จอมนักรบอหังการ - บทที่ 289 หัวของคนสิบกว่าคน ปลิวว่อน1
จอมนักรบอหังการ บทที่ 289 หัวของคนสิบกว่าคน ปลิวว่อน!1
“กระบี่สยบชั่ว!”
เย่อู๋เทียนมองไปที่กระบี่ในมือของหานตี้ซือ และพึมพำ
ในสายตา เผยความสงสัยออกมา
เย่อู๋เทียนอยู่ในโลกยุทธจักรมาหลายปีนี้ ยังไม่เคยได้ยินว่าโลกยุทธจักรจะมีกระบี่ล้ำค่าเช่นนี้มาก่อน
ดูเหมือน หานตี้ซือจะเห็นความสงสัยของเย่อู๋เทียนและพูดช้าๆ
“กระบี่สยบชั่ว ไม่เป็นที่รู้จักมากว่าร้อยสามสิบปีแล้ว คุณไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับกระบี่นี้ มันเป็นเรื่องปกติ”
เย่อู๋เทียนอดถามไม่ได้
“กระบี่เล่มนี้ ผ่านการหลอมมากี่ครั้งแล้ว?”
หานตี้ซือพูดด้วยรอยยิ้ม
“หลังจากส่งมันมาถึงมือผม ปีละครั้ง หนึ่งร้อยสามสิบครั้ง!”
เย่อู๋เทียนสูดหายใจลึก
คิดไม่ถึงว่า กระบี่จะถูกหลอมถึงร้อยสามสิบครั้ง!
เกรงว่า…
เกือบจะสมบูรณ์แล้ว!
หานตี้ซือหัวเราะอีกครั้ง
“ผมแค่จะบอกว่า หลังจากที่มันถูกส่งลงมาให้ผม มันผ่านการหลอมมาแล้ว 130 ครั้ง ก่อนหน้านั้น กระบี่เล่มนี้ได้รับการสืบทอดมาสิบเก้าชั่วอายุคน ผ่านเจ้าของมาสิบเก้าคน เจ้าของทุกคน จะหลอมมันปีละครั้งในทุกๆปี!”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะคมกระบี่
แต่คิดไม่ถึงว่า พอนิ้วแตะคมกระบี่ ก็มีความเย็นส่งมา
เกือบจะเหมือนกับทฤษฎีการวางเงื่อนไข เย่อู๋เทียนเติมชี่แท้ให้กับมือของเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ากระบี่คมมาก
ต้องรู้ว่า ด้วยแดนปัจจุบันของเย่อู๋เทียน ร่างกายของเขามาถึงจุดที่ไม่กลัวฟ้าร้องและไฟแล้ว
แม้แต่ผิวภายนอก ก็แข็งแกร่งดั่งทองและหิน
แม้ว่าใครจะฟันเขาด้วยกระบี่อันดับ 1 ของโลก ตราบใดที่เขาเต็มใจ ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
แต่ตอนนี้……
เย่อู๋เทียนรู้สึกได้ว่า!
กระบี่สยบชั่วในมือของหานตี้ซือ สามารถหั่นผิวหนังของเขาได้อย่างง่ายดาย!
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ากระบี่เล่มนี้ตกอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่งที่ความแข็งแกร่งเท่าเทียมกับเย่อู๋เทียน อีกฝ่ายก็สามารถใช้กระบี่สยบชั่วนี้…
ตัดกระดูกของเย่อู๋เทียน!
เย่อู๋เทียนหรี่ตาของเขา ไม่เคยคิดเลยว่า ตระกูลหาน จะมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้!
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเก่งกว่าวิชาชี่จักรพรรดิขนาดไหน!
“ท่านผู้เฒ่า หลังจากท่านตายแล้ว กระบี่สยบชั่วนี้ถึงจะส่งต่อให้ผมหรือ?”
เย่อู๋เทียนอดไม่ได้ที่จะถามหานตี้ซือ
“ทำไม ตอนนี้คุณก็รอให้ผมตายเหรอ?”
