จอมนักรบอหังการ - บทที่ 187 สามบริษัทชั้นนำระดับโลก หักล้างค่าเช่า
จอมนักรบอหังการ บทที่ 187 สามบริษัทชั้นนำระดับโลก หักล้างค่าเช่า!
เมื่อเสียงของทุกคนดังขึ้นด้านนอก ใบหน้าฉาวซิงเต็มไปด้วยความตะลึง
นี่มันอะไรกัน
คนของหลังภูเขาเอ๋อเหมย คุกเข่าเพื่อจะพบคุณเย่งั้นเหรอ
คุณเย่ไหน
เย่อู๋เทียนเหรอ
ตอนนี้ฉาวซิงงุนงงไปหมดแล้ว
เฉียนจิ้งคุนและภรรยา ก็งงไปกับฉาวซิงด้วย
รวมไปถึงหลี่จิงหง ที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าของตระกูลหลี่เมืองหนานกั่ง เดินมาตรงริมหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพด้านนอก
หลี่จิงหงตกใจถึงขีดสุด
เด็กผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิงเป็นร้อยคน ล้วนคุกเข่าอยู่บนพื้น
ถังเสี่ยวไป๋ก็รีบเดินมาที่ริมหน้าต่าง เมื่อเห็นภาพข้างนอก ลูกตาแทบจะหลุดออกมา
คนเป็นร้อยด้านนอก ถังเสี่ยวไป๋รู้จักแค่ 2-3 คนเท่านั้น
ในบรรดานั้นมีชายวัยกลางคน อายุประมาณ 50 กว่าปี เคยสอนวิชากระบี่ให้ถังเสี่ยวไป๋
ถังเสี่ยวไป๋รู้ว่าฐานะของเขาคืออะไร
เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของหลังภูเขาเอ๋อเหมย แซ่ถง ใช้คำว่าน่ากลัวมาบรรยายวิชากระบี่ของเขาได้เลย
วิชาอันล้ำเลิศไร้เทียมทานที่สุดในชีวิตของผู้อาวุโสถง คือ……
กระบี่เหาะนภา!
เมื่อหลายปีก่อนถังเสี่ยวไป๋เคยเห็นครั้งหนึ่ง และมองผู้อาวุโสถงเป็นเป้าหมายที่เขาไล่ตามทั้งชีวิต
แน่นอนว่าการไล่ตามแบบนี้ ไม่ได้ไล่ตามผู้อาวุโสถง แต่ไล่ตามวิชากระบี่ของเขา!
สักวันหนึ่ง ถังเสี่ยวไป๋ก็อยากถึงระดับแดนวิชากระบี่แบบผู้อาวุโสถง!
ย่ำจากพื้นดินขึ้นไปถึงเมฆ
จากบนลงล่าง กระบี่บินแข็งแกร่งมีพลานุภาพ สามารถฆ่าศัตรูที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้!
นั่นมันท่วงท่าระดับไหนกัน
พลานุภาพระดับไหนกัน
แต่ตอนนี้ ผู้อาวุโสถงอยู่ในกลุ่มคนด้านนอก ทำได้เพียงคุกเข่าอยู่แถวที่สี่
นั่นหมายความว่าที่หลังภูเขาเอ๋อเหมย
ผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแบบผู้อาวุโสถง ยังไม่นับว่ายอดเยี่ยม!
คิดออกเลยว่าผู้อาวุโสถง ผู้แข็งแกร่งที่ถังเสี่ยวไป๋ไล่ตามมาทั้งชีวิต ตอนนี้คุกเข่าอยู่ด้านนอก อ้อนวอนขอพบเย่อู๋เทียน งั้นพละกำลังของเย่อู๋เทียน……
ต้องน่ากลัวถึงระดับไหนกัน
ตอนนี้ถังเสี่ยวไป๋เกือบลืมหายใจไปแล้ว
คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ……
ก่อนหน้านี้ที่เย่อู๋เทียนไปอาคารชุนชิว เขาทำเรื่องอะไรที่นั่นกันแน่ ถึงทำให้ผู้แข็งแกร่งของหลังภูเขาเอ๋อเหมย จำนวนมากขนาดนี้ คุกเข่าเพื่อขอเจอเขาได้
ตอนนี้ฉาวซิงก็มาตรงริมหน้าต่างเหมือนกัน
เมื่อเห็นภาพข้างนอก
เขาตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นจนจะร้องไห้!
