จอมนักรบอหังการ - บทที่ 189 มีตาหามีแววไม่ ตัวตลกก็คือตัวเขานั่นแหละ
จอมนักรบอหังการ บทที่ 189 มีตาหามีแววไม่ ตัวตลกก็คือตัวเขานั่นแหละ!
เสิ่นรั่วชิง อ้ายเสี่ยวเตี๋ย และหยูฉิง สามสาวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงหันไปมองทันที
เห็นเย่อู๋เทียนในชุดสูทและรองเท้าหนัง เสิ่นรั่วชิงรีบโบกมือไปมา ยิ้มงดงามเหมือนดอกไม้ แล้วพูดว่า “คุณสามี!”
ทันใดนั้น หยูฉิงอดสงสัยในตัวเย่อู๋เทียนไม่ได้
ไอ้หมอนี่หล่อมาก
สไตล์ก็ดูโดดเด่นมาก
คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้เสิ่นรั่วชิงเป็นของเขาได้ ไอ้หมอนี่ไม่ธรรมดาเลย!
ถึงแม้จะพอใจในภาพลักษณ์ภายนอกของเย่อู๋เทียนมาก แต่หยูฉิงก็ยังรู้สึกว่าเย่อู๋เทียนไม่คู่ควรกับเสิ่นรั่วชิง
โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นรถสปอร์ตคันที่เย่อู๋เทียนขับ อคติที่เธอมีต่อเย่อู๋เทียนยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
ถึงแม้รถสปอร์ตคันที่เย่อู๋เทียนขับ เป็นรถพอร์ช 911 แต่เป็นรุ่นราคาถูกที่สุด……
เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพต่ำสุดในบรรดา 911 และเป็นรถเกียร์ธรรมดา
ขับรถสปอร์ตรุ่นราคาถูกแบบนี้ หลอกผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรถได้อยู่!
แต่จะหลอกหญิงแกร่งทางด้านธุรกิจอย่างหยูฉิง ไม่มีทางทำได้แน่นอน
หลายปีมานี้หยูฉิงทำบริษัทได้เงินมากมาย แค่รถพอร์ชรุ่นดีที่สุด ก็มีอยู่ที่บ้านสามคันแล้ว
ตอนนี้เย่อู๋เทียนขับรถพอร์ช 911 รุ่นราคาถูกที่สุดออกมา……
แน่นอนว่าหยูฉิงต้องคิดว่าเป็นผู้ชายที่อยากได้หน้า
ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง!
แต่หยูฉิงเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างควบคุมอารมณ์ได้
แม้ในใจดูถูกเย่อู๋เทียนอย่างไร แต่ไม่ได้แสดงออกมาภายนอก
ขณะนี้เย่อู๋เทียนมาถึงทางผู้หญิงทั้งสามคนแล้ว มองเสิ่นรั่วชิงอย่างรักใคร่ หลังจากนั้นจึงหันมามองหน้าหยูฉิง ยิ้มแล้วถามว่า “คนนี้คือ……”
เสิ่นรั่วชิงเอ่ยแนะนำ “เพื่อนมหาวิทยาลัยของฉันเอง ชื่อหยูฉิง” หลังจากนั้นจึงแนะนำเย่อู๋เทียนให้หยูฉิง “หยูฉิง นี่สามีฉัน เย่อู๋เทียน”
หยูฉิงยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าให้เย่อู๋เทียน
“สวัสดีค่ะคุณเย่ ตอนที่คุณยังไม่มา รั่วชิงเอาแต่ชมคุณ พอมาดูตอนนี้ เป็นบุคคลที่มีความสามารถจริงๆ ค่ะ”
เย่อู๋เทียนยิ้มบางๆ ให้หยูฉิง จากนั้นมองเสิ่นรั่วชิง ยิ้มแล้วถามว่า
“คุณชมอะไรผมเหรอ”
เสิ่นรั่วชิงหัวเราะคิกคักแล้วเอ่ยขึ้น
“ก็แค่พูดความจริงเท่านั้น แต่พอหยูฉิงได้ยิน ก็กลายเป็นฉันกำลังชมนาย”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยที่อยู่ข้างๆ เอือมระอา
“คนบ้าเห่อสามี!”
