ กันแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของจูเก่ออิ่นหลิง อิ่นโม่โฉวที่อยู่ข้างๆ ยิ้มแหย
“ศิษย์พี่ ตำรายาบางส่วนที่เป็นความลับของสำนักยาแห่งเขาเซวียนอู่ของเรา ล้วนมาจากคุณเย่ ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้ คุณเย่ก็มีลำดับอาวุโสเท่ากับพวกเหล่าจู่เขาเซวียนอู่ของเรา”
จูเก่ออิ่นหลิงมีสีหน้าตกใจ
“ที่แท้มีเรื่องแบบนี้ด้วย ทำไมฉันไม่รู้เลย!”
อิ่นโม่โฉวถอนหายใจเบาๆ
“เมื่อก่อนพี่เอาแต่เก็บตัวอยู่หลังภูเขา มีเรื่องที่ไม่รู้อีกเยอะ”
จูเก่ออิ่นหลิงมองเย่อู๋เทียนที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอย แววตาค่อยๆ แน่วแน่ขึ้นมา
ผ่านไปนาน จูเก่ออิ่นหลิงพูดออกมาช้าๆ
“ถึงฉันเป็นนายน้อยของเขาเซวียนอู่ แต่วิทยายุทธทั้งตัวฉัน ท้ายที่สุดก็มาจากเชื้อสายสำนักยาแห่งเขาเซวียนอู่ ตอนนี้แม้แต่ถังจิ่วเชียนคนข้างกายถังเลี่ยน ฉันก็ยังสู้ไม่ได้ ในอนาคตจะพูดถึงเรื่องสืบทอดรากฐานพันปีของเขาเซวียนอู่ได้ยังไง”
“ฉันตัดสินใจแล้ว ชีวิตนี้ฉันต้องเป็นศิษย์ของเย่อู๋เทียนให้ได้!”
“หนึ่งวันเขาไม่ตอบตกลง ฉันก็ขอร้องหนึ่งวัน หนึ่งปีเขาไม่ตอบตกลง ฉันก็ขอร้องหนึ่งปี สิบปีเขาไม่ตอบตกลง ฉันก็ขอร้องสิบปี จนกว่าเขาจะตอบตกลง!”
เมื่ออิ่นโม่โฉวได้ยิน ก็รู้สึกประทับใจอยู่บ้าง
ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน สนิทกันเหมือนพี่น้อง
จูเก่ออิ่นหลิงนิสัยเป็นยังไง เธอเข้าใจดีเป็นที่สุด
ถ้าจูเก่ออิ่นหลิงตัดสินใจไปแล้ว เขาต้องทำออกมาได้แน่นอน
ส่วนนี้สามารถดูออกจากอีกเรื่องหนึ่ง
ตอนจูเก่ออิ่นหลิงอายุ 18 ปี ได้ลงเขามาท่องเที่ยว ชอบผู้หญิงคนหนึ่งที่เจียงหนาน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้หน้าตาสวยมากนัก แต่จูเก่ออิ่นหลิงก็ชอบพอดี
ปัจจุบันจูเก่ออิ่นหลิง ใกล้เป็นผู้ชายวัย 30 มีความคิดและพึ่งพาตนเองได้
แต่ก็ยังอยู่ตัวคนเดียว
สาเหตุแท้จริง ก็เพราะนิสัยดื้อรั้นของเขานั่นแหละ
ทั้งโง่ทั้งดื้อรั้น
ที่น่าขำคือ จนถึงตอนนี้จูเก่ออิ่นหลิงก็ยังไม่กล้าสารภาพรักกับผู้หญิงคนนั้น
เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นอาของศิษย์น้องเขา
เพราะลำดับอาวุโส จึงทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้!