เพราะในบรรดาคนข้างนอก เขารู้จักแค่ 1-2 คน
แต่สองคนที่เขารู้จัก ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่หลังสุดในบรรดาคนของหลังภูเขาเอ๋อเหมย
นี่……
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่
เย่อู๋เทียนทำอะไร
ทำให้ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของหลังภูเขาเอ๋อเหมย ถึงขั้นมี……
มารยาท!
คนของหลังภูเขาเอ๋อเหมย จะมาสร้างความลำบากใจให้ตระกูลฉาวไม่ใช่เหรอ
ดูเหมือนตอนนี้……
มาขอร้องอ้อนวอนเหรอ
พ่อบ้านอาวุโสของตระกูลฉาว มาถึงข้างตัวฉาวซิง เมื่อเห็นภาพข้างนอกก็ตกใจจนตัวสั่น
ขณะนั้น ฉาวซิงมองพ่อบ้านอาวุโสอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วถามว่า “ที่อาคารชุนชิวโทรมาเมื่อกี้ พูดเรื่องอะไรกันแน่”
พ่อบ้านอาวุโสพูดว่า “อีกฝ่ายพูดเพียงว่าจะมาตระกูลฉาวของเรา ใครจะไปคิดว่าพอมาถึงก็คุกเข่าเลย”
ฉาวซิงตั้งสติได้ จึงหันไปมองเย่อู๋เทียน
คิดไม่ถึงว่าเย่อู๋เทียนจะนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้าย
เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ที่ไม่เข้าท่าไปกว่านั้น หยางเฟยเอ๋อร์ลูกสาวของตัวเอง ก็มีท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน ยืนอยู่ข้างหลังเย่อู๋เทียน เหมือนเมียน้อยนวดไหล่ให้เย่อู๋เทียน
ส่วนผู้หญิงที่ตัวเองเข้าใจผิด ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของหลังภูเขาเอ๋อเหมยก่อนหน้านี้ หรือผู้หญิงที่เฉียนเป่ยเฉินเรียกว่าศิษย์พี่รอง ตอนนี้กำลังชงชาและเทน้ำให้เย่อู๋เทียน!
ฉาวซิงอ้าปากค้าง อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ
มองเฉียนเป่ยเฉินในขณะนี้ แน่นอนว่าเขาก็มาตรงริมหน้าต่างเหมือนกัน เมื่อเห็นภาพด้านนอก ไม่ได้ตกใจเหมือนพวกฉาวซิง แต่มีท่าทางคุ้นชิน แค่มองไปด้านนอกแวบเดียว แล้วกลับมายืนข้างเย่อู๋เทียน
เฉียนเป่ยเฉินพูดว่า “อาจารย์ คนด้านนอกคุกเข่าขอให้คุณออกไป”
เย่อู๋เทียนพูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่อยากไว้หน้าคนหน้าด้านพวกนี้ นายลงไปบอกพวกเขาเถอะ บอกว่าฉันไม่ว่าง อ้อ บอกพวกเขาด้วยว่าค่าเช่าที่ติดฉันอยู่ ยังไงก็ต้องคืน”
เฉียนเป่ยเฉินพยักหน้า พูดอย่างนอบน้อมว่า “ครับอาจารย์”
เมื่อพูดจบ เฉียนเป่ยเฉินลงไปด้านล่าง
เมื่อมาถึงหน้าพวกเฉินโป๋เหล่า เขาพูดส่งๆ ออกมา
“มาจ่ายค่าเช่าเหรอ งั้นก็รีบเลย ส่วนเรื่องพบอาจารย์ฉัน ไม่จำเป็นหรอก อาจารย์ฉันบอกว่าไม่อยากไว้หน้าคนหน้าด้านแบบพวกนาย!”
“.…..”
“.…..”
“.…..”