เย่อู๋เทียนมองสองพี่น้อง แล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
หยูฉิงชี้ที่นั่ง แล้วพูดเบาๆ ว่า “นั่งสิคุณเย่”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า “โอเค”
หลังจากนั่งลง เสิ่นรั่วชิงถามว่า “อยากดื่มอะไร เดี๋ยวฉันสั่งให้”
เย่อู๋เทียนพูดว่า “อะไรก็ได้”
เสิ่นรั่วชิงเรียกพนักงานมา สั่งกาแฟจาไมก้าบลูเม้าเท่นหนึ่งแก้ว
เย่อู๋เทียนดื่มไปหนึ่งอึก เขาประหลาดใจเล็กน้อย “กาแฟนี่ไม่เลวเลย”
เสิ่นรั่วชิงกำลังจะพูดอะไร หยูฉิงยิ้มแล้วถามว่า “คุณเย่รู้ด้านกาแฟเหรอ”
เย่อู๋เทียนพูดถ่อมตัวว่า “นิดหน่อยครับ”
อันที่จริงเย่อู๋เทียนไม่ใช่แค่รู้เกี่ยวกับกาแฟ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญต่างหาก
เย่อู๋เทียนเคยศึกษาสิ่งเหล่านี้โดยตรง ตอนอยู่ที่กรมทหาร
ตอนมากรมทหารในตอนนั้น ไปปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตรายที่ต่างประเทศบ่อยๆ
อีกทั้งตอนนั้นเย่อู๋เทียนเป็นผู้มาใหม่ในกรมทหาร อยากปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตรายให้สำเร็จสมบูรณ์ คงหนีไม่พ้นการปลอมตัวหลากหลายตัวตน
จุดนี้คล้ายกับทักษะมืออาชีพของสุดยอดนักฆ่า
นั่นก็คือสามารถซ่อนตัว ภายใต้สถานการณ์ที่ซับซ้อนวุ่นวาย
อยู่กับปัญญาชน ก็ต้องเป็นนักกวี อยู่กับจิตรกร ก็ต้องเป็นศิลปิน อยู่กับนักเลง ก็ต้องเป็นอันธพาลที่ทำให้คนโมโหสุดขีด
อยู่กับผู้หญิงสูงส่ง ก็ต้องเป็นผู้ดี อยู่กับวีรบุรุษ……
ไม่มีอย่างอื่น ก็ต้องเป็นแบบอย่าง!
การที่เย่อู๋เทียนเป็นเย่อู๋เทียนในทุกวันนี้ได้ ไหนเลยจะง่ายขนาดนั้น
หยูฉิงยิ้มมองเย่อู๋เทียน แล้วพูดว่า “กาแฟจาไมก้าบลูเม้าเท่น ดูธรรมดา แต่ความจริงไม่ธรรมดา ร้านกาแฟข้างๆ เป็นร้านที่ฉันเปิดเอง ขอพูดแบบไม่เกรงใจเลย ทั้งเจียงหนาน มีเพียงสามที่ ที่จะได้ดื่มกาแฟจาไมก้าบลูเม้าเท่นต้นตำรับ นับร้านกาแฟของฉันไปหนึ่งร้าน”
เย่อู๋เทียนยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหยูไม่ธรรมดานะครับ”
หยูฉิงพูดว่า “พยายามในเจียงหนานมาเกือบสิบปี ถือว่าประสบความสำเร็จเล็กๆ แล้วค่ะ ใช่สิ คุณเย่ทำงานที่ไหนเหรอ ทำให้รั่วชิงของเราหลงได้ขนาดนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่เลย”
เย่อู๋เทียนอึ้งเล็กน้อย
คำถามนี้ค่อนข้างตอบยาก
เพราะตัวตนของเขามีเยอะมาก พูดออกมาสักตัวตน คงเป็นเรื่องช็อกโลกสำหรับหยูฉิง
เย่อู๋เทียนหัวเราะ แล้วพูดว่า “อาชีพอิสระครับ”
หยูฉิงหรี่ตาลงเบาๆ อดเอือมระอาเย่อู๋เทียนไม่ได้
อาชีพอิสระงั้นเหรอ……
งั้นหมายความว่า ไม่มีงานเป็นหลักแหล่งงั้นเหรอ
อยู่ๆ หยูฉิงไม่มีความสนใจเย่อู๋เทียนอีกแล้ว
ในเวลาเดียวกัน หยูฉิงรู้สึกเสียดายแทนเสิ่นรั่วชิง
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่สวยและดีเลิศขนาดนี้ จะยอมเป็นของผู้ชายที่ดูดีแต่ภายในอย่างเย่อู๋เทียน
