จอมนักรบอหังการ - บทที่ 31 คำพูดเดียว ทำให้คนลูกตาแทบถลน!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 31 คำพูดเดียว ทำให้คนลูกตาแทบถลน!
ขณะนี้ เย่อู๋เทียน ได้เดินออกมาจากในตลาด
เขาไม่แม้แต่จะมองเว่ยเจิ้งกั๋วที่ยืนอยู่ข้างนอก แต่กลับเดินเข้าไปหาเย่จูนหลินที่ยืนอยู่บนเก้าอี้
ผู้คนที่ยืนมุมดูอยู่ตอนนี้ ต่างก็พากันคาดเดาตัวตนของเย่อู๋เทียน!
ไอ้หมอนี่ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
ถึงสามารถทำให้เว่ยเจิ้งกั๋วซึ่งเป็นหัวหน้าเมืองที่อยู่ต่อหน้าเขากลับดูต่ำต้อยขนาดนี้?
เมื่อกี้ตอนที่เย่อู๋เทียนอยู่ด้านในตลาด ก็เห็นพฤติกรรมของเย่จูนหลินที่อยู่ด้านนอกแล้ว
ไอ้เด็กนี่
ไม่สั่งสอนไม่ได้แล้ว!
เย่อู๋เทียนเดินไปถึงข้างกายของเย่จูนหลิน ภายใต้สายตาของผู้คน เขาก็ใช้ขาถีบเข้ากับขาเก้าอี้ที่เย่จูนหลินยืนอยู่
เก้าอี้ก็หักในทันที!
ช็อกสายตาผู้คนที่อยู่รอบข้าง
เย่จูนหลินที่สะดุดเพราะเหตุนี้ จึงหงายหลังไปทั้งคน!
แต่ในขณะนั้น เย่อู๋เทียนก็คว้าเสื้อของเย่จูนหลินเอาไว้
เย่จูนหลินตกใจจนตาค้างไปแล้ว
มองเย่อู๋เทียนอย่างทำอะไรไม่ถูก
“พอ พ่อ!”
เย่อู๋เทียนจ้องมองเย่จูนหลินด้วยสายตาที่เย็นชา ชี้ไปยังเด็กหนุ่มผมทองที่อยู่ด้านข้าง
“แกรู้มั้ย เขาทำไมถึงมีสภาพที่แย่ขนาดนี้?”
“ไม่พูดถึงว่าแกจะมีความสามารถหรือไม่ แม้แกจะมีความสามารถ ก็ไม่ควรที่จะกำเริบแบบนี้!”
“ไอ้หนุ่มผมทองคนนี้ ก็เพราะมันคิดว่าตัวเองเจ๋ง สุดท้ายไปเจอคนที่เจ๋งกว่า ถึงได้มีสภาพที่น่าอนาถแบบนี้!”
“แกอยากจะเหมือนเขา คิดอยากจะรังแกคน?”
เย่จูนหลินเหมือนจะเข้าใจแล้ว ก็รู้สึกละอายใจในทันที
อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นเด็ก ทันใดนั้นน้ำตาก็คลอเบ้า
น้อยใจอย่างมาก
เย่อู๋เทียนที่เห็นท่าทางแบบนี้ของเขา แม้ในใจจะรู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่ปรานี
มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่ง
สอนลูกต่อหน้า สอนเมียในที่ลับ
ไม่เช่นนั้น
อนาคต จะขายหน้าได้!
เย่อู๋เทียนจึงได้วางเย่จูนหลินลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี แล้วสั่งด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด
“ไป ไปเข้ามุมแล้วคิดทบทวน คิดดูว่าตัวเองนั้นทำผิดอะไร หากคิดดีแล้ว ก็เขียนหนังสือรับประกันให้พ่อ!”
เย่จูหลินร้องไห้เสียงดัง
เย่อู๋เทียนถลึงตาใส่เย่จูนหลิน
“ยังจะร้องอีก เดี๋ยวก็ตีจนแม่แกจำแกไม่ได้เลย!”
เย่จูนหลินหยุดร้องในทันที
คนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อเห็นภาพนี้ต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง
แต่ว่าในสายตาของไอ้หนุ่มผมทอง
กลับสะใจ!
ไอ้เด็กเปรต ถูกพ่อแกตีให้ตายถึงจะดี!
ในเวลานี้ เย่อู๋เทียนจึงได้หันไปมองไอ้หนุ่มผมทองด้วยสายตาที่เย็นเยือก
สายตานั้น เย็นดั่งคมมีด
ไอ้หนุ่มผมทองสะดุ้งตกใจจนก้นกระแทกกับพื้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในปากก็กระอักออกมาด้วยเลือด!
ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เย่อู๋เทียน จึงค่อยๆเอ่ยปากพูดขึ้น
“ปล่อยหมามาทำร้ายคน ยังดีที่ไม่มีคนเสียชีวิต หากมีคนเสียชีวิต ต่อให้แกตายเป็นหมื่นครั้งก็ไม่สาสม!”
ไอ้หนุ่มผมทองตกใจจนเกือบจะตายอยู่แล้ว
ลูกชายกำแหง
พ่อจะกำแหงขนาดไหน?
เขาแค่มองตัวเองไปแวบเดียว ตัวเองก็กระอักเลือดแล้ว?
นี่……..
เย่อู๋เทียนไม่ได้สนใจไอ้หนุ่มผมทองอีก แล้วหันหน้ามองไปทางเว่ยเจิ้งกั๋ว
เว่ยเจิ้งกั๋วที่อ่อนแรงไปทั้งร่าง ได้พูดขึ้น
“ชิง……..”
ยังไม่ทันที่จะพูดคำว่าชิงตี้ออกมา ก็ถูกเย่อู่เทียนพูดขัด
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ คนของมังกร กรุ๊ปปล่อยหมาออกมาทำร้ายคน ควรชดใช้ก็ให้ชดใช้ ควรขอโทษก็ไปขอโทษ!”
เว่ยเจิ้งกั๋วรีบกล่าวคำขอโทษ
“ครับ ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสม!”
เย่อู๋เทียนมองไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยSWATที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
“ให้พวกเขาสุ่มคนไปจัดการก็พอ แต่คุณยังต้องจัดการสิ่งที่คุณควรจัดการให้เหมาะสม!”
เว่ยเจิ้งกั๋วโค้งคำนับ
“เข้าใจแล้ว!”
เย่อู๋เทียนที่น้ำเสียงเรียบเฉย
“แยกย้ายกันได้แล้ว!”
ไม่นาน คนก็แยกย้ายไปหมด
แต่ว่าเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คนในซอยก็รับรู้สิ่งหนึ่ง
ถนนทิงเฉาลูกเขยของพี่เกา
รังแกไม่ง่าย!
เฉินเหวินจิ้งก็ได้นำวัดซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของโรงพยาบาลกลางเมืองเจียงไห่มาได้ทันเวลาพอดี
เมื่อฉีดยาให้เกาเม่ยหลิงเสร็จแล้ว
เย่อู๋เทียนก็เชิญชวนให้เฉินเหวินจิ้งอยู่ทานข้าวกันก่อน
“เหวินจิ้ง รั่วชิงไปสั่งสินค้ากับพ่อของเธอแล้ว อีกสักพักก็จะกลับมา เธออยู่ทานข้าวด้วยกันนะ”
“หลายปีมานี้ ต้องขอบคุณที่เธอช่วยดูแลรั่วชิง”
เฉินเหวินจิ้งทำตาขวางใส่เย่อู๋เทียน
“ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนกัน พูดแบบนี้ทำไม? ที่โรงพยาบาลค่อนข้างที่จะยุ่ง ฉันต้องกลับไปตอนนี้ คืนนี้ละกัน คืนนี้ค่อยทานข้าวด้วยกัน” เย่อู๋เทียนก็ไม่ได้ร้างเธอเอาไว้
เฉินเหวินจิ้งเหลือบมองเย่จูนหลินที่ถูกลงโทษโดยการเข้ามุม พร้อมทำปากชี้ไปทางเย่จูนหลิน แล้วถามเย่อู๋เทียน
“ลูกชายนายเป็นอะไร?”
เย่อู๋เทียนตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ทำความผิด”
เฉินเหวินจิ้งเบ้ปาก
“เจ็ดปีที่นายไม่อยู่ เขาเป็นเด็กดีมาก เขาอุตส่าห์เฝ้ารอจนนายกลับมา ก็ถูกนายมาสั่งสอนแบบนี้ นายทำไมโหดร้ายแบบนี้นะ!” เกาเม่ยหลิงที่อยู่ด้านข้างก็สงสารหลานจับใจ
เห็นได้ชัด หลานชายสุดที่รัก ถูกพ่อมันสั่งสอนแบบนี้ ก็อดที่จะสงสารไม่ได้
แต่ว่าพ่อสั่งสอนลูก เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เย่อู๋เทียนที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก
แต่ได้พูดกับเกาเม่ยหลิงไปหนึ่งคำ
“แม่ครับ ผมจะไปทำธุระที่ร้านของท่านโจว ที่อยู่เยื้องๆฝั่งตรงข้าม ส่วนจูนหลิน ให้เขายืนอยู่ตรงนั้นแหละ ผมรู้ลิมิต” หลังจากที่พูดจบ เย่อู๋เทียนก็เดินจากไป
เกาเม่ยหลิงตกตะลึงอยู่กับที่
เขา………
เมื่อกี้เขาเรียกฉันว่าอะไรนะ?