เมื่อเฉียนเป่ยเฉินพูดออกมา ทุกคนในที่นี้ถึงกับหน้ากระตุก
เมื่อพวกฉาวซิงที่อยู่ด้านบนได้ยินคำพูดนี้
พากันตกใจเกือบตาย
โดยเฉพาะถังเสี่ยวไป๋
ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ของเฉียนเป่ยเฉินแล้ว
เห็นอาจารย์ตัวเองทำขนาดนี้ เขาตกตะลึงมากๆ
แม้ก่อนหน้านี้ถังเสี่ยวไป๋โดนเฉียนเป่ยเฉินซัดไปยกหนึ่ง
แต่ถังเสี่ยวไป๋พอรู้พละกำลังโดยรวมของเฉียนเป่ยเฉิน
เทียบกับคนด้านนอกพวกนั้น ไม่ว่าใครสักคนในบรรดาคนที่อยู่ข้างนอก เฉียนเป่ยเฉินก็ไม่มีทางสู้ได้
ตอนนี้เฉียนเป่ยเฉินอาศัยอำนาจของเย่อู๋เทียน พูดแบบนี้ต่อหน้าคนพวกนี้งั้นเหรอ
เขาหงุดหงิดกับการมีชีวิตอยู่ เบื่อการมีชีวิตแล้วเหรอ
ขณะที่ถังเสี่ยวไป๋กำลังคิดเช่นนี้อยู่ เฉินโป๋เหล่าที่เป็นผู้นำ กลับทำความเคารพเฉียนเป่ยเฉินอย่างนอบน้อม แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเรา……รบกวนคุณเย่แล้ว! ส่วนค่าเช่าอาคารชุนชิว……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉินโป๋เหล่าลังเลครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “คุณเย่ต้องการเงิน หรือต้องการอะไรครับ แค่เป็นของที่เขาเอ๋อเหมยมี คุณเย่เอาไปได้ตามสบายเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉียนเป่ยเฉินก็ไม่มีสมาธิ หันไปบนตึกแล้วตะโกนว่า “อาจารย์ พวกเขาถามว่าคุณต้องการอะไร ต้องการเงินหรือสิ่งของ!”
เย่อู๋เทียนไม่สนใจเฉียนเป่ยเฉิน
เฉียนเป่ยเฉินเกาหัว มองเฉินโป๋เหล่าอีกครั้ง จากนั้นพูดว่า “เอาของแล้วกัน เงินก็แค่กระดาษ เราไม่ได้ขาดแคลนเงิน”
เฉินโป๋เหล่าลำบากใจครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น
หลังภูเขาเอ๋อเหมยอันยิ่งใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีของอะไรที่เอาออกมาให้คนอื่นได้!
จริงๆ หลังภูเขาเอ๋อเหมยมีสมบัติล้ำค่าหายากมากมาย แต่……
น้ำที่อยู่ไกล มิอาจช่วยดับกระหายได้ในตอนนี้!
ขณะนั้นผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหลังเฉินโป๋เหล่า ซึ่งก็คือผู้อาวุโสถงนั่นเอง จู่ๆ เขาพูดเสนอความเห็นให้เฉินโป๋เหล่า “อาจารย์ เขาเอ๋อเหมยอยู่ในสังคม ก็มีอุตสาหกรรมอยู่บ้าง เราเอาอุตสาหกรรมพวกนั้นมาหักล้างค่าเช่าของอาคารชุนชิวดีไหมครับ”
เฉินโป๋เหล่าถามว่า “อุตสาหกรรมอะไร”
ผู้อาวุโสถงครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ผมก็ไม่แน่ใจมากนัก เขาเอ๋อเหมยของเราอยู่ในสังคม มีอุตสาหกรรมเยอะมากนะครับ อ้อ มีธุรกิจหนึ่งชื่อเหอจ้ง กรุ๊ป เหมือนจะมีชื่อเสียงในสังคม เอาธุรกิจนี้ให้คุณเย่ดีไหมครับ”
แน่นอนว่าเฉินโป๋เหล่าที่เป็นผู้สูงส่งซึ่งละทิ้งทางโลก ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจข้างนอก
ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่รู้ ผู้อาวุโสถงก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ฉาวซิงกับพวกเฉียนจิ้งคุน ที่อยู่ชั้นสองของคฤหาสน์ตระกูลฉาว เมื่อได้ยินคำว่าเหอจ้ง กรุ๊ปในประโยค พวกเขามีท่าทีตกตะลึงทันที
เหอจ้ง กรุ๊ป หนึ่งในสิบบริษัทชั้นนำของโลก เป็นอุตสาหกรรมของภูเขาเอ๋อเหมยเหรอ
ตอนนี้……
ภูเขาเอ๋อเหมยจะเอากลุ่มธุรกิจด้านการเงินระดับสูงแบบนี้ ให้เย่อู๋เทียนอย่างนั้นเหรอ
ต้องรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นบริษัทอุตสาหกรรมเหมืองแร่หลงต๋าของตระกูลเฉียน หรือฉาวซื่อ กรุ๊ปของตระกูลฉาว ถึงเอาสองธุรกิจรวมกัน ก็ยังมีกำลังทรัพย์ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเหอจ้ง กรุ๊ป!