ช่างทำให้คนหดหู่จริงๆ
ทันใดนั้น หยูฉิงดูเวลาแล้วพูดกับเสิ่นรั่วชิงว่า “เวลาพอประมาณแล้ว เราไปกันเถอะ”
เสิ่นรั่วชิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “ได้เลย ไม่ได้เจอเพื่อนเก่าตั้งหลายปี ไม่รู้ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง”
เย่อู๋เทียนมองเสิ่นรั่วชิงแล้วถามว่า “เพื่อนเก่าเหรอ”
เสิ่นรั่วชิงอธิบายว่า “เราคุยกันไว้แล้ว คือนนี้เราจะจัดงานสังสรรค์ของเพื่อนร่วมชั้น นายไปเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะได้แนะนำนายให้พวกเขาด้วย เพราะใกล้ถึงงานแต่งของเราแล้ว ถึงตอนนั้นยังไงก็ต้องเชิญพวกเพื่อนฉันมาร่วมงาน”
เย่อู๋เทียนถามว่า “ผมไปจะสะดวกไหม”
เสิ่นรั่วชิงยิ้มแล้วพูดว่า “มีอะไรไม่สะดวกล่ะ อีกทั้งเพื่อนฉันบอกว่าอยากเจอนายตั้งหลายคน”
เย่อู๋เทียนกำลังจะพูดอะไร หยูฉิงยิ้มแบบมีเลศนัย จู่ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมา
“โดยเฉพาะหลิงฟ่าง งานสังสรรค์ของเพื่อนร่วมชั้นครั้งนี้ เขาเป็นคนนำจัดงานเลยนะ”
หลิงฟ่างงั้นเหรอ
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เย่อู๋เทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็อึ้งเล็กน้อย พูดอย่างไม่เข้าใจว่า “หลิงฟ่างคือใคร”
หยูฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “เธอไปต่างประเทศค่อนข้างเร็ว ต้องไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่……ฉันทิ้งปริศนาไว้ให้เธอก่อน เมื่อถึงตอนนั้น เธอเห็นก็จะรู้เอง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยูฉิงมองเสิ่นรั่วชิงอีกครั้ง ยิ้มสดใสแล้วพูดว่า “เธอด้วยรั่วชิง หลังจากเธอเห็นหลิงฟ่างในตอนนี้ เธอต้องตกใจมากแน่นอน!”
เมื่อเสิ่นรั่วชิงได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าและแววตาเธอผิดปกติเล็กน้อย
เย่อู๋เทียนสังเกตเห็น จึงถามเสิ่นรั่วชิงว่า “ไม่ใช่คนที่ตามจีบคุณตอนมหาวิทยาลัยใช่ไหม”
เสิ่นรั่วชิงพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “คนที่แอบรัก”
เย่อู๋เทียนกำลังจะพูดอะไร อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกลอกตามองบน โบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ เย่อู๋เทียน ไปจัดการหลิงฟ่างอะไรนั่นเลย กล้าคิดถึงแต่เสิ่นรั่วชิง ฉันว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะ!”
เสิ่นรั่วชิงตีแขนอ้ายเสี่ยวเตี๋ยเบาๆ หนึ่งที แล้วพูดสอนว่า “เธอจริงจังหน่อยได้ไหม”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยหยิกหน้าอกเสิ่นรั่วชิง พูดอย่างโมโหว่า “ไม่ได้! เธอเป็นของเย่อู๋เทียน นอกจากเย่อู๋เทียน ใครก็ห้ามรักเธอ แอบรักก็ไม่ได้”
“.…..”
“.…..”
“.…..”