เมื่อคิดเช่นนี้ อิ่นโม่โฉวถามว่า “งั้นต่อไปพี่จะทำยังไง รอโง่ๆ อยู่ที่นี่เหรอ”
จูเก่ออิ่นหลิงชะงักครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไปตระกูลหลิงก่อน รักษาอาการบาดเจ็บให้หายแล้วค่อยว่ากัน”
อิ่นโม่โฉวอึ้งไป จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันว่าพี่อยากไปเจอคุณหลิงมากกว่า”
จูกัดอินหลงหน้าแดง พูดออกมาว่า “คุณหลิงอะไรกัน กว่าจะมาเจียงหนานได้สักทีไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะไปเยี่ยมศิษย์น้องฉัน เขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น ในสำนักบู๊แห่งเขาเซวียนอู่ของเราเลยนะ ฉันที่จะเป็นหัวหน้าหลังเขาเซวียนอู่ในอนาคต ต้องไปตีสนิทกับเขาสักหน่อย อืม หลักๆ คือไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ตระกูลเขา”
อิ่นโม่โฉวส่งเสียงหึออกมา เอือมระอาอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นจูเก่ออิ่นหลิงหันหลังเดินไปทันที
ระหว่างทางไปตระกูลหลิงแห่งเจียงหนาน จู่ๆ จูเก่ออิ่นหลิงถามอิ่นโม่โฉวหนึ่งประโยค “ศิษย์น้องหลิงฝึกฝนจนสำเร็จเมื่อสามปีก่อน เธอว่าถ้าเทียบกับถังเลี่ยน ใครจะเก่งกว่ากัน”
สีหน้าอิ่นโม่โฉวนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “คงพอๆ กันมั้ง แต่ฉันไม่ชอบหลิงฟ่าง แม้เขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นในเขาเซวียนอู่ของเรา แต่นิสัยของเขา……บ้าระห่ำจนเกินเหตุ!”
จูเก่ออิ่นหลิงยิ้มแหย “ไม่ว่าเขานิสัยยังไง แต่เขาไม่มีเจตนาร้ายกับเขาเซวียนอู่ ตอนนั้นหัวเฉียนคุนแห่งหลังภูเขาเอ๋อเหมย จะรับเขาเป็นศิษย์ ยังโดนเขาปฏิเสธเลย”
อิ่นโม่โฉวไม่ได้พูดอะไรมาก
อีกด้านหนึ่ง
ห้องรับแขกของคฤหาสน์ตระกูลฉาว
ฉาวซิงเตรียมข้าวของเพื่อหนีแล้ว
ทั้งตระกูลฉาว
เต็มไปด้วยภาพของความตื่นตระหนก
พ่อบ้านอาวุโสของตระกูลฉาว เห็นท่าทางตกใจจนทำอะไรไม่ถูกของฉาวซิง จึงพูดเตือนสติว่า “คุณท่าน ตอนนี้คุณเย่กับคุณหนูยังไม่มีข่าวอะไร เราส่งคนไปสอบถามที่อาคารชุนชิวก่อนดีไหมครับ หลังจากนั้นค่อย……”
ไม่รอให้พ่อบ้านอาวุโสพูดจบ ฉาวซิงพูดตำหนิว่า “สอบถามบ้าบออะไรอีกล่ะ ตอนนี้ใช่เวลาสอบถามไหม ฉันมีชีวิตอยู่ในสังคมจนถึงวันนี้ได้ ก็เพราะความไวในการสังเกต ก่อนที่อันตรายกำลังจะใกล้เข้ามา! ตอนนี้คนของหลังภูเขาเอ๋อเหมยจะมาตระกูลฉาวของเราแล้ว เราไม่หนีตอนนี้ จะรอถึงตอนไหนล่ะ หนีก่อน หนีแล้วค่อยว่ากัน เรื่องใหญ่คือรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน ไม่งั้นชีวิตตัวเองยังเอาไม่รอด จะพูดเรื่องสอบถามข่าวไปทำไม”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉาวซิงเห็นพ่อบ้านอาวุโสยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จึงตวาดเสียงดังว่า “ยืนทำอะไรอยู่อีก รีบสั่งให้คนขับเฮลิคอปเตอร์มา! ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ฉันก็วางใจแล้ว!”
พ่อบ้านอาวุโสกำลังจะพูดอะไร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชุดสูทคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาทันที พูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “คุณท่าน คุณ คุณ คุณ คุณหนูกลับมาแล้วครับ!”
เมื่อฉาวซิงได้ยินก็ตกใจมาก “อะไรนะ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดว่า “คุณหนูกับคุณเย่กลับมาแล้วครับ แต่มีผู้หญิงอีกคนตามพวกเขากลับมาด้วย บนเสื้อของผู้หญิงคนนั้น ติดเข็มกลัดของอาคารชุนชิวด้วยครับ!”