ขณะนั้นเฉินโป๋เหล่ามองเฉียนเป่ยเฉิน แล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เอาเหอจ้ง กรุ๊ปมาชำระหนี้ พอได้ไหมครับ ถ้าไม่พอ……” จากนั้นหันมามองผู้อาวุโสถง แล้วถามว่า “ยังมีธุรกิจอื่น ที่พอเข้าท่าอีกไหม”
ผู้อาวุโสถงครุ่นคิด ยิ้มแหยแล้วพูดว่า “เอ่อ……ศิษย์ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
จู่ๆ เจี่ยนโล่จู๋ที่อยู่ข้างๆ เสนอความเห็นว่า “ธนาคารเอ๋อเหมยแล้วก็โรงจำนำเอ๋อเหมย ล้วนเป็นอุตสาหกรรมของหลังภูเขาเอ๋อเหมย บวกสองธุรกิจนี้เข้าไป น่าจะเพียงพอแล้ว”
เฉินโป๋เหล่าพยักหน้า มองเฉียนเป่ยเฉินอีกครั้ง แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าแบบนี้เหมาะสมหรือยังครับ”
เฉียนเป่ยเฉินยังไม่มีประสบการณ์มากนัก จึงไม่รู้ว่าธุรกิจทั้งสามธุรกิจ ที่พวกเฉินโป๋เหล่าพูดหมายถึงอะไร เลยจำใจพูดว่า “ก็ได้ แค่ค่าเช่านิดหน่อยเอง อาจารย์ฉันเป็นคนใจกว้างขนาดนั้น คิดว่าคงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกนาย เพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา เฉียนจิ้งคุนกับฉาวซิงที่อยู่บนชั้นสอง เกือบเป็นลมตาย
ส่วนหลี่จิงหง ตระกูลหลี่แห่งเมืองหนานกั่ง……
สมองขาวโพลนไปหมดแล้ว
เหอจ้ง กรุ๊ป ธนาคารเอ๋อเหมย โรงจำนำเอ๋อเหมย……
มีธุรกิจไหนบ้างที่ไม่ใช่ธุรกิจที่ทั้งโลกต้องตกใจ
หลี่ซื่อ กรุ๊ปของตระกูลเธอ เทียบกับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งในสามธุรกิจนี้ เรียกได้ว่าเป็นรุ่นน้องของรุ่นน้องอีกที!
ตอนนี้ทั้งสามธุรกิจ เป็นของเย่อู๋เทียนหมดเลยเหรอ
ขณะนั้นเสียงมือถือของเย่อู๋เทียนดังขึ้น เสิ่นรั่วชิงเป็นคนโทรมา
บอกว่าจะให้เย่อู๋เทียนไปชอปปิงเป็นเพื่อนเธอ
เย่อู๋เทียนตอบตกลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นพูดกับหยางเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ว่า “เธอช่วยฉันเก็บค่าเช่า ตอนนี้ฉันจะไปชอปปิงเป็นเพื่อนภรรยาฉัน”
พูดจบ เย่อู๋เทียนลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ทุกคนที่ยังอยู่ วุ่นวายกันไปหมด