ทันใดนั้นเสิ่นรั่วชิงกับอ้ายเสี่ยวเตี๋ยโวยวายใส่กัน ขึ้นรถพอร์ช 911 คันที่เย่อู๋เทียนขับมา
แน่นอนว่าหยูฉิงก็ขึ้นไปด้วย
หลังจากขึ้นรถ เห็นการตกแต่งภายในของรถพอร์ช 911 คันนี้ ก็ดูหมิ่นเย่อู๋เทียนอีกครู่หนึ่ง
รถคันนี้……
ดูจากภายนอกเป็นรถหรู
แต่ดูจากภายใน……
ถ้าไม่รู้คงคิดว่าเป็นรถยนต์ Zotye
แต่หยูฉิงก็ยังไม่แสดงอารมณ์ไม่ดีอะไรออกมาเหมือนเดิม แค่แอบคิดอยู่ในใจเท่านั้น
ดูท่าแล้ว เย่อู๋เทียนคนนี้……
วันนี้ต้องโดนคุณชายตระกูลหลิง สร้างความลำบากใจให้สักรอบแน่นอน
ในเวลาเดียวกันที่สมาคมตระกูลหลิงที่เจียงหนาน
สิ่งก่อสร้างทั้งด้านนอกและด้านใน หรูหราเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ในชานเมืองทางตะวันออกของเจียงหนาน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 41 ไร่
คนที่เข้าออกสถานที่แห่งนี้ ถ้าไม่รวยก็เป็นคนที่สูงส่ง
ดูจากชื่อสมาคมแห่งนี้ ก็รู้ว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของตระกูลหลิงแห่งเจียงหนาน
ซูเปอร์คาร์แบรนด์บูกัตติ ป้ายทะเบียนเจียงหนาน 1111 สะบัดท้ายรถอย่างงดงาม จอดข้างหน้าสมาคมอย่างเพอร์เฟกต์ ดึงดูดสายตาของลูกหลานคนรวยได้ไม่น้อย
คนที่ลงมาจากรถ คือวัยรุ่นสวมชุดลำลอง
เส้นผมขาวละเอียดดุจหิมะ ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาประดุจหยกเนื้อดี
คนคนนี้
คือหลิงฟ่าง คุณชายใหญ่ตระกูลหลิง!
เมื่อเขาเดินช้าๆ มาข้างในสมาคม ลูกหลานคนรวยจำนวนไม่น้อย เริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเขา
“โอ้โห……ไอ้หมอนี่เป็นใคร ผมขาวทั้งหัว ดูท่าทางขี้แอ็คมาก!”
“จำถังเสี่ยวไป๋ที่ปรากฏตัวที่ตระกูลฉาวเมื่อสองวันก่อนได้ไหม”
“จำได้สิ หลังจากอีกฝ่ายเข้าไปในตระกูลฉาว แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนละกระบี่ เรียกได้ว่าดุดันโหดเหี้ยม ได้ยินว่าหลังจากฉาวซิงเจอเขา ไม่กล้าปริปากพูดสักคำ!”
“ฉันว่าคนผมขาวคนนี้คือถังเสี่ยวไป๋!”
“เขามาทำอะไรที่นี่”
“คงมาเพราะลูกคนรวยตระกูลหลิงมั้ง ได้ยินว่าถังเสี่ยวไป๋เป็นคนคลั่งบู๊ ส่วนพวกลูกหลานตระกูลหลิงแต่ละคนก็โหดเหี้ยม ถังเสี่ยวไป๋มาที่นี่ ต้องมาทะเลาะวิวาทแน่นอน!”
“แค่ไม่รู้ว่าถังเสี่ยวไป๋จะสู้กับคุณชายตระกูลหลิงคนไหน!”
“หลิงเหลยเหรอ”
“เป็นไปไม่ได้ หลิงเหลยไม่อยู่ในสายตาถังเสี่ยวไป๋สักนิด”
“หลิงขุยเหรอ”
“ยิ่งเป็นไปไม่ได้ นั่นมันโตแต่ตัว สมองไม่โต!”
“อย่าบอกนะว่า……หลิงฟ่าง”
“โอกาสเป็นไปได้สูง ฉันได้ยินว่าคุณท่านตระกูลหลิง เลี้ยงหลิงฟ่างแบบปล่อยตั้งแต่ยังเด็กมาก เติบโตในชุมชนแออัด เรียนในโรงเรียนสำหรับบุตรแรงงานย้ายถิ่น กว่าจะจบมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย ยังไม่เป็นที่ยอมรับของคุณท่านตระกูลหลิงด้วย เร่ร่อนอยู่ข้างนอกคนเดียวหลายปี เพิ่งกลับมาในช่วงนี้ ใครจะไปรู้ว่าสองสามปีนี้ไอ้หมอนี่ผ่านอะไรมาบ้าง!”