หานตี้ซือถามด้วยใบหน้าไม่พอใจ
“ฉันพูดจากก้นบึ้งของใจเลยนะ ช่วยไม่ได้ กระบี่เล่มนี้วิเศษมาก”
เย่อู๋เทียนตอบอย่างตรงไปตรงมา
หานตี้ซือหายใจเข้าลึกๆ วางกระบี่สยบชั่วกลับไว้ที่เอวของเขา และด่าด้วยความโกรธ
“ฝันไปเถอะ! กระบี่นี้สำคัญกว่าชีวิตของผมอีก ผมให้ชีวิตคุณได้ แต่ตอนนี้ ผมให้กระบี่คุณไม่ได้”
เย่อู๋เทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดเสริม
“จากนี้ไป ท่านก็อยู่กับผมเถอะ อย่าไปไหน เพราะว่า สำหรับผมแล้ว ระดับวิชายุทธของท่าน ก็งั้นๆ ถ้าท่านเจอปรมาจารย์ที่สามารถฆ่าท่านได้ทันทีอย่างผม จะเสียกระบี่ไปแน่นอน”
หานตี้ซือกัดฟัน เกือบจะหยิบกระบี่สยบชั่วออกมาอีกครั้ง และสังหารเย่อู๋เทียนเสีย
พูดได้น่าโมโหจริงๆ!
ในขณะนี้ เสิ่นรั่วชิงถาม”กระบี่ดีขนาดนี้ ทำไมยังเป็นสนิมเหรอ?”
หานตี้ซือโกรธ ทำหน้าบึ้งตึง”นั่นไม่ใช่สนิม นั่นเป็นน้ำลายของกระบี่!”
เสิ่นรั่วชิงพูดด้วยใบหน้างงงวย”อะไรนะ?”
หานตี้ซือพูดอย่างเน้นย้ำคำต่อคำ”น้ำลาย! น้ำลายกระบี่!”
เสิ่นรั่วชิงยังคงไม่เข้าใจและพูดว่า”แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไร แต่ฟังที่คุณพูดเหมือนกระบี่นี้จะสุดยอดมากเลยนะ ฉันได้ยินมาว่ากระบี่ที่ดีสามารถทำลายทองและหิน และตัดเหล็กได้เหมือนโคลนดิน กระบี่ของท่านสามารถทำได้หรือไม่?”
หานตี้ซือไม่ได้พูดอะไรอีก และเดินไปที่ประตูหน้าทั้งสองด้วยใบหน้าที่มืดมน
เสิ่นรั่วชิงมองบนและพึมพำ”ทำเป็นเก่งอะไรกัน!ก็แค่กระบี่หนึ่งเล่มไม่ใช่หรอกหรือ?มันยังเป็นกระบี่ที่ขึ้นสนิม ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีกระบี่ใดที่ดีไปกว่ากระบี่นี้อีกแล้ว!”
เย่อู๋เทียนกระพริบตาสองสามครั้ง และพูดกับเสิ่นรั่วชิงด้วยเสียงต่ำ”ที่รัก เดี๋ยวคุณช่วยผมหลอกล่อเอากระบี่สยบชั่วนั้นจากมือของตาเฒ่ามา ถ้าเอามาได้ ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
เสิ่นรั่วชิงมองไปที่เย่อู๋เทียนด้วยความประหลาดใจและพูดว่า”ที่รัก คุณ… คุณไม่เคยให้ความสนใจกับสิ่งใดมากขนาดนี้ แค่กระบี่กากๆนั่น ทำไมคุณถึงอยากได้ขนาดนี้?”
ใบหน้าของเย่อู๋เทียนกระตุก
ไม่รู้จะอธิบายกับเสิ่นรั่วชิงอย่างไร
หลังจากเงียบไปนาน เย่อู๋เทียนก็พูดว่า”ผมจะอธิบายให้คุณแบบนี้แล้วกัน ถ้ามีอะไรในโลกที่สามารถคุกคามชีวิตของผมได้ สิ่งนั้นก็คือกระบี่สยบชั่วที่อยู่ในมือของตาเฒ่านั่น!”