แม่?
โอ๊ย!
โอ้โห…….
อารมณ์ดีอย่างมาก
แม้แต่เมื่อกี้ที่ถูกฉีดวัดซีนกันพิษสุนัขบ้าที่ก้น ก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
เกาเม่ยหลิงมองดูเย่อู๋ที่เทียนที่จากไป ยิ้มจนปากจะฉีกแล้ว
แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองยิ่งถูกใจ
อีกฝั่งหนึ่ง สถานสอนเขียนพู่กันจีนโจวจวิน
ปรมาจารย์ด้านพู่กันจีนของประเทศหลง โจวไป๋เซิง กำลังเขียนหนังสืออยู่บนชั้นสอง
ท่าทางที่มีสมาธิของเขา เหมือนขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังเขียนหนังสือ
ชั้นหนึ่ง หญิงสาวที่หน้าตาสวยงามคนหนึ่งสวมชุดแฟชั่นฤดูร้อน ยืนอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มที่สวมชุดสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งมีท่าทีที่ค่อนข้างถ่อมตัว
เพราะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าที่สวมชุดสมัยราชวงศ์ถัง มีชื่อว่าฉู่เหวินเต้า เป็นลูกศิษย์ที่ท่านโจวไป๋เซิงภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
มีผู้คนมากมายมาขอให้ฉู่เหวินเต้าเขียนหนังสือให้ทุกวัน อีกทั้งยังเป็นคนใหญ่คนโตในเมื่องเมืองเจียงไห่
ตัวอักษรเพียงหนึ่งตัวของฉู่เหวินเต้า ก็มีค่าดั่งทอง!
ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าหยางเฟยเอ๋อร์ อยู่ในเมืองเจียงไห่แม้จะไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร แต่ก็เป็นถึงประธานของบริษัทแห่งหนึ่ง วันนี้มาขอให้ฉู่เหวินเต้าช่วยเขียนตัวอักษรให้
“คุณฉู่ ที่บริษัทของฉันก็ขาดเพียงตัวอักษรของคุณแล้ว!”
“ขอเพียงคุณช่วยใช้มืออันมีค่าของคุณ ช่วยฉันเขียนตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว เงินนั้นไม่ใช่ปัญหา!”
“อีกอย่าง ด้านราคา คุณเสนอมาได้เลย ฉันไม่ต่อราคาอย่างแน่นอน!”
ฉู่เหวินเต้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา อาจารย์เคยพูดไว้ จะไม่เขียนอักษรให้กับบริษัทห้างร้านเด็ดขาด มันคือกฎที่ถูกตั้งเอาไว้”
หยางเฟยเอ๋อร์ทำท่าทางที่น่าสงสาร
“ในเมื่อฉันก็มาถึงที่นี่แล้ว อีกอย่างฉันก็เอาเงินมาด้วย เอาเงินสดมาตั้งหลายแสนหยวน ขอความกรุณาคุณช่วยเขียนตัวอักษรให้ฉันแค่สี่ตัว!”ฉู่เหวินเต้ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ด้านหลังของหยางเฟยเอ๋อร์ดังขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของชายคนหนึ่ง
“สี่ตัวอักษรไหนบ้างละ?”
หยางเฟยเอ๋อร์หันไปมองโดยสัญชาตญาณ พ่นคำพูดออกมาในทันที
ฉู่เหวินเต้าที่เขียนหนังสืออยู่หลังโต๊ะยาว เมื่อได้ยินเสียงของเย่อู๋เทียน ก็เงยหน้าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
วินาทีต่อมา ฉู๋เหวินเต้ารีบเดินไปข้างหน้า ยกมือคารวะ
“อาจารย์ลุง!”
เย่อู๋เทียนยิ้มพร้อมกับยกมือ
“เหวินเต้า ผ่านไปหลายปีแล้ว ทำไมนายยังสุภาพเรียบร้อยขนาดนี้? ตาแก่อยู่ไหน?”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงที่อยู่ด้านบน
หยางเฟยเอ๋อร์มองไปโดยสัญชาตญาณ สีหน้าก็มีความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
ก็เห็นโจวไป๋เซิงเดินลงมาจากชั้นสองด้วยฝีเท้าที่รีบร้อน
โจว
ท่านโจว?
แต่ ทำไมเขาถึงต้องตื่นเต้นขนาดนี้?
โดยปกติ คนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็นิ่งราวกับผู้เขาไท้ซาน กลับวิ่งลงมา?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
และคำพูดของโจวไป๋เซิง ยิ่งทำให้หยางเฟยเอ๋อร์ช็อกจนลูกตาแทบถลนออกมา!
“ศิษย์พี่! ท่าน ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”