“คุณท่านตระกูลหลิงบ้าหรือเปล่า เป็นถึงจ้าวแห่งเจียงหนานของเรา ขนาดฉาวซิงยังต้องเคารพเขา ทำไมถึงโหดร้ายกับหลานชายแท้ๆ ของตัวเองขนาดนี้”
“คนใหญ่คนโตหลายคนสอนทายาทแบบนี้ เพียงประโยคเดียวคือ อยากให้ทายาทของพวกเขาสัมผัสกับความลำบากของโลกตั้งแต่ยังเด็ก ให้พวกเขาได้รู้ว่ากว่าจะงดงามรุ่งเรืองต่อหน้าคนอื่น ลับหลังต้องลำบากแสนเข็ญแค่ไหน!”
“นี่มันยุคไหนแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังสอนทายาทแบบนี้ ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ และทำแล้วก็ไม่เกิดประโยชน์ด้วย!”
“ยิ่งอยู่ในแวดวงไฮโซ ก็ยิ่งอันตราย ถ้าพวกเขาไม่ทำแบบนี้ ถ้าในตระกูลมีทายาทที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ มีเรื่องกับบุคคลระดับสุดยอด ตระกูลก็จะซวยไปด้วย ในสังคมนี้เรื่องแบบนี้มีน้อยหรือไง”
“ก็ใช่……”
หลิงฟ่างเดินเข้ามาในห้องโถงสมาคมแล้ว
แน่นอนว่าเขาได้ยินเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเขาทางด้านหลัง
แต่หลิงฟ่างไม่สนใจ
เขาเหมือนกับถังเสี่ยวไป๋ ที่มีผมสั้นสีขาว
และแน่นอนว่าหลิงฟ่างเคยได้ยินเกี่ยวกับคนชื่อถังเสี่ยวไป๋
แต่……
หลิงฟ่างไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
ในความคิดของหลิงฟ่าง
แม้กระบี่ของถังเสี่ยวไป๋รวดเร็วมาก แต่ยังไม่ควรค่าให้พูดถึงอยู่ดี
วันนี้เขาตั้งใจย้อมผมขาวทั้งหัว จงใจทำให้คนเข้าใจว่าเขาคือถังเสี่ยวไป๋
ส่วนเป้าหมายสูงสุดคือ ล่อคนที่เอาชนะถังเสี่ยวไป๋ในตระกูลฉาวออกมา
ว่ากันว่าเป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลเฉียนเมืองเจียงไห่
ชื่อเฉียนเป่ยเฉิน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขายังได้ข่าวมาว่ามีคนเห็นเฉียนเป่ยเฉิน ปรากฏตัวที่ตระกูลฉาวพร้อมกับเสิ่นรั่วชิง
ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว
แน่นอนว่าหลิงฟ่างเข้าใจผิด แฟนคนนั้นของเสิ่นรั่วชิง มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเฉียนเป่ยเฉิน!
ถ้าวันนี้เสิ่นรั่วชิงปรากฏตัวที่สมาคมตระกูลหลิงพร้อมกับเฉียนเป่ยเฉิน
ถ้าอย่างนั้น……
หลิงฟ่างจะซัดเฉียนเป่ยเฉินให้ตายต่อหน้าทุกคน หลังจากนั้นเอาเสิ่นรั่วชิงมาเป็นของตัวเอง
เพราะแอบรักมาหลายปีขนาดนี้ วันนี้ต้องมีบทสรุปแล้ว
เมื่อก่อนตอนอยู่มหาวิทยาลัย……
เสิ่นรั่วชิงไม่เคยมองตัวเองด้วยสายตาจริงจังเลย
วันนี้ตัวเองจะทำให้เสิ่นรั่วชิงได้รู้!
ว่าอะไรที่เรียกว่า……
มีตาหามีแววไม่!
แต่ทว่า ถ้าหลิงฟ่างรู้ว่าเฉียนเป่ยเฉิน ต้องเรียกเสิ่นรั่วชิงว่าอาจารย์แม่ จะมีความรู้สึกยังไง
ตอนนี้เย่อู๋เทียน เสิ่นรั่วชิง กำลังอยู่ระหว่างทางมาที่นี่!