จู่ๆ สีหน้าของฉาวซิงหวาดกลัวถึงขั้นสุด “ซวยแล้ว! เก็บค่าเช่าไม่สำเร็จ คนของหลังภูเขาเอ๋อเหมยมาหาถึงที่! แต่เฟยเอ๋อร์ไม่ตายก็ดีแล้ว ไม่ตายก็ดีแล้ว!”
ในเวลาเดียวกัน เฉียนจิ้งคุนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับภรรยา อีกทั้งเฉียนเป่ยเฉินกับหลี่จิงหง แม้กระทั่งถังเสี่ยวไป๋ที่อยู่ตรงมุมก็พากันตึงเครียด เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ!
ฉาวซิงพยายามทำให้จิตใจมั่นคง พูดกับเฉียนจิ้งคุนว่า “สหายเฉียน นายพาคนในครอบครัวนายออกทางประตูหลัง เดี๋ยวฉันรับมือกับคนของหลังภูเขาเอ๋อเหมยเอง! หลี่จิงหง เธอก็รีบไป! อย่าลืมสัญญาระหว่างเรา ถ้าวันนี้เฟยเอ๋อร์รอดไปได้ ตอนไปขออาศัยตระกูลหลี่ของเธอ พวกเธอ……พวกเธอต้องดีกับเธอนะ!”
เมื่อพูดจบ เย่อู๋เทียนกับหยางเฟยเอ๋อร์ เดินขึ้นมาบนห้องรับแขกชั้นสองของคฤหาสน์ตระกูลฉาว
โล่หวางเดินตามหลังทั้งสองคนอย่างว่าง่าย
หลังจากขึ้นมา เย่อู๋เทียนเห็นท่าทางตระหนกของฉาวซิง จึงขมวดคิ้วเบาๆ แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายถึงตื่นตระหนกขนาดนี้”
ฉาวซิงไม่มองเย่อู๋เทียนสักนิด แต่สายตาเขาจ้องไปที่โล่หวาง
พูดให้ถูกคือ จ้องเข็มกลัดที่ติดอยู่บนอกโล่หวาง
เป็นไปตามคาด……
คนของหลังภูเขาเอ๋อเหมย มาสร้างความลำบากใจให้ตระกูลฉาว
ตอนนี้เฉียนจิ้งคุนและภรรยา รวมถึงเฉียนเป่ยเฉิน ทั้งครอบครัวรู้จักโล่หวาง
หลังจากเห็นโล่หวาง ทั้งสามคนถอนหายใจอย่างโล่งอก เฉียนเป่ยเฉินถึงขนาดตะโกนออกมาว่า “ศิษย์พี่รอง”
โล่หวางทำเพียงพยักหน้าเป็นสัญลักษณ์ให้เฉียนเป่ยเฉิน
ท่าทางเย็นชาจนผิดปกติ
ช่วยไม่ได้
ใครใช้ให้ไอ้น้องชายที่ผอมเหมือนไม้เสียบผีคนนี้ เป็นศิษย์รักของเย่อู๋เทียนกันล่ะ
หึ!
ศิษย์รัก!
ตัวเองเรียนบู๊กับเย่อู๋เทียนตั้งแต่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ตัวเองยังไม่ได้ฉายาศิษย์รักเลย!
หันมามองฉาวซิง
ได้ยินสรรพนามที่เฉียนเป่ยเฉินเรียกโล่หวาง ก็งงไปหมดแล้ว
ศิษย์พี่รองเหรอ
ผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดที่มาจากหลังภูเขาเอ๋อเหมย เป็นศิษย์พี่รองของเฉียนเป่ยเฉินเหรอ
งั้นแสดงว่าผู้หญิงคนนี้ เป็นศิษย์ของเย่อู๋เทียน!
ตอนที่เครื่องหมายคำถามเต็มหัวฉาวซิง มีเสียงผู้อาวุโสดังมาจากนอกหน้าต่าง
“เฉินโป๋เหล่าหลังภูเขาเอ๋อเหมย คุกเข่าเพื่อขอพบคุณเย่!”
ต่อจากนั้นก็มีเสียงดังมาจากนอกหน้าต่างอีก
“เหล่าศิษย์หลังภูเขาเอ๋อเหมย คุกเข่าเพื่อขอพบคุณเย่!”