เสิ่นรั่วชิงฟังหูไว้หู พูดอย่างลำบากใจ”แต่… นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบเขา คุณจะให้ฉันไปหลอกล่อเขาอย่างไร”
เย่อู๋เทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า”จากนี้ไป…คุณก็ทำอาหารอร่อยให้เขากิน ให้เขากินจนติดใจ และค่อยๆหลอกล่อเขา”
“…”
เสิ่นรั่วชิงหมดคำพูด
ในเวลาเดียวกัน
เย่อู๋เทียนและเสิ่นรั่วชิงอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
ชายหนุ่มในชุดยาวของตระกูลหลิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ได้ดึงร่างของหลิงเซียวเสียออกจากกำแพงที่ทำจากหยกชั้นดีออกมา
หลิงเซียวเสียอยู่ในอาการโคม่า
ทันใดนั้น ชายหนุ่มในชุดยาวที่ดึงหลิงเซียวเสียออกจากกำแพงก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ไม่รู้จริงๆว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ไปต่อ ไปที่สนามหลักของงานโอสถและการฝังเข็ม?
หรือว่า……
ถอยออกไปทั้งหมด?
มันลำบากใจจริงๆ
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ชายหนุ่มหลายคนในชุดยาวทั้งหมดมองไปที่ชายชราสองคนในชุดจีนสีดำซึ่งถูกทำลายวิชายุทธแล้ว
ชายชราตัวสูงชื่อหลิงฉางชิง และชายชราตัวเตี้ยชื่อหลิงฉางสิ่ง
ในวันธรรมดา สมาชิกของตระกูลหลิง และแม้แต่สมาชิกของอีกสามตระกูลของพันธมิตรมังกรต่างก็เรียกชายชราสองคนนี้ว่าผู้อาวุโสชิงและผู้อาวุโสสิ่ง
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสชิงและผู้อาวุโสสิ่งลุกขึ้นจากพื้นแล้ว แต่พวกเขาต้องหยุงกำแพง จึงสามารถยืนตรงได้
ผู้อาวุโสชิงกับผู้อาวุโสสิ่งสีหน้าดูซีดเซียว
ในใจยังคงกลัว!
จนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พวกเขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้ว
ในบรรดาเยาวชนจำนวนมากที่สวมเสื้อคลุมยาว ชายที่มีฝ้ากระบนหน้าได้รวบรวมความกล้าถามผู้อาวุโสชิง
“ผู้อาวุโสชิง เดี๋ยวเราจะไปร่วมงานงานโอสถและการฝังเข็มไหม?”
สีหน้าของผู้อาวุโสชิงน่าเกลียดมาก
ใบหน้าของผู้อาวุโสสิ่ง บิดเบี้ยว เขาช่วยผู้อาวุโสชิงพูดว่า”แน่นอน ต้องไป!เย่อู๋เทียน วันนี้จะต้องตายในกับดักที่เย่ฉิงชางวางไว้แน่นอน!
ถึงตอนนั้น ผมจะรอดูเขาถูกหั่นเป็นชิ้นๆด้วยตาของผมเอง!”
ผู้อาวุโสชิงส่ายหัวและพูดว่า”เกรงว่า… ทุกสิ่ง ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน!”
ผู้อาวุโสสิ่งถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา”ทำไม?”
ผู้อาวุโสชิงอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในร่างกายของเขาและกล่าวว่า”ผู้หญิงที่ทำร้ายหลิงเซียวเสียเมื่อกี้นี้ ต้องเป็นเทียนหลงเอ๋อร์จากตระกูลเทียนกล่าวคือ เย่อู๋เทียนได้บรรลุข้อตกลงบางอย่างกับตระกูลเทียนแล้ว!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสชิงหัวเราะอย่างขมขื่นและกล่าวเสริม”คุณอย่าลืมว่า เหตุผลที่เย่ฉิงชางสร้างกับดักฆ่าเย่อู๋เทียนเป็นการส่วนตัว จุดประสงค์หลักนั้น ก็เพื่อชิงแก่นเหรียญม่วงเหล่านั้นจากมือของเย่อู๋เทียน!”